ผอ.คลื่นร่วมด้วยช่วยกัน ยืนยันเจตนารมณ์ดำเนินราย การเพื่อชุมชนและสังคมเมือง
ไม่เกี่ยวเรื่องการเมือง พร้อมขอความเป็น ธรรม หลังเซ็นสัญญาแล้ว แต่กลับถูก เบี้ยวตัดสัญญาณ
ผอ.คลื่นร่วมด้วยช่วยกัน ยืนยันเจตนารมย์ดำเนินราย การเพื่อชุมชนและสังคมเมือง
ไม่เกี่ยวเรื่องการเมือง พร้อมขอความเป็น ธรรม หลังเซ็นสัญญาแล้ว แต่กลับถูกเบี้ยวตัดสัญญาณ
ขณะที่กลุ่มผู้ฟังไอเอ็นเอ็นรวมตัวออกแถลงการณ์โต้ผู้บริหารกรมรักษาดินแดนว่าเป็นรายการวิทยุ
"ไร้สาระ" เตรียมรวมตัวกันวันนี้ที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อคัดค้านการปิดรายการ
นายสมชาย แสวงการ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุชุมชน ร่วมด้วยช่วยกัน คลื่น FM 96.0
MHz กล่าวถึงกรณีหน่วยบัญชา การกองกำลังสำรอง กองทัพบก ตัดสัญญาณ ออกอากาศตั้งแต่เมื่อเวลาประมาณ
20.20 น. เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยอ้างว่าเครื่อง ส่งสัญญาณเสียและพยายามเบี่ยงเบนว่าการออกอากาศของรายร่วมช่วยกัน
ที่ดำเนินการมาตลอด 5 ปีเพื่อสังคมเป็นเรื่องไร้สาระ และไม่มีการตรวจสอบส่งผลให้เกิดความเสียต่อบุคคลที่สาม
โดยผู้อำนวยการสถานีวิทยุชุมชนร่วมด้วยช่วยกันยืนยันว่าบริษัท ไอเอ็นเอ็นกรุ๊ป
ได้ต่อสัญญากับหน่วย บัญชาการกำลังสำรอง แล้วเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2546 ที่ผ่านมา
เป็นระยะเวลา 1 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2546 ไปจนถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์
2547 แต่เมื่อคืนวานนี้ได้รับแจ้งว่าเครื่องส่งสัญญาณ เสีย และจนถึงบัดนี้ผ่านไปแล้วกว่า
20 ชั่วโมง ยังไม่สามารถออกอากาศได้ จึงได้ทำหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากรัฐมนตรีกลาโหมและผู้บัญชาการทหารบก
พร้อมจะดำเนินการทุกวิถีทาง เพื่อร้องขอความเป็นธรรม
นายสมชาย กล่าวว่าเจตนารมณ์ของการดำเนิน รายการร่วมด้วยช่วยกัน กระทำเพื่อชุมชน
และสังคมเมือง และไม่น่าเกี่ยวข้องกับคลื่นข่าวสารทาง การเมืองของสำนักข่าวไอเอ็นเอ็น
แต่อาจมีความพยายามของบุคคลบางฝ่ายที่จะนำคลื่นร่วมด้วยช่วย กันไปผูกโยงกับเรื่องการเมืองจนนำซึ่งมาตัดสัญญาณ
การออกอากาศในครั้งนี้
ขณะที่รายการวิทยุของไอเอ็นเอ็น ไม่มีการออก อากาศ แต่ก็หันมาให้ผู้ฟังที่มีเว็บไซต์สามารถพูดคุย
ผ่านเว็บไซต์ของสถานีวิทยุไอเอ็นเอ็นได้ที่ www. Innnews.co.th.
แฉหลักฐานการต่อสัญญา
ก่อนที่จะหมดสัญญาของสถานีวิทยุไอเอ็นเอ็น ได้มีหนังสือจากทางสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหา
กษัตริย์ ตั้งแต่วันที่ 12 ก.พ. 2546 เรื่องการต่อสัญญาการสั่งโฆษณาทางสถานีวิทยุกรมรักษาดินแดน
ถึงพลโทชาญวิช ศรีธรรมวุฒิ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการกำลังสำรอง อ้างถึงหนังสือที่
อ. 015/2546 ลงวันที่ 24 มกราคม 2546 ซึ่งเนื้อหาของหนังสือระบุว่าตามที่บริษัท
ไอ เอ็น เอ็น ได้มีหนังสือถึงท่าน ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการกำลังสำรอง เพื่อขอต่อสัญญาสั่งโฆษณาสถานีวิทยุเอฟ.เอ็ม
96.0 เมกะเฮิรตซ์ โดยทางสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่ง เป็นผู้ร่วมลงทุนในโครงการและเป็นผู้สนับสนุนโครง
การร่วมด้วยช่วยกัน ได้ติดตามผลการพิจารณาของหน่วยการกำลังสำรองมาโดยตลอด และบัดนี้
สำนัก งานทรัพย์สิน ได้รับทราบว่าท่านผู้บัญชาการฯได้กรุณาอนุมัติให้ บริษัท ไอเอ็นเอ็น
จำกัด ให้ต่อสัญญาได้ สำนักงานทรัพย์สินฯขอถือโอกาสนี้ขอบคุณ ท่านผู้บัญชาการ
กลุ่มประชาคมผู้รับฟังรายการร่วมตัวออกแถลงการณ์
ในวันเดียวกันที่สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น ได้มีกลุ่มผู้ฟังของวิทยุไอ เอ็น เอ็น ได้เดินทางมาที่ทำการ
ของบริษัทกว่า 200 คน เพื่อประชุมกันเพื่อออกแถลงการณ์ ว่ารายการวิทยุไอเอ็นเอ็น
เป็นรายการวิทยุที่ถือได้ว่าทำประโยชน์ ให้แก่พี่น้องประชาชน มาก ที่สุดรายการหนึ่ง
แต่ถูกกล่าวหาว่า "ไร้สาระ" โดย ในใบแถลงการณ์ ดังกล่าวได้ยกตัวอย่าง การเก็บทรัพย์สินเงินทองของท่านได้
ให้มารับคืนที่รายการร่วมด้วยช่วยกัน ,ญาติท่าน ลูกท่าน เมียท่าน ใช้ชื่อนี้หรือไม่
เกิดเหตุฉุกเฉิน ...ให้ติดต่อที่โรงพยาบาลด่วน ,เรื่องที่ท่านร้องเรียนมา ตอนนี้ทางเราได้ติดต่อ
ไปยังเจ้าหน้าที่แล้ว นี่เป็นเพียงบางส่วน และยังมีอีก มากมายหลายเรื่องที่เจ้าหน้าที่ได้ทำหน้าที่เพื่อสังคม
และเพื่อความผาสุกของประชาชน ร่วมด้วยช่วยกันมีรูปแบบรายการที่เน้นเนื้อหาจากการแจ้งเหตุของประชาชนเป็นหลัก
มิได้เป็นรายการที่เน้นการแสดงความคิดเห็น (ไร้สาระ) อย่างที่เข้าใจ
ตลอด 5-6 ปีที่ผ่านมา รายการได้ร่วมทุกข์ร่วม สุขกับประชาชน พี่น้องประชาชนที่เคารพ
เราในฐานะ ประชาชนพลเมืองของประเทศไทยรู้สึกเสียใจและผิดหวังอย่างยิ่งกับคำกล่าวหาว่า
วิทยุร่วมด้วยช่วยกัน "ไร้สาระ" จากผู้บริหารระดับสูงของกรมการรักษาดินแดน ซึ่งถือได้ว่าเป็นหน่วยกำลังสำคัญของกองทัพบก
พวกเราคิดเสมือนว่าเราเป็นหนึ่งในสมาชิกร่วมด้วยช่วยกัน บัดนี้ไม่มีแล้ว ไม่มีรายการวิทยุร่วม
ด้วยช่วยกัน ไม่มีโฆษกที่จะมาพูดคุยสนทนา ท่านผู้บริหาร ผู้ดำเนินรายการ เจ้าหน้าที่ทุกท่าน
พวกเรา ในฐานะประชาชนของประเทศไทยในฐานะผู้ฟัง ขอให้คำมั่นสัญญาว่า เราจะอยู่เคียงข้างท่าน
และเป็นกำลังใจท่าน เพื่อยืนหยัดในพลังแห่งการร่วมด้วยช่วย กันให้คงอยู่ต่อไป และหวังว่าวันหนึ่งรายการที่เรารักจะกลับคืนมา
ขณะเดียวกันมีรายงานว่ากลุ่มผู้ฟังวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน จะมีการรวมตัวกันที่บริเวณพระบรมรูปทรงม้าในวันนี้
(3 มี.ค.) เวลาประมาณ 8.00 น. เพื่อยื่นหนังสือคัดค้านกับตัวแทนรัฐบาล
พรรคฝ่ายค้านอัดมีความไม่ชอบมาพากล
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่กรมการรักษาดินแดน
มีการตัดสัญญาณสำนักข่าวไอเอ็นเอ็น เมื่อค่ำวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา และจะไม่มีการต่อสัญญาในการออกอากาศว่าการไม่ต่อสัญญา
เป็นผลมาจากการต่อรอง ของรัฐบาลกับกรมการรักษาดินแดนเจ้าของคลื่น โดย การออกมาให้สัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่มีความชัดเจนว่า
มีจุดประสงค์ไม่อยากให้สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น ทำข่าว ในด้านการเมืองและเปิดสายแสดงความเห็น
โดยใช้คำว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นที่ไร้สาระ และแสดง เจตนารมณ์ต้องการให้ประชาสัมพันธ์ในเรื่องการทำ
งานของภาครัฐอย่างเดียว ซึ่งเขามองว่าในฐานะเจ้า ของคลื่นก็สามารถทำได้ เพียงแต่เหตุผลในการตัดสินใจที่จะไม่ต่อสัญญามีความไม่ชอบมาพากล
ไม่โปร่งใส และเชื่อว่าเป็นเรื่องของการส่งสัญญาณมา จากรัฐบาล ไปยังกรมการรักษาดินแดน
เพียงเพื่อแก้ปัญหาในด้านการเมือง เพราะทนรับฟังคำวิจารณ์ ไม่ได้
สิ่งที่รัฐบาลควรจะต้องทำคือ ชี้แจงข้อเท็จจริงประชาชน โดยเฉพาะสถานีวิทยุไอเอ็นเอ็น
ต้องยอม รับว่าไม่ใช่เป็นสถานีธรรมดา แต่รายการร่วมด้วยช่วย กัน ถือเป็นรายการที่เป็นลักษณะชุมชนทางอากาศที่เปิดโอกาสให้ประชาชนที่เดือดร้อนสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารต่างๆ
ได้ เพื่อรับการช่วยเหลือ ดังนั้นการยุบสถานีข่าวเช่นนี้ ส่งผลกระทบต่อชุมชน ทางอากาศแน่นอน
และจะทำให้ประชาชนไม่มีสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนความช่วยเหลือ ซึ่งการตัดการ ออกอากาศดื้อๆ
โดยหวังผลทางการเมือง แต่ส่งผลกระทบต่อชุมชนทางอากาศ และสังคมกรุงเทพฯอย่าง รุนแรง
เพราะสถานีนี้ถือว่ามีประโยชน์ต่อสังคมอย่างมาก
"ถ้ารัฐบาลชี้แจงเหตุผลไม่เพียงพอก็ควรที่จะมีการทบทวนอย่างน้อยที่สุดคือเรื่องที่สังคมกรุงเทพฯ
ขาดเครือข่ายชุมชนทางอากาศ ส่วนประเด็นที่จะตัดโอกาสทางด้านการเมือง ผมคิดว่าป่วยการที่จะพูดกับรัฐบาล
เพราะนายกรัฐมนตรีก็คงจะดื้อดึง ทำต่อ ไป และคงเลี่ยงไม่ได้ที่ท่านต้องรับผิดชอบ
เพราะเป็น คนออกมาตำหนิไอเอ็นเอ็น ที่เสนอข่าวกรณีร.ต.อ. ปุระชัย (เปี่ยมสมบูรณ์
รองนายกรัฐมนตรี) ผมเชื่อว่านี่เป็นการส่งสัญญาณให้ทางเจ้าของคลื่นไม่ต่อสัญญาให้
ผมไม่แน่ใจว่าต่อไปใครจะโดนอีก เพราะการทำอย่างนี้ก็เหมือนกับเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู
และนับเป็นกว่าร้อยกรณีของการแทรกแซงสื่อ เพียง แต่ครั้งนี้ชัดเจนรุนแรง คุกคาม
และกร้าวร้าวที่สุด โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อสังคม ซึ่งเป็นสัญญาณ ที่บ่อนทำลายสังคมประชาธิปไตยที่ชัดเจนที่สุดของรัฐบาลชุดนี้"
นายสาทิตย์กล่าว
โสภณ จวกกองทัพ
นายโสภณ สุภาพงษ์ ส.ว.กทม. กล่าวถึงการถึงการตัดคลื่นสัญญาณร่วมด้วยว่าลองถึงผลเสียหาย
ก่อน ผลเสียหายของเรื่องนี้มันขัดโดยตรงกับประโยชน์สาธารณะเลย เพราะรายการร่วมด้วยช่วยกันสามารถทำให้คนไทยมีโอกาสได้ร่วมมือกันทำความดีต่อกันสร้างสังคมที่ดีรัฐไม่ต้องทำอะไรเลย
ที่แม้แต่ราชการก็ทำไม่ได้ ดังนั้นมันขัดต่อประโยชน์ของประชาชนโดยตรงเลย เรียกว่าเหมือนเป็นการกระทำที่เป็นศัตรูกับประชาชน
ซึ่งน่าตกใจมาก แล้ว ไม่เชื่อว่าเรื่องนี้มาจากกองทัพมาจากเรื่องตัวบุคคลแน่นอน
นอกจากนี้ยังส่งผลเสียหายกับกองทัพ เพราะการกระทำของคนคนหนึ่งเนี่ยทำให้กองทัพ
ที่ดีมาตลอดเลยเนี่ยเสียหาย และที่สำคัญมัน ทำให้โล่เสียหายด้วยเพราะว่ามันเพิ่งมีเรื่องปรากฏเกี่ยวกับคุณปุระชัย
เพราะฉะนั้นมันจะทำให้เป็น ที่เข้าใจว่านายกฯ เกี่ยวข้องซึ่งผมคิดว่าหรือคนทั่วไปก็คงจะคิดได้ว่านายกฯคงจะไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้หรอก
เพราะว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ต่ำมาก นายกฯคงจะไม่มาทำเรื่องต่ำๆ อย่างนี้
เพราะมีผลเสียต่อนายกฯมาก
ส.ว.กทม. กล่าวด้วยว่า ความเข้าใจผิดที่ไปเอา ความถี่หรืออะไรมาเป็นของส่วนตัวหรือเอาสถานี
ซึ่งเป็นงบประมาณประชาชนมาเป็นของส่วนตัว ทำตามอำเภอใจ มีโอกาสจะถูกถอดถอนได้ เพราะว่ามันเป็นการประพฤติมิชอบ
ถ้าลงไปลึกๆ ผมคิด ว่าประชาชนควรจะเสนอว่าใครที่สั่งการเรื่องเนี่ยควรจะถูกถอดถอนตามรัฐธรรมนูญเสนอนายกฯ
ให้ดำเนินการเรื่องนี้เลย เพราะว่าถ้าไม่มีการดำเนินการเนี่ย ประชาชนคงจะสามารถเสนอีที่จะถอด
ถอนได้ โดยผ่านป.ป.ช.อันนี้ถือเป็นลักษณะประพฤติมิชอบ ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องทุจริตยิ่งชัดใหญ่
ถ้าเป็นผลประโยชน์ส่วนตัว ถ้าเป็นการประพฤติผิดในเรื่องของการปฏิบัติก็ถือว่าจงใจประพฤติผิด
อันนี้ต้องไปดูในรายละเอียดว่ามาจากเหตุจูงใจอะไร ถ้าเหตุจูงใจในการทุจริตมิยิ่งไปกันใหญ่
ก็จะเห็น ได้ว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่มีโอกาสผิดรัฐธรรมนูญและผิดกฎหมาย
นายโสภณ กล่าวว่าสาเหตุจูงใจอันนี้เป็น ความเห็นทันทีของคนที่อยู่ข้างนอกที่มองเนี่ย
สาเหตุจูงใจ อันนี้น่าจะมาจากการประจบประแจง หรืออันที่สองมาจากผลประโยชน์ แต่จากสาเหตุของการที่จะประจบหรือผลประโยชน์
มันไปทำให้เกิดความเสียหายมาก อย่างที่ว่ามันขัดต่อ ประโยชน์ประชาชน ทำให้นายกฯกับกองทัพเสีย
หาย แล้วก็มีโอกาสผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรัฐธรรมนูญหรือว่าเรื่องการประพฤติมิชอบ
แม้แต่ในเรื่องจริยธรรมก็ผิด เพราะมันเป็นงบประมาณของประชาชนไม่ใช่ของส่วนตัว
ธรรมรักษ์ ลั่นไม่กลัวม็อบ ขู่ถอนรายการแน่
พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่สำนักข่าวไอเอ็นเอ็นจะทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อกรณีที่ถูกปิดคลื่นการนำเสนอข่าวว่า
ที่เขาประชุมกันมันไม่ใช่ปัญหาสำนักข่าวไอเอ็นเอ็น กรมการรักษาดินแดนเจ้าของคลื่นเครือข่ายของทหารโทรศัพท์มารายงานแล้วเมื่อตอน
12.00 น. ของวันนี้ (2 มี.ค.) โดยทางกองทัพบกบอกว่าทางกบว.ออกมาว่าจะให้ร่วมด้วยช่วยกันดำเนินรายการเพียงแค่
12 ชั่วโมง โดยจะตกลงกันเองว่าจะใช้ช่วงเวลาไหน ไม่ใช่ เรื่องของไอเอ็นเอ็น เขาเพิ่งจะรายงานมาให้ทราบในเรื่องดังกล่าว
เพราะตนได้บอกกองทัพบกไปแล้วว่าเรื่องการตัดรายการร่วมด้วยช่วยกันอาจมีผลกระทบต่อผู้รับฟังรายการที่ใช้ประโยชน์กันมากจะไปเปลี่ยนได้อย่างไรจะไปเปลี่ยนส่งเดชไม่ได้
มันจะเสีย ชาวบ้านเขาฟังกัน ซึ่งตนได้ท้วงไปก่อนแล้ว แต่ปรากฏว่าเขาจะเอาออกยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับ
ไอเอ็นเอ็น เพราะไอเอ็นเอ็นเป็นการนำเสนอข่าว ช่วงต้นและท้ายชั่วโมง อย่าเอามาปนกัน
ปัญหาที่มีอยู่คือรายการร่วมด้วยช่วยกัน ซึ่งเดิมเขาจะเปลี่ยนเป็น รายการอื่นทั้งหมด
พอเรารู้ก็บอกไปว่ามึงทำอย่างนี้ได้อย่างไร เพราะ "ร่วมด้วยช่วยกัน" ชาวบ้าน ใช้เยอะ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เวลานี้ทางสำนักข่าวไอเอ็นเอ็น ไม่สามารถที่จะนำเสนอข่าวต่อไปได้
เพราะถูกปิดคลื่นไปแล้ว มองกันว่าเป็นผลพวงจากการที่ไปนำเสนอข่าวความขัดแย้งร.ต.อ.ปุระชัย
เปี่ยมสมบูรณ์ เมื่อครั้งที่ปรับมาเป็นรองนายกฯ พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าวว่าไม่เกี่ยวกัน
คนละเรื่อง ส่วนกรณีที่ไอเอ็นเอ็น จะทำหนังสือร้องเรียนมายังตนนั้น ก็ยืนดี ไม่มีปัญหา
ให้มานั่งคุยปรึกษาหารือกันได้ที่กระทรวงกลาโหมด้วยเหตุและผล
"แต่อย่ามาใช้วิธีการกดดันกัน หากจะใช้กระแส มวลชนกดดันกันก็ไม่กลัว ไม่ฟังกันก็ถอดรายการออกไปก็เท่านั้นเอง
เพราะการสำนักข่าวอื่นก็มีพร้อม ที่จะให้นำเสนอข่าวแทนไอเอ็นเอ็น โดยเฉพาะสำนักข่าวไทย
เราต้องการการนำเสนอข่าวที่มีความเที่ยงตรง ไม่บิดเบือนข่าว รายการร่วมด้วยช่วยกัน
ที่ทาง ทหารจะปิดคลื่นนั้นผมช่วยเขาอยู่ โดยบอกทางเสธ. เจ้ากรมคลื่นทหารบกไปว่า
เฮ้ย ! มึงได้ไม่เท่าเสียนะ
ประชาชนเขาใช้บริการเยอะและมีประโยชน์ ผมก็ฟังอยู่เป็นประจำควรจะให้เขาอยู่ แต่ไม่เกี่ยวกับ
ไอเอ็นเอ็น" พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าว
ส่วนที่จะมีการชุมนุมประท้วงที่ลานพระรูปฯ นั้น พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าวว่าก่อนหน้านี้ที่สำนักข่าว
ไอเอ็นเอ็นนำเสนอข่าวเกี่ยวกับร.ต.อ.ปุระชัย ตนก็บอกไปว่าหากการนำเสนอข่าวของไอเอ็นเอ็นมีปัญหา
หัวท้ายชั่วโมงก็ไม่ต้องเอาสำนักข่าวไอเอ็นเอ็นมานำเสนอข่าวก็ได้ โดยใช้สำนักข่าวอื่นแทน
เช่นสำนักข่าว ไทย แต่ตนไม่ได้เป็นคนสั่ง เป็นการแสดงความคิดเห็นไปเท่านั้น แต่ยังไม่ได้ดำเนินการอะไรเลย
ส่วนที่มีข่าวว่าทางทหารเจ้าของคลื่นทำหนังสือให้ถอดคำว่า "สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น"
ออกเวลานำเสนอข่าว โดยใช้แต่ชื่อผู้นำเสนอเท่านั้น ถือว่าเขายังมีความกรุณาอยู่
ซึ่งตนก็เห็นด้วยที่จะให้หยุดไปก่อน
ต่อข้อถามที่ว่าฝ่ายค้านออกมาโจมตีว่า รัฐบาลกำลังเข้าไปแทรกแซงการทำงานของสื่อ
เพราะเชื่อว่ารัฐบาลจะต้องอยู่เบื้องหลังการถอดสำนักข่าวไอเอ็นเอ็น พล.อ.ธรรมรักษ์
กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติ ฝ่ายค้านก็ว่ารัฐบาลทั้งปี เขามีหน้าที่ ค้าน แต่หากจะซักถามอะไรในสภาฯตนก็พร้อมที่จะชี้แจง
ที่ผ่านมาตนเคยดูแลอ.ส.ม.ท.เรา พยายามอยากให้มีข่าวทั้งวันเราชอบอยู่แล้ว ยินดีสนับสนุนทุกสถานีต้องมีข่าวทั้งวัน
แต่เมื่อมี ปัญหาเราก็บอกว่าเปลี่ยนสำนักข่าวอื่นก็ได้ไม่เห็นเกี่ยวอะไรเลย
"ผมไม่สนใจว่าไอเอ็นเอ็นจะเป็นใคร แต่เป็น การพูดในหลักการ เรื่องการนำเสนอข่าวร.ต.อ.
ปุระชัยของสำนักข่าวไอเอ็นเอ็น ผมพูดในหลักการ ไม่ได้สั่งว่าให้ยกเลิก เจ้าหน้าที่เขาจะต้องตรวจสอบกันเองไม่เกี่ยวกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ตรงนี้หากจะให้ระดับรัฐมนตรีลงไปล้วงลูกทุกงานคง ไม่ได้ ผมยังไม่ได้ให้นโยบายอะไรที่ชัดเจนออกไป
คง ต้องรับฟังเหตุผลและสัญญาก่อนว่าไอเอ็นเอ็นเขาผิด สัญญาตรงไหนหรือเปล่า" พล.อ.ธรรมรักษ์
กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าข้อครหาที่ว่ารัฐบาลเข้า ไปแทรกแซงสื่อจะกลายเป็นประเด็นบานปลายหรือไม่
ซึ่งอาจมีมือที่สามฉวยโอกาสถล่มซ้ำรัฐบาล รัฐมนตรี กลาโหม กล่าวว่าไม่มีปัญหา เราก็ไปหามือที่สี่มาสู้กัน
ถ้ามาในรูปแบบของม็อบตนไม่เคยกลัว ถ้าจะชนกันไม่เคยกลัว แต่อยากให้มาคุยกันถ้ามีปัญหาอะไร
ไม่ใช่มาขู่กัน ไม่เป็นไรมันดีสู้กัน หากฝ่ายค้านจะถาม อะไรในสภาก็ถามมาเลยไม่เคยกลัว
เดี๋ยวเราจะแคะ เรื่องของฝ่ายค้านบ้าง มีเยอะแยะ