การบินมาเมืองไทยของประธานบริษัทเอเซอร์ในครั้งนี้ ไม่ได้อยู่ในแผนการเยี่ยมสาขาในประเทศต่างๆ
แต่เป็นการบินตรงมาเมืองไทย เพื่อถือโอกาส ฉลองครบรอบ 20 ปี เอเซอร์ในไทยโดยเฉพาะ
เอเซอร์ประเทศไทย เลือกเอาโรงแรม คอนราด บริเวณเดียวกับอาคารออลซีซัน ริมถนนวิทยุ
ที่เพิ่งเปิดให้บริการก่อนหน้านี้ ไม่กี่วัน ใช้เป็นสถานที่จัดแถลงข่าว ตั้งชื่องานอย่างดีว่า
Two Decade, Together with Acer
แม้จะเป็นงานฉลองครบรอบ 20 ปี แต่พิธีการของงานไม่มีอะไรมาก ไม่ต่างไป
จากงานแถลงข่าวทั่วไป ยกเว้นได้พ่วงเอาโครงการเอเซอร์สร้างอนาคตสู่เยาวชนที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน
ด้วยการ มอบคอมพิวเตอร์ให้ไปใช้ในโครงการ งานนี้นอกจากผู้บริหารของเอเซอร์แล้ว
ยังพ่วง เอาปลัดกระทรวงยุติธรรม และเจ้าหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรมมากันคึกคัก
แต่ไหนๆ บินมาเมืองไทยทั้งทีแล้ว ประธานเอเซอร์ชาวไต้หวัน ก็ได้ถือโอกาส
บอกกล่าวถึงยุทธศาสตร์ของเอเซอร์ในอนาคต
"เวลานี้ตลาดถึงจุดอิ่มตัวระดับหนึ่ง กำไรหายากมาก ไม่ว่าบริษัทใหญ่อย่าง
ไอบีเอ็ม HP โซนี่ โตชิบา ทุกคนประสบปัญหาเดียวกัน" เจ.ที.หวัง สะท้อนถึงปัญหา
ของผู้ผลิตเครื่องพีซีทั่วโลกที่ต้องเผชิญ
ประธานเอเซอร์เชื่อว่าหนทางเดียวที่เอเซอร์จะสร้างข้อได้เปรียบในสถานการณ์
ดังกล่าวได้ก็คือ การหันไปเน้นความแข็ง แกร่งของ brand ภายใต้กลยุทธ์ที่เขาเรียกว่า
Three-One และ Three-Multiple ที่เอเซอร์จะนำมาใช้ในปี 2546
Tree-One ตามความหมายของ เจ.ที.หวัง คือการที่เอเซอร์จะใช้แบรนด์เดียวในลักษณะของ
1 company 1 brand เพื่อลดความสับสนของลูกค้า จะยุบรวมเอาธุรกิจคล้ายๆ กัน
ที่กระจัดกระจายอยู่มารวมกันเป็นบริษัทเดียว มีผลให้ทีมงานเหล่านี้จะถูกรวบรวมเป็นทีมงานเดียว
มีพันธมิตรกลุ่มเดียวกัน ในลักษณะของ Global team
ส่วน Tree-Multiple ตามความหมายของเขาคือ การมีพันธมิตรจากหลายๆ ช่องทาง
และสายผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจอภาพ LCD อุปกรณ์ optical
storage หรือเครื่องฉายโปรเจกเตอร์ แทนที่จะมีผลิตภัณฑ์ในสายพีซีคอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียว
โอกาสนี้ ประธานเอเซอร์ยังบอกเล่า ถึงยุทธศาสตร์ของการนำระบบ Global eProcurement
มาใช้ในการจัดซื้อชิ้นส่วน ไม่ว่าจะเป็น CPU เมนบอร์ด ฮาร์ดดิสก์เพื่อใช้ในการผลิตเครื่องพีซี
และโน้ตบุ๊คคือ แทนที่จะต่างคนต่างซื้อหรือต่างคนต่างกัน ให้ทุกสาขาในแต่ละภูมิภาคซื้อพร้อมๆ
กัน ในลักษณะ hub ของแต่ละภูมิภาค วิธีนี้เขาเชื่อว่าจะช่วยลดต้นทุนการผลิตลงได้
เอเซอร์นั้น จัดได้ว่าเป็น brand ผู้ผลิตจากเอเชียที่หาญกล้าท้าชนกับผู้ผลิตในระดับโลก
ที่ล้วนแต่มีผู้ผลิตจากสหรัฐ อเมริกา ตลอดหลายปีมานี้เอเซอร์ต้องเผชิญ กับปัญหาการแข่งขันและการลดต่ำของผลกำไร
ในขณะที่หลายรายเริ่มหายหน้าไปจากตลาด หรือลดบทบาทลง แต่เอเซอร์ ยังคงเดินหน้าต่อไป
ความต่อเนื่องในการ นำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาดคือ บทพิสูจน์ได้ทางหนึ่ง
ส่วนยุทธศาสตร์เหล่านี้จะเห็นผลหรือไม่อย่างไร ต้องรอดูกันต่อไป แม้ว่าการมาเมืองไทยของประธานเอเซอร์
จะไม่ยิ่งใหญ่เท่ากับการเปิดตัวสินค้าเหมือนเมื่อครั้งที่ผ่านมาก็ตาม