ธุรกิจบนเน็ตโตก้าวกระโดดยาก B2Bต้องใช้ความอดทนและอึด


ผู้จัดการรายวัน(11 มีนาคม 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

ธุรกิจเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตโอกาสโตแบบก้าวกระโดดยาก หลัง e-Procurement นโยบายภาครัฐที่หวังใช้กระตุ้นอี-คอมเมิร์ซให้เกิดเจ้า ของตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์ถอด ใจ เพราะมูลค่าโครงการต่ำ กำไรน้อย ซึ่งจะส่งถึง B2B ที่ยังต้องร้อง เพลงรอ ขณะที่คนไอทีเชื่อ B2B เกิดแน่แต่ต้องใช้เวลาและอดทน

นายสุภรัฐ เอื้อวัฒนะสกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ป๊อป เน็ตเวิร์ค จำกัด ผู้ให้บริการเกี่ยวกับตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Marketplace และเป็นอีกหนึ่งรายที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีของกรมบัญชีกลาง ในการได้สิทธิ์เป็นผู้ให้บริการระบบจัดซื้ออิเล็กทรอนิกส์ (e-Procurement) ของภาครัฐเปิดเผยถึงการดำเนินกิจการ เกี่ยวกับการทำ B2B หรือ Business to Business ว่า B2B เป็น การผสมผสานหลายอย่างเข้าด้วยกัน และเชื่อว่าธุรกิจนี้จะต้องทำแบบ ค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากเป็นเรื่อง ใหญ่ ที่สำคัญธุรกิจเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตจะไม่โตเร็ว แต่ก็เชื่อว่าจะเติบโตแบบต่อเนื่อง

"ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเน็ตจะไม่โตแบบก้าวกระโดด แต่ก็เชื่อว่าจะโตแบบสม่ำเสมอ"

ส่วนนโยบายของภาครัฐที่ต้องการให้เอกชนเข้ามาให้บริการ e-Procurement เพื่อกระตุ้นอี-คอมเมิร์ซ เพราะยังไม่ตื่นตัวนั้น นายสุภรัฐกล่าวว่า การที่ภาครัฐมี นโยบายออกมากระตุ้นเป็นเรื่องที่ดี หากเรื่องดังกล่าวเกิดหรือประสบผลสำเร็จจะส่งผลดีกับผู้ประกอบการทุกราย

"e-Procurement เป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้น B2B แต่ e-Procurement ขณะนี้เริ่มมีการแข่งขันกันสูง และผิดคอนเซ็ปต์ไป"

สำหรับการทำ e-Procurement ซึ่งมีผู้ให้บริการ 6 ราย เริ่มถอดใจ เพราะเห็นว่าทำแล้วไม่คุ้มค้า เนื่องจากมูลค่าโครงการน้อย รายได้ต่ำ และมีการแข่งขันกันสูง

ด้านนางสาวกนกวรรณ ว่องวัฒนะสิน อดีตกรรมการผู้จัดการ อินเตอร์เนต เคเอสซี ในฐานะคนวงการอินเทอร์เน็ต ให้ความเห็นเกี่ยวกับอี-คอมเมิร์ซแบบ B2B ว่า ที่ให้ผู้ซื้อและผู้ขาย ซื้อขายกันได้โดยตรงโดยผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดระหว่างผู้ซื้อที่เป็นบริษัท ห้างร้าน องค์กร หรือหน่วยงานรัฐ ว่าจะสามารถซื้อของได้ถูกกว่าวิธีการจัดซื้อแบบปรกติ เพราะจะเปรียบเทียบราคาของผู้ขายหลายๆ เจ้าได้พร้อมกัน และจะได้ราคาพิเศษเนื่องจากการที่ผู้ขายจะต้องแข่งขันกันอย่างโปร่ง ใสผ่านระบบออนไลน์ โดยไม่รู้ว่าคู่แข่งจะเสนอราคาขายที่เท่าไร

ขณะเดียวกันผู้ขายจะได้ประโยชน์จาก B2B Marketplace ที่สามารถจะขยายตลาดไปสู่กลุ่มผู้ซื้อใหม่ๆ ได้โดยไม่ต้องลงทุนในด้านการตลาด หาลูกค้าเหมือนแบบ การค้าปรกติ และสามารถจะเปลี่ยน ราคาและเสนอราคาขายได้บ่อยแค่ไหนก็ได้ ทำให้มีความคล่องตัวต่อระบบการจัดการและลดต้นทุนประกอบการได้ในที่สุด

B2B ดูแล้วเหมือนจะดี แต่ในความเป็นจริงขณะนี้มีปัญหาและอุปสรรคที่ทำให้อีคอมเมิร์ซแบบ B2B ไม่ประสบความสำเร็จเหมือนประเมินสถานการณ์กันไว้ในปี 2000 ที่บรรดานัดลงทุนและประเภทกองทุนทั้งหลายต่างจัดเงิน ลงทุนในธุรกิจ B2B มากถึง 3.5 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณหนึ่งแสนห้าหมื่นล้านบาท ทั้งหมดลงทุนไปในบริษัทที่ผลิตซอฟต์แวร์ B2B, บริษัทที่เป็น B2B เว็บท่า ที่เป็นตัวกลางจัดระบบแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าให้แก่ผู้ซื้อและผู้ขายรวมกันมีจำนวนถึง 142 บริษัท

แต่พอเริ่มดำเนินการจริงต้อง ประสบกับปัญหาคือ ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายไม่อยากจะที่เปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบการซื้อขายแบบออนไลน์ ที่ต่างไปจากการจัดซื้อแบบเดิมที่รู้จักทั้งผู้ซื้อและผู้ขายดีอยู่แล้ว ความสัมพันธ์ที่มีกันมายาวนานระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ตลอดจนความเชื่อที่ว่าการใช้โทรศัพท์ แฟกซ์ส่งราคา และจัดการประมูล แบบใส่ ซองปิดผนึกก็มีประสิทธิภาพเพียงพอแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ที่สำคัญในการได้พูดคุยเห็นหน้าเห็นตากัน จะสามารถต่อรองราคาตกลงทำธุรกิจกันได้ดีกว่า

อุปสรรคอีกข้อหนึ่ง คือ ทัศนคติของผู้ประกอบการ เจ้าของกิจการ แตกต่างไปจากผู้บริหารระดับกลาง หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติโดยทั่วไป ที่ผู้บริหารต้องการเข้าสู่ระบบการจัดการสมัยใหม่จาก Industrial age เข้าสู่ Information age โดยพยายามผลัก ดันนำระบบใหม่มาใช้ แต่อาจจะไม่ ได้ฝึกในแง่ของการเปลี่ยนแปลงทัศนคติคน การเรียนรู้ของคน จะช้ากว่าการเปลี่ยนเปลงในเทคโนโลยีเสมอ โดยเฉพาะทางด้านคอมพิวเตอร์และไอที

รอยต่อในการเปลี่ยนแปลงจากยุคปฏิวัตอุตสาหกรรมไปยังยุคอุตสาหกรรมข่าวสารสารสนเทศ ยังคงต้องใช้เวลาให้ผู้คนทั่วไปยอม รับ และที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือต้นทุน ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการนำระบบใหม่มาใช้ เช่น ต้นทุนอุปกรณ์ฮาร์ด แวร์ ซอฟต์แวร์ ค่าฝึกอบรมพนักงาน ตลอดจนต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการลองผิดลองถูก ทั้งหมดจะเกิดก่อนที่จะสามารถประหยัดต้นทุนได้จริงจากการใช้ระบบ B2B

เรื่องของเปอร์เซ็นต์ที่ผู้ขายต้องจ่าย ให้แก่บริษัทกลางที่เป็นผู้จัดทำระบบและบริหาร B2B ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ทำให้ B2B ไม่เกิด เพราะผู้ขายมองว่าทำไมจึงต้อง มาจ่ายให้แก่คนกลาง สู้นำเปอร์ เซ็นต์ตัวนี้ไปลดให้ผู้ซื้อโดยตรงดีกว่า แต่ก็ยังไม่สำคัญเท่าผู้ขายส่วน ใหญ่ยังพอใจที่จะติดต่อกับผู้ซื้อโดยตรงแบบเห็นหน้าค่าตา เพื่อรักษาสัมพันธภาพอันดีไว้ในระยะยาว มากกว่าที่จะต้องผ่านอินเทอร์เน็ต

"ผู้ที่ทำธุรกิจ B2B ขณะนี้คงต้องใช้ความอดทน ทำความเข้า ใจ และต้องช่วยฝึกอบรมผู้ซื้อและผู้ขายให้เข้าใจถึงประโยชน์ในอนาคต พร้อมกับสร้างสัมพันธภาพ ที่ดีระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายควบคู่กับไปด้วย ยังไงๆ B2B ก็เกิดแน่ แต่ต้องใช้ระยะเวลา ผู้ที่ทำธุรกิจนี้ต้องอดทนจนกว่าเวลานั้นจะมาถึง" นางสาวกนกวรรณกล่าว



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.