|
โนเกียวิเคราะห์ตลาดมือถือรอบปี 50 โต 10% เครื่องออลอินวันดีไวซ์แรง
ผู้จัดการรายวัน(30 มกราคม 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
“โนเกีย” โชว์ผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2549 ยอดขายทั่วโลก 106 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 และเพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปีก่อน “บ๊อบ แมคดูกอล” มองภาพรวมตลาดโลกปี 2550 เติบโตประมาณ 10% ขณะที่ประเทศไทยคาดตลาดรวมเติบโตประมาณ 5-10% จากตลาดรวมปีที่ผ่านมา 9.23 ล้านเครื่อง ชี้ “ออนอินวันดีไวซ์” จะเป็นเทรนด์ใหม่ที่จะเข้ามาทดแทนเครื่องซิงเกอร์ดีไวซ์ พร้อมเผยกระแสการเมือง หุ้นตก ยังไม่กระทบตลาดมือถือ
นายบ๊อบ แมคดูกอล กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายบริหารลูกค้าและการตลาด บริษัท โนเกีย(ประเทศไทย) กล่าวถึงภาพรวมการทำตลาดทั่วโลกของโนเกียว่า มียอดจำหน่ายและรายได้สุทธิของกลุ่มธุรกิจอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือเพิ่มขึ้นทั้งในไตรมาส 4 และรายปี โดยมีส่วนแบ่งการตลาดทั่วโลกในปี 2549ประมาณ 36% ทั้งนี้ ไตรมาส 4 ของปี 2549 โนเกียมีรายได้สุทธิเพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 และเพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา โดยกลุ่มธุรกิจโทรศัพท์มือถือมียอดขายรวมประมาณ 106 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นประมาณ 19% เทียบกับไตรมาส 3 และเพิ่มขึ้น 26% เทียบกับไตรมาส 4 ปีก่อน ส่งผลให้โนเกียมีกำไรเบื้องต้นเพิ่มขึ้น 32.4% เทียบกับไตรมาส 3 ที่มีการเติบโต 30.9% และยังมีกำไร เพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจเมื่อเทียบกับไตรมาส 3
ในปี 2549 โนเกียทำตลาดโทรศัพท์มือถือทั่วโลกได้ประมาณ 347 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 31% จากปีก่อน นับเป็นสถิติยอดจำหน่ายทั้งปีที่สูงเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ของโนเกีย ส่งผลให้โนเกียมีส่วนแบ่งการตลาดสูงขึ้นเป็น 36% เพิ่มขึ้นจาก 33% ในปี 2548 ทั้งนี้ จากตลาดรวมโทรศัพท์มือถือทั่วโลกประมาณ 978 ล้านเครื่อง
ผู้บริหารโนเกีย กล่าวว่า จากยอดขายนี้ทำให้พบว่าโนเกียก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำผู้ผลิตกล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์ฟังเพลงสำหรับโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ที่สุดในโลกโดยมียอดจำหน่ายกล้องถ่ายรูปสูงถึง 140 ล้านเครื่อง และยอดจำหน่ายอุปกรณ์ฟังเพลง 70 ล้านเครื่อง
โนเกียประมาณการว่าในปี 2550 ตลาดรวมโทรศัพท์มือถือทั่วโลกจะเติบโตขึ้นประมาณ10% จากจำนวนเครื่องทั้งหมด 978 ล้านเครื่องในปี 2549 ในส่วนตลาดรวมของประเทศไทยในปี 2549 มีประมาณ 9.2 ล้านเครื่อง ในปี 2550 คาดว่าจะตลาดรวมจะเติบโตขึ้นประมาณ 5-10% โดยโนเกียคาดว่า จะมีการเติบโตตามตลาดรวม 5-10% เช่นกัน
บ๊อบ กล่าวถึงการทำตลาดในปี 2550 ว่า หลายคนมองว่าปีนี้เป็นปีหมูไฟ แต่ในแง่โนเกียมองว่าเป็นปีหวานหมูมากกว่า โดยกล่าวว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยประสบกับปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสึนามิ ค่าเงินบาท ตลาดหุ้น ปัญหาภาคใต้ แต่ยอดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือก็ยังมีการเติบโตมากขึ้น ในปีนี้ก็เช่นกันผ่านมาได้เกือบ 1 เดือนแต่ก็ยังไม่เห็นผลกระทบ และเชื่อมั่นว่าตลาดน่าจะมีการเติบโตอย่างแน่นอน
“ปี 2550 จะเป็นยุคของการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือ เพราะความต้องการของผู้บริโภคในการใช้งานอินเทอร์เน็ตโดยไม่จำกัดสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นรับ-ส่งอีเมล โดยโนเกียจะตอบรับพัฒนาการใช้งานอินเทอร์เน็ตคอนเวอร์เจนท์บนมือถืออย่างต่อเนื่อง”
นางสาวนนทวัน สินธวานนท์ หัวหน้าส่วนธุรกิจมัลติมีเดีย กล่าวว่า ในปี 2550 จะเข้าสู่ยุคออนอินวันดีไวซ์ซึ่งจะเข้ามาแทนที่ ซิงเกอร์ดีไวซ์ อุปกรณ์สื่อสารที่สามารถตอบสนองการทำงานได้หลายงานเช่นนอกจากเป็นโทรศัพท์มือถือแล้ว ยังรับส่งอีเมลได้ ถ่ายรูป ตลอดจนฟังเพลงได้ ขณะที่อุปกรณ์ซิงเกอร์ดีไวซ์ที่ใช้งานได้เพียงฟังชั้นเดียวจะถูกกลืนไปจากตลาด ซึ่งโนเกียก็จะตอบรับกระแสความนิยมของตลาดโดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม เอ็นซีรี่ส์ให้ครอบคลุมการใช้งานแบบออนอินวัน
“ปัจจุบันตลาดรวมเครื่องที่เป็นออนอินวันดีไวซ์มีประมาณ 40 ล้านเครื่องในตลาดโลก โนเกียคาดว่าในปี 2008 จะเพิ่มขึ้นเป็น 250 ล้านเครื่องหรือ 3 เท่าของปัจจุบัน”
นางสาวอุณา ตัน ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กล่าวว่า ปัจจุบันโนเกียเป็นผู้นำอันดับ 1 ทั้งในตลาดโลกและประเทศไทยจากการเปิดตัวโทรศัพท์ไปแล้วกว่า 35 รุ่น และคาดว่าในปี 2550 จะมีการเปิดตัวโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆให้ครบทุกระดับ
“ ปีนี้อินเทอร์เน็ตมาแรง ต่อเนื่องไปถึงปี 2010 คาดว่าจะมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจากโทรศัพท์มือถือประมาณ 4,000 ล้านเครื่อง”
อุณา กล่าวว่า การทำตลาดหลักปีนี้ของโนเกียยังคงอยู่ที่คนใช้โทรศัพท์เป็นเครื่องแรกโดยฉพาะในตลาดต่างจังหวัดและผู้ใช้มัลติมีเดียในตลาดรีเพสเมนต์ โดยโนเกียจะเน้นให้ผู้บริโภคเห็นประโยชน์ของเทคโนโลยีโดยการทำงานร่วมกับพาร์ตเนอร์มากยิ่งขึ้น
พร้อมกันนี้ โนเกียเปิดตัวโทรศัพท์มือถือใหม่ 3 รุ่น คือ Nokia N93i, Nokia 6300 และ Nokia 2626 และบลูทูธ 3 รุ่นเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้ได้ตรงตามไลฟ์สไตล์และงบประมาณ
Nokia N93i เป็นมัลติมีเดียคอมพิวเตอร์รุ่นแรกของปี 2550 เน้นการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือและการใช้งานมัลติมีเดีย มาพร้อมเลนส์คาร์ลไซส์สามารถบันทึกภาพเคลื่อนไหวคุณภาพเยี่ยมเท่าดีวีดี จำหน่ายในราคา 30,650 บาท ส่วน Nokia 6300 เน้นความบางเพียง 13.1 มม. กล้องถ่ายรูปความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ทำตลาดราคาในราคา 9,440 บาท และNokia 2626 ออกแบบมาสำหรับผู้ที่รักสีสันและความมีชีวิตชีวาให้เลือก 3 สี red, navy และ blue copper พร้อมวิทยุ FM ในตัวเครื่อง จำตลาดในราคา 3,300 บาท
จากการประมาณการเติบโตการทำตลาดในประเทศไทยที่โนเกียคาดว่าจะเติบโตในระดับเดียวกับตลาดรวม 5-10% ผู้บริหารโนเกียกล่าวว่ายังคงให้ความสำคัญกับช่องทางการทำตลาด 3 รายหลัก คือ ดีพีซี, เอ็มลิงค์ และยูดี โดยในปีที่ผ่านมาทั้ง 3 ทำตัวเลขยอดขายได้ในระดับดี ณ วันนี้จึงยังไม่มีแผนการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายเพิ่มขึ้นอีก
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|