|
ศาลฯ เห็นชอบแผนฟื้นฟู "บีทีเอส" "คีรี" ฟุ้งต่างชาติรุมขอเป็นพันธมิตร
ผู้จัดการรายวัน(1 กุมภาพันธ์ 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
ศาลล้มละลายเห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการบีทีเอส "คีรี" ลั่นเดินหน้าเจรจาส่วนต่อขยายรถไฟฟ้ากับกทม.ทันที พร้อมเร่งดำเนินการตามแผนฟื้นฟูฯ ให้เสร็จภายในสิ้นมี.ค. หวังนำบริษัทฯ เข้าตลาดหุ้นได้ในไตรมาส 2/2550 ปลื้มต่างชาติรุมจีบขอเป็นพันธมิตรร่วม 10 ราย
วานนี้ (31 ม.ค.) ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (บีทีเอส) หลังจากพิเคราะห์เห็นว่าแผนฟื้นฟูดังกล่าวมีความครบถ้วนตามกฎหมาย เจ้าหนี้ได้รับการชำระหนี้หากฟื้นฟูกิจการคิดเป็น 4.4 หมื่นล้านบาท หรือ 66.23% มากกว่าการล้มละลาย ที่เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ 3.3 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 50.08%
นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้มีนักลงทุนที่ส่วนใหญ่เป็นต่างชาติร่วม 10 ราย สนใจที่จะเข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรในบีทีเอส ซึ่งบริษัทในฐานะผู้บริหารแผนฯ จะพิจารณาคัดเลือกพันธมิตรหลายรายเข้ามาถือหุ้นบีทีเอส ซึ่งพันธมิตรอย่างบริษัท ดูไบ อินเวสเมนท์ กรุ๊ป ที่เข้ามาถือหุ้นในบมจ.ธนายง ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเข้ามาในบีทีเอสเช่นกัน ขณะที่ธนายงคงไม่เข้าถือหุ้นในบีทีเอสเพิ่มขึ้นทั้งนี้ คาดว่าพันธมิตรจะเข้ามาถือหุ้นไม่เกิน 49%
นอกจากนี้ บริษัทฯ จะเร่งเจรจากับกรุงเทพมหานคร (กทม.) เกี่ยวกับส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า โดยจะเริ่มเจรจาส่วนต่อขยายแยกตากสิน และจะเร่งดำเนินการตามแผนฟื้นฟูฯ โดยเร็วทั้งลดทุน เพิ่มทุนจดทะเบียน และหาพันธมิตรใหม่ พร้อมคงเป้าหมายที่จะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในไตรมาส 2/2550 ชี้ภาวะตลาดหุ้นไม่เอื้ออำนวย แต่หากผู้รับประกันการจำหน่ายหุ้น (อันเดอร์ไรเตอร์) ก็เข้าตลาดได้
"บริษัทฯ มีโอกาสที่จะบันทึกกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้จำนวน 2 หมื่นล้านบาท ได้ทันในงวดการดำเนินงานปี 2549 สิ้นสุด 31 มี.ค. 2550 หากสามารถดำเนินการลดทุน เพิ่มทุนได้ทัน ซึ่งการเพิ่มทุนนั้นก็คงต้องได้พันธมิตรร่วมทุนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนแผนการนำบริษัทฯ เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็จะพยายามเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด โดยยังคงตั้งเป้าหมายไว้เหมือนเดิมคือไตรมาส 2/2550" นายคีรี กล่าว
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการและผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ ต้องเร่งหาเงินทุนจำนวน 600 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นอันดับแรก หลังจากศาลมีคำสั่งเห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการบริษัทฯ ซึ่งวงเงินดังกล่าวจะนำมาชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ทั้ง 14 กลุ่ม และอีกส่วนหนึ่งจะแปลงหนี้เป็นทุนโดยวงเงินทุนนี้จะมาจากการเพิ่มทุน การกู้เงินและเงินทุนหมุนเวียนจากการดำเนินงาน
หลังจากศาลมีคำสั่งเห็นชอบแผนฟื้นฟูฯ ทางเจ้าหนี้กลุ่ม 1 คือ เจ้าหนี้สถาบันการเงินที่มีหลักประกัน 8 รายจะต้องแจ้งว่าจะเลือกแนวทางการชำระหนี้แบบนำรถไฟฟ้า 35 ขบวน มาตีทรัพย์ชำระหนี้วงเงิน 7.4 พันล้านบาท โดยมีเงื่อนไขว่าลูกหนี้มีสิทธิซื้อคืนภายใน 4 ปี รวมกับเงินในบัญชีเงินฝากอีก 2.9 พันล้านบาท หรือจะเลือกรับชำระหนี้เป็นเงินสดจำนวน 1.04 หมื่นล้านบาท ภายใน 120 วัน โดยปลอดดอกเบี้ยค้างจ่ายทั้งหมด ซึ่งตนเชื่อว่าเจ้าหนี้คงเลือกที่จะรับชำระหนี้เป็นเงินสดแทนการตีทรัพย์ชำระหนี้
สำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2549 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 2550 บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 3,000 ล้านบาท โตขึ้น 12%เมื่อเทียบจากปี 2548 ที่มีรายได้ 2.8 พันล้านบาท หากบริษัทฯ สามารถปฏิบัติตามแผนฟื้นฟูฯ ได้ทันงวดปี 2549 ก็จะมีกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|