“ตัน” ตั้งบ.ร่วมทุน “กล้วยกล้วย” บุกลพบุรีผุด “ตลาดนัด-มังกี้โลตัส”


ผู้จัดการรายวัน(7 กุมภาพันธ์ 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

“ตัน ภาสกรนที” เจ้าพ่อชาเขียวโออิชิ ผุดบริษัทร่วมทุน “กล้วย กล้วย” ทุ่ม 600 ล้านบาท บุกเมืองลพบุรี ผุดโปรเจกต์ “มังกี้โลตัส” และ “ตลาดนัดบานานา สแควร์” สยายปีกธุรกิจพัฒนาค้าปลีก พร้อมต่อยอดธุรกิจจากแบรนด์โออิชิ

นายตัน ภาสกรนที ประธานบริหาร กลุ่มโออิชิ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชาเขียวพร้อมดื่มและร้านอาหารญี่ปุ่นแบรนด์โออิชิ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ตั้งบริษัท กล้วย กล้วย จำกัด ขึ้นมาเพื่อเป็นผู้บริหารโครงการ มังกี้โลตัส, ตลาดนัดบานาน่า ตลาดนัดครบวงจรในจังหวัดลพบุรี ด้วยงบลงทุนกว่า 600 ล้านบาท

การลงทุนครั้งนี้เป็นการขยายสู่ธุรกิจใหม่คืออสังหาริมทรัพย์เต็มตัว โดยบริษัทฯ ได้ศึกษาถึงขั้นตอนรวมทั้งรายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลในการทำตลาด และได้ตกลงเป็นพันธมิตรกับกลุ่มนักลงทุนท้องถิ่นจากจังหวัดลพบุรีในการลงทุนร่วมกัน สำหรับสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯ อยู่ที่ 81% และนักลงทุนท้องถิ่นที่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้อีก 19%

สำหรับรายละเอียดทั้ง 2 โครงการนั้น โครงการแรกบริษัทฯ ได้ใช้งบประมาณ 300 ล้านบาท สำหรับการซื้อตึก จากบรรษัท บริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) เพื่อสร้างเป็นแหล่งชอปปิ้งมอลล์ ภายใต้ชื่อ มังกี้โลตัส โดยทั้งตึกจะมีความสูง 5 ชั้น นับจากชั้นใต้ดินจนถึงชั้น 5 จะเป็นในส่วนของห้างสรรพสินค้า เทสโก้ โลตัส สำหรับพื้นที่ในการขายของกลุ่มบริษัทฯ จะอยู่ชั้น 4 และ 5 ของตัวอาคาร ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการจัดพื้นที่และสินค้าให้กับกลุ่มลูกค้าได้เข้ามาจับจองพื้นที่ขายอยู่ ซึ่งคาดว่าทั้ง 2 ชั้น ที่บริษัทฯ มีพื้นที่ จะเป็นโซนไอทีและโรงภาพยนตร์ โบว์ลิ่ง มีพื้นที่ขายทั้งหมดประมาณ 4 หมื่นตารางเมตร คาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการและพร้อมให้บริการในช่วงเดือน มิถุนายน 2550

นอกจากนี้งบประมาณอีกส่วนหนึ่ง 300 ล้านบาท บริษัทฯจัดซื้อพื้นที่ด้านข้างของตึกโดยมีเป้าหมายจะสร้างศูนย์รวมตลาดนัดแบบครบวงจร “บาน่านา สแควร์” ตลาดนัดครบวงจรแห่งใหม่ และนับว่ามีความยิ่งใหญ่ที่สุดในจังหวัดลพบุรี บนพื้นที่ขายกว่า 30 ไร่ อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งนี้บริษัทฯได้ทดลองและเปิดให้บริษัทฯให้บริการมาแล้วเมื่อช่วงเดือนธันวาคมของปี 2549 และได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าสนใจเข้าจำหน่ายสินค้ากว่า 1 พันราย โดยคิดค่าเช่าพื้นที่ขายในเดือนแรกเพียง 100 บาทต่อวัน ในพื้นที่ 3 คูณ 2 เมตร ซึ่งจากราคาเช่าพื้นที่ในราคานี้ นับว่าเป็นราคาที่มีราคาถูก เพราะเนื่องจากว่าบริษัทฯต้องการดึงดูดฐานลูกค้าในระยะยาวมากกว่า

“ปัจจุบันธุรกิจตลาดนัดในภาพรวมมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว อาจจะเป็นเพราะผลพวงที่ได้จากภาวะเศรษฐกิจ ค่าเงินบาทที่แข็งตัวขึ้น ส่งผลให้สินค้า อาหาร มีราคาที่เพิ่มสูงมากขึ้น ดังนั้นกลุ่มผู้บริโภคมีการระมัดระวังการใช้จ่ายในสินค้าที่ฟุ่มเฟือยลดน้อยลง ส่งผลดีต่อสินค้าที่มีราคาถูกอย่างสินค้าที่วางขายตามตลาดนัด ได้กลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กลุ่มผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี บริษัทฯเชื่อมั่นว่า การลงทุนสร้างศูนย์รวมตลาดนัดแบบครบวงจร จะสามารถตอบโจทย์ลูกค้าและสอดรับกับสภาวะของตลาดได้เป็นอย่างดี”

นายตัน กล่าวต่อว่าในปีนี้ บริษัทฯมีแผนที่จะนำแบรนด์โออิชิ มาต่อยอดให้กับธุรกิจทั้งในแง่ของการขยายไลน์สินค้าหรือการขยายธุรกิจใหม่ๆ เนื่องจากมีความมั่นใจแล้วว่า แบรนด์โออิชินั้นมีมูลค่ามากเพียงพอจากการทำตลาดมานานหลายปี ซึ่งการขยายธุรกิจครั้งใหม่ทั้งโครงการมังกี้ โลตัส และตลาดนัด “บาน่านา สแควร์” จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างฐานใหม่ในตลาดต่างจังหวัดและเชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งทางที่จะเสริมสร้างรายได้ในระยะยาวได้เป็นอย่างดี


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.