|
สกาย-ไฮฯดิ้นต่อสัญญา5ปีปรับเกมบุกเบรกวิทยุคลื่นใหม่
ผู้จัดการรายวัน(31 มกราคม 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
สกาย-ไฮฯ แย้มเตรียมคุยขอต่อสัญญาสัมปทานครั้งใหม่อีก 5 ปี ชะลอผุดคลื่นใหม่ เหตุสภาพเศรษฐกิจไม่เอื้อ อัดเม็ดเงินกว่า 150 ล้านบาท ทำการตลาดเต็มกำลัง หันเดินหน้าลุย 3 คลื่นสู่อันดับหนึ่ง งัดกลยุทธ์แอมบาสเดอร์ หวังสร้างความแตกต่างเหนือคู่แข่ง เสริมทัพด้วยงานอีเวนต์ รุกขายโฆษณาสุดตัว หวังผลักดันให้ คลื่นแมกซ์ และลาเต้ ทะยานสู่อันดับหนึ่งในปีนี้ มั่นใจสิ้นปีแตกรายได้ไม่ต่ำกว่า 450 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่า 20%
นายคมสันต์ เชษฐโชติศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สกาย-ไฮ เน็ตเวิร์ค จำกัด บริษัทในเครืออาร์เอส กลุ่มสายงานอาร์เอส เรดิโอ ผู้ผลิตรายการวิทยุ แมกซ์ 88.5 เอฟเอ็ม, คูล 93 ฟาเรนไฮต์ และลาเต้ 106 เอฟเอ็ม เปิดเผยว่า ตามสัญญาการได้รับสัมปทานของทั้ง 3 คลื่นที่บริหารอยู่นั้น ในช่วงเดือนกันยายนปีนี้จะถึงกำหนดการหมดสัญญาลง แต่ทางบริษัทฯได้วางแผนในการขอต่อสัมปทานไว้แล้ว โดยตั้งใจในการขอต่อสัมปทานครั้งนี้ไว้ที่ 5 ปี จากเดิมของการต่อสัญญาสัมปทานในแต่ละครั้งมีกำหนดอยู่ที่ 2 ปี
“การทำธุรกิจวิทยุ ถือเป็นการลงทุนในระยะยาว ดังนั้นระยะเวลาสัมปทานเพียง 2 ปีนั้น มองว่าเป็นเวลาที่สั้นไปกว่าที่จะคืนทุนหรือมีกำไรได้ และอาจจะเสี่ยงต่อการลงทุน เพราะกว่าผู้ฟังจะจดจำและฟังคลื่นวิทยุนั้นๆได้ต้องใช้ระยะเวลา ดังนั้นทางบริษัทฯมองว่า การต่อสัญญาสัมปทานครั้งต่อไป เตรียมเจรจาขอเป็น 5 ปี แต่จะสามารถเจรจากับทางเจ้าของสัมปทานได้หรือไม่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับข้อตกลงและเหตุ ซึ่งในความเป็นจริงอาจจะได้ไม่ถึง 5 ปีก็เป็นได้”
อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทฯยังไม่มีแผนที่จะบริหารคลื่นใหม่แต่อย่างไร แต่จะเน้นบริหารคลื่นที่มีอยู่ให้มีเรตติ้งอยู่ในอันดับหนึ่งของแต่ละเซกเม้นต์ โดยจะมุ่งบริหารคลื่นวิทยุทั้ง 3 คลื่นให้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในแต่ละเซกเม้นต์ มากกว่าที่จะมุ่งบริหารคลื่นใหม่ เนื่องจากมองว่าสภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย บวกกับมีการลอบวางระเบิดในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ทำให้ลูกค้าชะลอการใช้เม็ดเงินสำหรับงบโฆษณาประชาสัมพันธ์ไปบ้างบางส่วน แต่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ คาดว่าจะเริ่มหันกลับมาใช้เช่นเดิม แต่ทั้งนี้เชื่อว่าครึ่งปีแรกนี้ธุรกิจวิทยุจะทรงตัวและจะกลับมาดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ดังนั้นการลงทุนเปิดตัวคลื่นใหม่ดูจะลำบาก และมีความเสี่ยงค่อนข้างสูงมาก อย่างไรก็ตามยังเชื่ออีกว่าบางบริษัทฯอาจจะมีการคืนคลื่นวิทยุให้เห็นอีกครั้งในปีนี้
ดังนั้นบริษัทฯได้วางงบประมาณไว้กว่า 150 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้นจากเดิมในปีที่ผ่านมาใช้เพียง 85 ล้านบาท สำหรับส่งเสริมกิจกรรมทางด้านการตลาดตลอดทั้งปี แบ่งเป็นสำหรับคลื่นคูล 93 ฟาเรนไฮต์ 50 %, แมกซ์ 88.5 เอฟเอ็ม 25% และลาเต้ 106 เอฟเอ็ม ผ่านกลยุทธ์ ซีอาร์เอ็ม หรือการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าและผู้ฟัง คาดว่าจะทำให้อัตราการขายโฆษณาในแต่ละคลื่นเพิ่มสูงขึ้นด้วย พร้อมเสริมกำไรให้เพิ่มเป็น 140 ล้านบาทในปีนี้ จากเดิมในปีที่ผ่านมาที่มีกำไรเพียง 65 ล้านบาทเท่านั้น
“ปี 2549 ที่ผ่านมา คลื่นแมกซ์ และลาเต้ สามารถขายโฆษณาได้เพียง 60% ของเวลาสำหรับขายโฆษณาได้ทั้งหมดของแต่ละคลื่น ดังนั้นในปีนี้บริษัทฯจะผลักดันให้ลูกค้าหันมาซื้อโฆษณาให้เพิ่มสูงขึ้น ผ่านแพ็กเก็จการขายโฆษณาที่จะพ่วงด้านการจัดอีเวนต์เข้าไปด้วย คาดว่าจะช่วยให้อัตราการขายโฆษณาของทั้ง 2 คลื่นเพิ่มขึ้นเป็น 70-80% ในปีนี้ ส่วนคลื่นคูล 93 ฟาเรนไฮต์นั้น บริษัทฯจะให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน เพื่อรักษารายได้ที่มาจากโฆษณาที่มีอยู่ประมาณ 80-90% ไว้ให้ได้ผ่านกลยุทธ์ดังกล่าวเช่นเดียวกัน”
นอกจากนี้บริษัทฯยังจะนำกลยุทธ์แอมบาสเดอร์มาใช้กับทั้ง 3 คลื่น เพื่อสร้างความแตกต่าง และตอกย้ำโพซิชั่นนิ่งของทั้ง 3 คลื่น เริ่มจากคลื่น คูล 93 ฟาเรนไฮต์นั้นได้ “ไหม-วิสา สารสาส” มาเป็นแอมบาสเดอร์ให้ โดยจะทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นของคลื่นให้กับผู้ฟังตลอดทั้งปี ส่วนแอมบาสเดอร์ของคลื่นแมกซ์ 88.5 เอฟเอ็ม และลาเต้ 106 เอฟเอ็ม ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นใคร แต่ทั้งนี้แอมบาสเดอร์ในที่นี่ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นตัวบุคคล อาจจะการ์ตูนอัลนิเมชั่นก็เป็นได้ ซึ่งต้องมีบุคลิกเข้ากับโพซิชั่นนิ่งของคลื่นอีกด้วย
“คลื่นคูล 93 ฟาเรนไฮต์นั้น ขณะนี้ถือเป็นอันดับหนึ่งในคลื่นวิทยุประเภทอีซี่ลิสซึ่นนิ่งระดับแมส การนำกลยุทธ์แอมบาสเดอร์มาใช้ นอกจากจะช่วยให้เกิดความแตกต่าง และสร้างการจดจำให้กับผู้ฟังแล้ว ก็เพื่อเป็นการหลีกหนีคู่แข่งที่กำลังหันมาใช้กลยุทธ์การเปิดเพลงในลักษณะเดียวกัน ส่วนคลื่นแมกซ์ 88.5 เอฟเอ็ม และลาเต้ 106 เอฟเอ็ม ที่ติดอยู่ในท็อปทรีนั้น จะมีการจัดกิจกรรมทางด้านบิโลว์ เดอะ ไลน์ มากยิ่งขึ้น พร้อมกับจัดกิจกรรมที่เหมาะสมกับภาพลักษณ์ของทั้งสองคลื่นอีกด้วย”
ขณะเดียวกันสำหรับคลื่นแมกซ์ ในปีนี้นั้น จากเดิมที่เตรียมรีเฟรชแบรนด์ใหม่นั้น มองว่าอาจจะไม่เพียงพอ ดังนั้นทางบริษัทฯเตรียมที่จะปรับโพซิชั่นนิ่งใหม่หมด แต่จะยังคงจับกลุ่มผู้ฟังที่เป็นวัยรุ่นเช่นเดิม คาดว่าจะเริ่มปรับโพซิชั่นนิ่งได้ภายในไตรมาสหนึ่งนี้ ส่วนคลื่นลาเต้จะเน้นการจัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับฐานผู้ฟังมากขึ้น
“จากกลยุทธ์ทางการตลาดที่จะนำมาใช้ในปีนี้ คาดว่าจะเสริมให้ทั้ง 3 คลื่นก้าวขึ้นมาอยู่ในอันดับหนึ่งในแต่ละกลุ่มวิทยุ พร้อมทั้งช่วยให้บริษัทฯมีรายได้เพิ่มขึ้นอีก 20 % คิดเป็นมูลค่า 450 ล้านบาท จากเดิมในปีที่ผ่านมาที่มีรายได้อยู่ที่ 370 ล้านบาท ของการบริหารคลื่นวิทยุ 3 คลื่น” ผู้บริหาร สกาย-ไฮ กล่าวในที่สุด
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของทางเอซีนีลสัน คลื่นวิทยุในกลุ่มอีซี่ลิสซึ่นนิ่ง อันดับหนึ่ง คือ คูล 93 ฟาเรนไฮต์, อันดับสอง คือ 102.5 เอฟเอ็ม และอันดับสาม คือ กรีนเวฟ 106.5 เอฟเอ็ม ส่วนคลื่นวิทยุในกลุ่มวัยรุ่น อันดับหนึ่งคือ 97.5 ซี๊ด เอฟเอ็ม, อันดับสองคือ เวอร์จิ้นฮิต 95.5 เอฟเอ็ม และอันดับสาม คือ แมกซ์ 88.5 เอฟเอ็ม และคลื่นวิทยุในกลุ่มผุ้ใหญ่ อันดับหนึ่งคือ กรีนเวฟ 106.5 เอฟเอ็ม, อันดับสอง คือ 103.5 เอฟเอ็ม และอันดับสาม คือ ลาเต้ 106 เอฟเอ็ม ขณะที่มูลค่าตลาดรวมคลื่นวิทยุอยู่ที่ 50,000 ล้านบาท เติบโตเพียง 3-5% เท่านั้น
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|