|
ผู้จัดการกองทุนเทใจให้สิงคโปร์เหตุตลาดฯไทยสะดุดมาตรการ 30%
ผู้จัดการรายสัปดาห์(5 กุมภาพันธ์ 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
ผลสำรวจ เมอร์ริล ลินช์ ชี้ผู้จัดการกองทุนขยาดหุ้นไทย หันไปให้น้ำหนัก ตลาดสิงคโปร์ มาเลย์ ฟิลิปปินส์ อินเดีย เพิ่ม เหตุโครงสร้างเศรษฐกิจแข็งแกร่งกว่า เน้นลงทุนกลุ่ม สินค้าอุปโภคบริโภค อุตสาหกรรม และเทคโนโลยี
จากการสำรวจความคิดเห็นของผู้จัดการกองทุนในประเทศแถบแปซิฟิกครั้งล่าสุดของ เมอร์ริล ลินช์ พบว่า ผู้จัดการกองทุน ให้น้ำหนักตลาดไทยน้อยที่สุดหลังจากที่มีการประกาศใช้มาตรการควบคุมเงินทุนของต่างชาติอย่างรุนแรงเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา
โฆษกของ เมอร์ริลลินช์ กล่าวว่า ผู้จัดการกองทุนได้ลดความเสี่ยงและเม็ดเงินลงทุนในตลาดไทยลงราว 783ล้านดอลลาร์สหรัฐ และให้น้ำหนักแก่ตลาดสิงคโปร์มากที่สุดในเอเชีย
"สิงคโปร์เป็นตลาดที่บรรดาผู้จัดการกองทุนต่างให้น้ำหนักการลงทุนมากที่สุดในภูมิภาคในขณะนี้"
ในเดือนมกราคมผู้จัดการกองทุนให้ความเห็นว่าจะลงทุนในสิงคโปร์ถึง 24% จากเดิมที่ระดับ 17% ในเดือนธันวาคมและจาก 9% ในเดือนพฤศจิกายน รวมถึง 17% ในเดือนตุลาคม
ส่วนฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ผู้จัดการกองทุนเพิ่มน้ำหนัก 3% จากที่ได้ลดน้ำหนัก 4%ในเดือนธันวาคม และยังเพิ่มน้ำหนักแก่ตลาดมาเลเซียเป็น 12% จากที่ลดน้ำหนักการลงทุน13% ในช่วง 3 เดือนก่อน
ทั้งนี้ผู้จัดการกองทุนได้ลดความเสี่ยงต่อการลงทุนในจีน ฮ่องกง ไต้หวัน และเกาหลีแต่หันไปเพิ่มน้ำหนักให้กับตลาดสิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และอินเดีย เพราะมีโครงสร้างเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งมากกว่า โดยได้ลดน้ำหนักในตลาดไต้หวันเหลือ 21% จาก 27%
นอกจากนั้น เมอร์ริล ลินช์ ยังได้ให้ข้อสังเกตเพิ่มเติมด้วยว่า ผู้จัดการกองทุนเริ่มมีความกังวลมากขึ้นในการจัดสรรพอร์ตการลงทุนในเอเชียและเริ่มมีการลดน้ำหนักลงทุนเช่นกัน โดยพบว่าในเดือนมกราคมระดับเงินสดที่ได้รับการจัดสรรในหมู่ผู้จัดการกองทุนกลับไปอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเคยเกิดขึ้นครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนมกราคมของปีที่แล้ว
"เห็นได้ชัดว่า การซื้อสุทธิของต่างชาติในเอเชียลดลง โดยในเดือนมกราคมนี้เหลือแค่ 174 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับ 3,800 ล้านดอลลาร์ ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว"
ในประเทศแถบเอเชียเหนือยังคงเป็นอนุภูมิภาคในทวีปนี้ที่ผู้จัดการกองทุนชอบลงทุนแต่มีระดับลดลงในเดือนมกราคมเมื่อมีการพิจารณาการลงทุนในแต่ละตลาดสำหรับ 12 เดือนข้างหน้า
สำหรับการลงทุนตามภาคต่างๆในเอเชียซึ่งไม่รวมญี่ปุ่น นักลงทุนได้เพิ่มเงินไปยังหุ้นในกลุ่มที่มีตลาดมั่นคง เช่น กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค อุตสาหกรรม และเทคโนโลยี แทนกลุ่มธนาคารและประกันฯ โดยพบว่า ผู้จัดการกองทุนได้ลดน้ำหนักกลุ่มธนาคารและประกันฯลงมากที่สุดจากที่เคยให้น้ำหนักมากสุด
จากการที่ เมอร์ริล ลินช์ ได้สำรวจผู้จัดการกองทุนทั่วโลก พบว่ามีผู้จัดการกองทุนถึง 53%ที่ต้องการให้บริษัทใช้กระแสเงินสดเพื่อคืนเงินให้กับผู้ถือหุ้น โดยให้อยู่ในรูปปันผลซื้อหุ้นคืน หรือเข้าถือสิทธิ์เงินสด ขณะที่อีก 43% กลับกังวลว่า บริษัทอาจจะลงทุนในธุรกิจของตนเองน้อยเกินไปและอาจจะสร้างความเสียหายต่อการเติบโตของรายได้ในระยะยาวได้ และดูเหมือนว่า ผู้จัดการกองทุนจำนวนมากสนับสนุนให้บริษัทออกตราสารหนี้เพื่อซื้อหุ้นคืน
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|