|
โบรกฯเชียร์ซื้อหุ้นครึ่งปีหลังดักกำไรปี 51
ผู้จัดการรายวัน(27 กุมภาพันธ์ 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
บล.ซิกโก้ แนะนักลงทุนทยอยซื้อหุ้นครึ่งปีหลังเพื่อรอรับผลตอแทนปี 51ที่สูง คาดกำไรบจ.โต10%จากปีนี้ ระบุตลาดหุ้นยังน่าสนใจลงทุนจากผลตอบแทนสูง12% พร้อมเชียร์ซื้อหุ้นที่อยู่อาศัย –แบงก์ –โรงพยาบาล ด้านบลจ.วรรณคาดดอกเบี้ยปีนี้ลดลง1%
วานนี้(27 ก.พ.)บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซิกโก้ จำกัด(มหาชน) จัดสัมมนา “จัดพอร์ตปลอดภัย ...ทำกำไรอัตโนมัติ ” โดยมีผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วรรณ จำกัดนายธีรพันธุ์ จิตตาลาน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทหารไทยนายจักรกฤษณ์ อุทโยภาศ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซิกโก้ จำกัด (มหาชน)
นายจักรกฤษณ์ อุทโยภาศ กล่าวว่า บริษัทคาดกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนปีนี้จะมีการเติบโต 4-5% และจากอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลงน่าจะส่งผลทำให้ผลผลตอบแทนจากการลงทุนอยู่ที่ 12% โดยค่าP/Eตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 8 เท่า ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตร10 ปี อยู่ที่ 4.5% จึงส่งผลให้ส่วนต่างระหว่างผลตอบแทนหุ้นและพันธบัตรอยู่ที่ 6-8% และในปี 2551 คาดกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนจะเพิ่มขึ้น 10% จากปี 2550 ดังนั้นบริษัทจึงแนะนำให้นักลงทุนทยอยเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส3-4 เพื่อรอรับผลตอบแทนที่ดีในปี 2551
ทั้งนี้จากกำไรบจ.ที่มีแนวโน้มการเติบโตขึ้นและหากปัจจัยการเมืองนิ่งไม่มีเหตุการณ์ในเชิงลบ และไม่มีเหตุระเบิดไม่เกิดขึ้นบ่อยมากรวมถึงจากสภาพคล่องของโลกล้นก็จะส่งผลให้เม็ดเงินต่างประเทศไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยในแถบเอเซียรวมถึงตลาดหุ้นไทย บริษัทจึงคาดดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้อยู่ที่ 900 จุด ซึ่งP/Eตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ที่ 8 เท่า นั้นไม่ถือว่าถูกเพราะ กำไรบจ.เติบโตเพียง 4-5% เมื่อเทียบกับกำไรบจ.ในตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช่น ฟิลลิปปินส์ อินโดนีเซีย ที่บจ.มีกำไรสุทธิโต10%ขึ้นไป แต่การที่ดัชนีตลาดหุ้นสามารถปรับตัวในระดับนี้ได้ เพราะ ปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยมีความแข็งแกร่ง
สำหรับหุ้นกลุ่มที่บริษัทแนะนำลงทุนและมีความเสี่ยงน้อยที่สุดในการลงทุน คือ หุ้นกลุ่มที่อยู่อาศัย จากการที่อัตราดอกเบี้ยมีการปรับตัวลดลง ราคาน้ำมันทรงตัว ส่งผลให้อำนาจการซื้อบ้านมีการสูงขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ คาดว่ากำไรในปี 2551 จะมีการเติบโตเพิ่มขึ้น 10% ค่าP/Eจะอยู่ที่ 9-11 เท่า ซึ่งน่าจะทำให้หุ้นกลุ่มดังกล่าวได้รับความสนใจเข้าไปลงทุน และหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล เพราะมีการเติบโตของผลประกอบการที่ดีจากชาวต่างประเทศมั่นใจที่จะเข้ามารักษาพยาบาลมากขึ้น
นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วรรณ จำกัด กล่าว่า ฝ่ายวิจัยของบริษัทคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยปีนี้ลดลงได้ 1% ในปีนี้ทำให้ปลายนี้อัตราดอกเบี้ยอาจจะอยู่ที่ 4% หรือน้อยกว่านั้น ซึ่งจะส่งผลให้เม็ดเงินที่ฝากในระบบธนาคารพาณิชย์ไหลออกมาเพื่อไปลงทุนด้านอื่นๆ ซึ่งส่วนตัวมองว่าทางเลือกหนึ่งในการลงทุน คือการลงทุนในหุ้น เพราะผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นนั้นก็จะได้รับเงินปันผลประมาณ 4.5-4.7% ซึ่งถือว่าน่าสนใจที่จะเข้ามาลงทุน
นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทหารไทย กล่าวว่า จากการที่ไทยมีปัจจัยลบในเรื่องระเบิด ปัจจัยการเมืองที่ยังไม่ชัดเจน นั้น ก็จะส่งผลให้การบริโภคมีการปรับตัวลดลง การลงทุนมีการชะลอตัว ซึ่งหากเศรษฐกิจไทยสามารถเติบโตได้ในระดับ 4% ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในแถบเพื่อบ้าน และการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ในวันนี้ คาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง0.25% หรือ 5% นั้น ก็จะส่งผลดีต่อการลงทุนในระยะกลาง
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|