|
ฟาร์มโชคชัย บูติค แค้มป์ คืนพลังชีวิต...คืนสู่สามัญ
โดย
สุภัทธา สุขชู
นิตยสารผู้จัดการ( กุมภาพันธ์ 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
ท่ามกลางความสับสนและการแข่งขันของโลกสมัยใหม่ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แทนที่จะมัวแต่สับเท้าวิ่งเร็วขึ้น เพื่อให้ตามทันการเปลี่ยนแปลง บางครั้ง การกลับคืนสู่ธรรมชาติและความเรียบง่าย เช่นที่ "ฟาร์มโชคชัย" อาจจะทำให้คนเราได้ค้นพบอะไรที่มากกว่า และได้เรียนรู้สัจธรรมที่ว่า "สูงสุดคืนสู่สามัญ"
เสียงเพลง Country Road เวอร์ชั่นของ John Denver ดังมาจากเครื่องเล่น MP3 เข้ากับบรรยากาศฟาร์มที่มองเห็นทุ่งหญ้าอยู่เบื้องหน้าและภูเขาเขียวทอดตัวเป็นเบื้องหลัง
ขณะรอรถฟาร์มแทรกเตอร์พานักท่องเที่ยวกลุ่มแค้มปิ้งไปเข้าโปรแกรมท่องเที่ยวเชิงเกษตรหรือ Agro Tour สองตาก็สะดุดกับภาพโคบาลแม่ลูกอ่อนนาม "สู่ขวัญ บูลกุล" ที่กำลังขับรถ ATV พาลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของนายใหญ่แห่งฟาร์มโชคชัย สูดอากาศบริสุทธิ์รอบฟาร์ม ...เห็นชัดว่ามีความสุขทั้งแม่และลูก
ทันทีที่รถเริ่มเคลื่อนตัว โคบาลสาวเข้าประจำตำแหน่งไกด์ ให้ข้อมูลเบื้องต้นความเป็นมาของธุรกิจแค้มปิ้งของฟาร์มโชคชัย
"ฟาร์มโชคชัยบูติคแค้มป์ เปิดให้บริการด้วยแนวคิดของคุณโชค บูลกุล ที่อยากนำเสนอความแปลกใหม่ให้กับธุรกิจที่พักสัมมนา เพื่อเป็นตัวเลือกให้กับองค์กรหรือคนที่อยากหนีจากความจำเจและวุ่นวายของเมืองท่องเที่ยว และอยากกลับคืนสู่ธรรมชาติ..."
หลังจากเปิดประตูให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาสัมผัสธุรกิจฟาร์มตั้งแต่ปี 2543 โชคจึงเริ่มเปิดธุรกิจที่พักภายใต้ชื่อโครงการ "ฟาร์มโชคชัย บูติค แค้มปิ้ง และสัมมนา" เมื่อกลางปี 2548 โดยหวังจะดึงดูดกลุ่มองค์กรที่ต้องการสัมมนาและหาสถานที่แปลกใหม่ ซึ่งตั้งเป้าลูกค้ากลุ่มนี้ไว้สูงถึง 80%
รถจอดด้านหน้าฟาร์มโชคชัย เพื่อส่งต่อลูกทัวร์กลุ่มเล็กเข้าร่วมขบวนกับนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่กำลังรอเที่ยวในโปรแกรม Agro Tour
ทุกวันนี้ ฟาร์มโชคชัยเปิด Agro Tour มากถึง 18 รอบในวันหยุด และ 2 รอบในวันอังคาร-ศุกร์ เกือบทุกรอบนักท่องเที่ยวจะเต็มจำนวน 80 คน สนนราคาค่าตั๋วจะอยู่ที่ 250 บาท สำหรับผู้ใหญ่ และ 125 บาท สำหรับเด็ก ซึ่งในวันธรรมดาราคาจะลดลงเล็กน้อย
แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเข้าโปรแกรม Agro Tour นี้ไม่ต่ำกว่า 250,000 คน
จุดเด่นที่ทำให้ Agro Tour ของที่นี่ขายดี ก็เพราะที่นี่ขายประสบการณ์และบรรยากาศของธุรกิจฟาร์มแบบครบวงจร โดยทุกกิจกรรมมาจากความรู้เชิงเกษตรที่เป็นของจริง และยังไม่มีคู่แข่งที่ทำได้ดีเท่า
"ของจริงเท่านั้นที่จะทำให้คนเกิดความรู้สึกร่วมได้" โชคสรุป
มองกลับกัน ธุรกิจการท่องเที่ยวแทบจะไม่ต้องลงทุนอะไรมาก เพราะเกือบทุกกิจกรรมเป็นธรรมชาติของการดำเนินธุรกิจฟาร์มโคนมอยู่แล้ว
เหมือนกับที่โชคเคยพูดไว้ว่า "ความเป็นธรรมชาติเป็นจุดขายที่เราแทบไม่ต้องลงทุนอะไรมาก"
โปรแกรมท่องเที่ยวเริ่มต้นด้วยวิดีทัศน์ประวัติฟาร์มโชคชัย ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนขนลุกซู่ได้ ไม่ใช่เพราะความยิ่งใหญ่ของฟาร์มแห่งนี้ แต่เพราะความมุ่งมั่นอุตสาหะของโชคชัยและโชค บูลกุล
ฟาร์มโชคชัยมีพื้นที่ทั้งหมดกว่า 2 หมื่นไร่ แต่เฉพาะหน่วยงานที่ตรงมวกเหล็กนี้มีอยู่ราว 4 พันไร่ กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา
จนไม่อยากเชื่อว่า ฟาร์มแห่งนี้จะเป็นแห่งเดียวกับที่โชคชัย บูลกุล พ่อของโชค เริ่มบุกเบิกบนที่ดินเพียง 250 ไร่ เมื่อ 50 ปีก่อน และไม่น่าเชื่อว่า ที่นี่คือบริษัท ฟาร์มโชคชัยที่เคยล้มลุกคลุกคลานเมื่อ 10 กว่าปีก่อน
ปี 2537 บริษัท ฟาร์มโชคชัย มีหนี้เกือบ 500 ล้านบาท จึงต้องตัดขายธุรกิจนมสดตราฟาร์มโชคชัย ซึ่งตอนนั้นถือเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่ามากที่สุดของบริษัทเพื่อชำระหนี้
สินทรัพย์ที่เหลือก็ไม่มีอะไรค่า นอกจากฟาร์มโคนม โชคจึงเริ่มหันกลับมาพัฒนาฟาร์มโคนมซึ่งเป็นธุรกิจหลักให้แข็งแกร่ง จนวันนี้ ธุรกิจนี้กลายเป็นแกนกลางในการพัฒนาความรู้และประสบการณ์ต่อยอดไปสู่ธุรกิจอื่นๆ
ปัจจุบัน กลุ่มบริษัท ฟาร์มโชคชัย มีธุรกิจถึง 5 ประเภท ได้แก่ ธุรกิจการเกษตรและปศุสัตว์ ธุรกิจสถานที่ท่องเที่ยว ธุรกิจภัตตาคาร ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และล่าสุด ธุรกิจผลิตภัณฑ์นม
จากหนี้หลายร้อยล้าน ...วันนี้ บริษัทปลอดหนี้โดยสิ้นเชิง และยังมีรายได้ถึงหลักร้อยล้านทุกปี
รถฟาร์มแทรกเตอร์พ่วง 3 ตอน บรรทุกนักท่องเที่ยวเต็มคันวิ่งมุ่งหน้าเข้าสู่แปลงฟาร์มที่มีคอกวัวที่เรียงรายสุดสายตา เป็นสัญญาณว่าการตามรอยเส้นทางของนมเปิดฉากขึ้นแล้ว
ฟาร์มโชคชัยถือเป็นฟาร์มโคนมที่ใหญ่ที่สุด และมีการจัดการดีที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ มีวัวทั้งหมดราว 5 พันตัว เป็นแม่โครีดนมร่วม 2 พันตัว ที่เหลือเป็นลูกโคและโคสาว
ที่นี่ยังเป็นฟาร์มแห่งแรกของประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ผลิตแม่โคส่งออกต่างประเทศ
"แม่โค 1 ตัว ให้น้ำนมประมาณวันละ 18 กก. ทุกวันนี้ เราผลิตน้ำนมดิบได้วันละ 30 ตัน 20% ใช้ในการผลิตนมพาสเจอร์ไรส์ โยเกิร์ต ไอศกรีม และท็อฟฟี่นม ภายใต้ชื่อ "อืมม์!..มิลค์" ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของเราเอง ส่วนที่เหลือก็ขายให้ผู้ผลิตรายอื่น" โคบาลสาวให้ข้อมูล
โชคตั้งเป้าว่า ภายใน 6 ปี "อืมม์!..มิลค์" จะใช้นมทั้งหมดที่ฟาร์มผลิตได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับน้ำนมดิบ และนั่นก็หมายความว่า บริษัทฯ จะต้องรุกธุรกิจผลิตภัณฑ์นมอย่างจริงจัง โดยเมื่อต้นปี บริษัทฯ ก็เพิ่งเปิดร้าน Umm!..Milk Dairy Shop ตามห้างสรรพสินค้าและซูปเปอร์มาร์เก็ตระดับไฮเอ็นด์
หลังจากรู้จักแหล่งกำเนิดนม รถคันเดิมก็พามาหยุดที่โรงรีดนม ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้ชมการสาธิตและทดลองรีดนมวัวด้วยเครื่องและด้วยมือ จากนั้นนมที่รีดได้ก็จะถูกส่งผ่านท่อเข้าไปยังโรงงานเล็กๆ ใกล้ๆ กัน
"เมื่อก่อนเรามีโรงงานขนาดใหญ่ ผลิตนมพาสเจอร์ไรส์ตราฟาร์มโชคชัย แต่ปัจจุบันนี้ นมแบรนด์นี้ไม่ใช่ของที่ฟาร์มแล้ว โรงงานแห่งนี้ถูกฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ พร้อมกับการท่องเที่ยวเชิงเกษตร" ไกด์สาวเล่า
เสร็จกิจกรรมแกะรอยเส้นทางสายนม รถฟาร์มแทรกเตอร์แวะมาหยุดที่โรงคาวบอย เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ "อิน" กับวิถีชีวิตคนเลี้ยงวัว ผ่านการแสดงความสามารถของคาวบอย ที่ไม่ได้มีแค่เนื้อหาการแสดงของชายที่แต่งกายด้วยกางเกงยีนส์ สวมหมวก และใส่รองเท้าบู๊ต
แต่ยังประกอบด้วยสาระอันเป็นเบื้องหลังการแสดงที่ตอบคำถามว่า ทำไมคาวบอยจะต้องควบคุมม้าได้ดี จะต้องใช้บ่วงบาศเก่ง หรือจะต้องสะบัดเชือกเสียงดัง ฯลฯ เพราะนี่คือวิถีชีวิตจริงๆ ของคาวบอยไทยยุคแรก ที่มีชื่อ "โชคชัย บูลกุล" รวมอยู่ด้วย
โปรแกรม Agro Tour สิ้นสุดลงที่สวนสัตว์ขนาดย่อม ขณะที่กลุ่มแค้มปิ้งจะได้ไปทำ Work Shop อืมม์!..มิลค์ เพื่อทดลองผลิตไอศกรีมรสชาติส่วนตัว ซึ่งจะกลายเป็นฐานข้อมูลจากลูกค้าตัวจริงของฟาร์ม เพื่อการพัฒนาปรับปรุงไอศกรีมรสชาติใหม่ๆ
เวลาร่วม 3 ชั่วโมงตลอดทริปชมฟาร์มโชคชัย สิ่งที่ได้จากการทัวร์ไม่ใช่แค่เพียงการสัมผัสธรรมชาติของฟาร์ม หรือประสบการณ์ของธุรกิจฟาร์มโคนม แต่นักท่องเที่ยวยังจะได้สัมผัสถึงผลึกความคิดของโชคในทุกหน้าประวัติศาสตร์ของฟาร์มแห่งนี้
"ทั้งหมดเพื่อจะบอกว่า สิ่งที่เราทำ เราไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการทำธุรกิจฟาร์มโคนมซึ่งเป็นธุรกิจหลักให้อยู่รอด เมื่ออยู่รอดแล้วเราก็เห็นแนวทางต่อยอดธุรกิจ การต่อยอดก็มาจากความรู้และประสบการณ์ที่มีอยู่เอามาเปลี่ยนเป็นธุรกิจใหม่" โชคย้ำเช่นนี้บนทุกเวทีที่เขาเป็นวิทยากร
แนวคิดเรียบง่ายที่เป็นเบื้องหลังความสำเร็จนี้ดูจะสอดคล้องกับวลี "สูงสุดคืนกลับสู่สามัญ" ที่โชคเคยบอกเป็นนัยว่า "มาสัมผัสได้ที่ฟาร์มโชคชัย"
"บางครั้ง การกลับสู่ธรรมชาติก็ทำให้เรามีสมาธิที่จะหยุด "คิด" กับชีวิต และค้นพบมุมมองใหม่ที่สร้างสรรค์กลับไปต่อยอดธุรกิจของเราได้ ผมเชื่อว่า สมาธิ ปัญญา และความสร้างสรรค์จะเกิดขึ้นเมื่อคนเราได้กลับมาใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติ" โชคมักจะยกตัวอย่างประสบการณ์ตรงของตัวเองทุกครั้งที่พูดถึงแค้มป์
ฟาร์มโชคชัยบูติคแค้มป์ประกอบด้วยเต็นท์ขนาดใหญ่ 50 หลัง กลางสวนป่าขนาด 200 ไร่ ซึ่งเป็นป่าที่ปลูกด้วยน้ำแรงของพนักงานที่นี่ ตั้งแต่ 10 กว่าปีก่อน จากวิสัยทัศน์แค่อยากเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับฟาร์ม และเพิ่มจิตสำนึกรักษ์ธรรมชาติแก่พนักงาน
จากนั้นสายตากว้างไกลของโชค ก็ทำให้เขามองเห็นโอกาสทางธุรกิจจากหมู่ต้นไม้ที่เติบโตหนาแน่นแปลงนี้ ว่าผืนป่าแห่งนี้จะกลายเป็นป่าผืนใหญ่ที่อยู่ใกล้เมืองหลวงที่สุด แค่เพียง 159 กม.
แม้คอนเซ็ปต์การพักบูติคแค้มป์ของฟาร์มโชคชัยก็คือ "…คืนสู่สามัญ" แต่ที่นี่ก็ไม่ได้ขาดแคลนความสะดวกสบายเหมือนแค้มป์ทั่วไป เพราะภายในเต็นท์มีทั้งเครื่องปรับอากาศ ตู้เสื้อผ้า มุมนั่งเล่น อุปกรณ์อาบน้ำ ผ้าขนหนู กระติกน้ำแทนตู้เย็น และกระทั่ง wi-fi ทุกจุดในบริเวณที่พัก
ขาดก็แต่โทรทัศน์ ...อุปกรณ์ที่ดูเหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนกรุงเทพฯ
สำหรับกลุ่มสัมมนา นอกจากห้องสัมมนาที่ครบครันด้วยอุปกรณ์นำเสนอที่จำเป็นต่างๆ ที่นี่ยังได้จัดเตรียมพื้นที่สำหรับการทำกิจกรรมที่จะช่วยให้พนักงานได้ช่วยเหลือและเรียนรู้ซึ่งกัน เช่น แรลลี่ ขับรถ ATV ชมวิวยามค่ำคืน หรือกิจกรรมดูดาวที่จะเพิ่มเข้ามาเร็วๆ นี้
ยามค่ำคืนกลางสวนป่าแห่งฟาร์มโชคชัย กลายโอกาสดีที่ทำให้หลายคนได้เข้านอนแต่หัวค่ำ หลับตาฟังเสียงลมพัดใบไม้ไหวและจิ้งหรีดเรไรท่ามกลางความเงียบสงบ
...และการกลับสู่ธรรมชาติเช่นนี้ ก็อาจทำให้เช้าวันใหม่ของบางคนสดชื่นแจ่มใสและมีพลัง อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมานานมากแล้วก็ได้
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|