|
TPIPLดบ.ลดดันกำไร49พุ่ง82%
ผู้จัดการรายวัน(30 มกราคม 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
ทีพีไอ โพลีน โชว์ผลงานปี 49 กำไรสุทธิรวมเฉียด 2.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่า 1.2 พันล้านบาท หรือ 82% หลังจ่ายหนี้คืนเกือบ 1.4 หมื่นล้านบาท ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยจ่ายลด บวกกับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 1.8 พันล้านบาท ด้านโบรกเกอร์ แนะถือ-ซื้อเก็งกำไร หลังจากเศรษฐกิจชะลอตัวอาจส่งผลกระทบต่อปริมาณความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ แย้มระยะสั้นมีข่าวดีรับกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้อีก 2.3 พันล้านบาท
นางอรพิน เลี่ยวไพรัตน์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPL กล่าวถึง ผลการดำเนินงานประจำปี สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 2,775.81 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 2.27 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,521.51 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.93 บาท หรือกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 1,254.30 ล้านบาท คิดเป็น 82.44%
ทั้งนี้ บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและรายได้รวม 22,627 ล้านบาท และ 26,321 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.72% และ 12.99% จากจำนวน 21,403 ล้านบาทและ 23,295 ล้านบาท ในปี 2548 ตามลำดับ โดยมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และรายการตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวน 3,542 ล้านบาท ลดลง 10.57% จาก 3,960 ล้านบาท และกำไรจากการดำเนินธุรกิจปกติ 1,540 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.46% จากจำนวน 1,279 ล้านบาท
สำหรับสาเหตุที่บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นกว่า 82.44% นั้น สืบเนื่องจากบริษัทบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเป็นจำนวน 1,792 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 183 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 1,081.08% บวกกับบันทึกดอกเบี้ยจ่ายจำนวน 1,074 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 31.47% ที่มีดอกเบี้ยจ่าย 1,568 ล้านบาท เนื่องจากในปี 2549 บริษัทได้ชำระคืนหนี้เงินต้นให้แก่เจ้าหนี้เป็นจำนวนประมาณ 13,726 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าตามบัญชีต่อหุ้นเท่ากับ 24.61 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ไซรัส ประเมินผลการดำเนินปี 2550 ว่า ทีพีไอโพลีน จะมีกำไรสุทธิลดลง 11% จากการชะลอตัวของการลงทุนในประเทศ ทำให้ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ไม่เป็นเป้าตามเป้าที่ที่คาดว่าจะโตได้ประมาณ 3% โดยคาดกำไรจากการดำเนินงานปีนี้ไว้ที่ 1,642 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.80 บาท แต่ยังคงขยายตัวจากปีก่อน 64.3% เนื่องจากภาระดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายทางด้านกฎหมายที่ลดลง รวมทั้งราคาปูนซีเมนต์ที่มีโอกาสปรับขึ้นในปี 2551 และต้นทุนพลังงานที่เริ่มนิ่ง ส่งผลทำให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น
ขณะเดียวกัน ระยะสั้นอาจจะได้รับกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ หลังจากที่ปัญหาเรื่องหนี้ซื้อคืนแบบมีส่วนลดยุติ หากชนะคดีจะมีกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ 2,362 ล้านบาท แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงเรื่องที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีมติให้คณะกรรมการปลดนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ พ้นจากตำแหน่งกรรมการ รวมถึงเรื่องคดีซื้อเครื่องจักร หากแพ้คดีอาจจะต้องเสียค่าปรับประมาณ 2,252 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยอัตรา 7.5% ต่อปี
โดยประเมินราคาตามปัจจัยพื้นฐานปี 2550 ไว้ที่หุ้นละ 13.6 บาท ลดลงจากเดิมที่ 14.6 บาท จากที่คาดว่าความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศในปีนี้จะชะลอตัว ประเมิน พี/อี เรโช ที่ 16.7 เท่า และ P/B ที่ 1.2 เท่า ซึ่งยังมีส่วนต่าง (Upside) 11.5% แนะนำ "ถือ"
ขณะที่ บล. กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กลับมองว่า ผลการดำเนินงานทีพีไอโพลีน ในปีนี้น่าจะปรับตัวดีขึ้นมากจากปี ก่อน จากราคาปูนซีเมนต์ได้ทยอยปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ต้นทุนพลังงานปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบ ส่งผลบวกทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น บวกกับการเพิ่มทุนไปชำระหนี้ทำให้ภาระหนี้ลดลงมาก ดังนั้น จึงคาดว่าจะมีกำไรปกติจะฟื้นตัวอย่างมากเป็น 1,987 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 98% ขณะเดียวกันยังคาดว่าจะรับรู้กำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ส่วนที่เหลือที่กำลังอยู่ในการพิจารณาของศาลอีกประมาณ 2,362 ล้านบาท
จากปัจจัยดังกล่าว จึงแนะนำให้ซื้อเก็งกำไร โดยราคาเหมาะสมที่หุ้นละ 14 บาท P/E เท่ากับ 14 เท่า เนื่องจากยังมี Upside ประมาณ 15% แต่ยังต้องระวังปัจจัยเสี่ยงกรณีที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวโทษให้ปลดนายประชัย ออกจากกรรมการบริษัท ซึ่งอาจจะมีผลต่อการถูกเพิกถอนจากการเป็นบริษัทจดทะเบียน
ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้น TPIPL ล่าสุด วานนี้ (29 ม.ค.) ราคาไม่ได้ตอบรับกับผลการดำเนินงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากนัก โดยราคาปรับตัวขึ้นไปสูงสุดที่ 12.50 บาท ก่อนจะปรับตัวลดลงมาปิดที่ราคาต่ำสุด 12.00 บาท ลดลงจากวันก่อน 0.20 บาท หรือคิดเป็น 1.64% มูลค่าการซื้อขายรวม 177.65 ล้านบาท
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|