ธปท.ขึงขังคุมกองอสังหาฯ


ผู้จัดการรายวัน(26 มกราคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า จากการหารือเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการกันเงินสำรอง 30% ที่มีต่อกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ข้อสรุปอย่างไม่เป็นทางการออกมาแล้วว่า ทาง ธปท.จะยังคงใช้มาตรการดังกล่าวกับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนอื่นๆ ต่อไป โดยไม่ได้ระบุเหตุผลกลับมาแต่อย่างใด โดยธปท.บอกเพียงแต่ว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า ธปท.จะยังไม่ยกเลิกมาตรการดังกล่าว ในส่วนของเราก็ต้องหาทางออกเอาเอง ซึ่งปัจจุบันการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ก็ยังเป็นการลงทุนที่น่าสนใจ มีความเสี่ยงต่ำ และให้ผลตอบแทนสูงในระยะยาวอยู่ในขณะที่ผู้ลงทุนเอง ถึงแม้ว่าเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติอาจจะไม่เข้ามาแล้วจากความไม่มั่นใจต่อมาตรการดังกล่าว แต่นักลงทุนในประเทศที่สนใจลงทุนผ่านกองทุนอสังหาริมทรัพย์ก็ยังมีอยู่ ทั้งรายย่อย และนักลงทุนสถาบันในประเทศ เช่น บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิต ซึ่งนักลงทุนเหล่านี้น่าจะช่วยให้ตลาดสามารถขยายตัวต่อไปได้ แต่ก็คงไม่มาก เพราะแน่นอนว่าเงินลงทุนย่อมต่ำกว่าเงินลงทุนจากต่างชาติ

"สถานการณ์เป็นแบบนี้ เราก็ต้องปรับตัว และหาทางออกเอาเอง ถามว่าการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ยังน่าสนใจอยู่ไหม แน่นอนว่าน่าสนใจทั้งในเรื่องของความเสี่ยงและผลตอบแทน ซึ่งเราเองหากจะดำเนินธุรกิจต่อไป ถึงแม้นักลงทุนต่างชาติจะไม่สนใจแล้ว ก็ต้องหาทางออกเอง"นายอดิศรกล่าว

ขณะเดียวกันในการจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ในช่วงต่อจากนี้ คงต้องลดขนาดกองทุนให้เล็กลง ส่วนกองทุนขนาดใหญ่อาจจะไม่มีแล้ว ในส่วนของบลจ.ไทยพาณิชย์เองก็คงจะทยอยทำกองเล็กไปเรื่อยๆ ที่ละกองสองกอง เพื่อให้สามารถจัดตั้งกองทุนได้ง่ายขึ้น

นายอดิศรกล่าวว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนจะระดมทุนผ่านกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์อีกประมาณ 10,000-20,000 ล้านบาท จากกองทุนใหม่จำนวน 1-2 กองทุน รวมทั้งเพิ่มทุนโครงการสำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ควอลิตี้ เฮ้าส์ (QHPF) ที่มีมูลค่ากองทุนประมาณ 7,900 ล้านบาทในปัจจุบัน

ทั้งนี้ ในส่วนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ควอลิตี้ เฮ้าส์ จะเป็นการเพิ่มทุนโดยนำสินทรัพย์ประเภทเซอร์วิส อพารต์เมนต์ และอาคารสำนักงานของบริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์สินเดิม เข้ามา โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ประมาณช่วงไตรมาสที่สองถึงไตรมาสสามของปีนี้ นอกจากนี้

ในระยะยาวบริษัทยังมีแผนที่จะเพิ่มทุนโครงการสำหรับกองทุนดังกล่าวเป็น 20,000 ล้านบาทอีกด้วย

สำหรับแนวโน้มลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ นายอดิศรกล่าวว่า ในปีนี้จะเป็นปีที่การลงทุนหุ้นมีความผันผวนค่อนข้างมาก แต่จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง และการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวด้วยนั้น

เรามองว่าน่าจะเป็นจังหวะดีในการเข้าไปลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดี และลงทุนในระยะยาว ซึ่งในส่วนของราคาหุ้นเองก็มีโอกาสปรับตัวลงต่ำกว่าราคาพื้นฐานจากความไม่แน่นอนต่างๆ

ด้านนายชูเกียรติ ธิติหิรัญเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกองทุนสายงานการลงทุน บลจ.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า หุ้นที่น่าสนใจลงทุนในปีนี้ แนะนำให้เลือกหุ้นที่มีอัตราการเติบโตสูง มีกระแสเงินสดดีและมีอัตราการจ่ายปันผลสูง โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจมีทั้ง หุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้า จากการมีรายได้ที่แน่นอนและมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงมีอัตราการจ่ายปันผลในระดับ 3-5% ขณะเดียวกันในปีนี้เอง

หุ้นกลุ่มดังกล่าวจะขยายตัวสูงจากการเปิดประมูลโรงไฟฟ้าเพื่อขยายกำลังการผลิต

นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มขนส่ง อาทิ บริษัททางด่วน กลุ่มอุตสากรรมซีเมนต์ กลุ่มบริษัทเช่าซื้อรถยนต์และกลุ่มโรงพยาบาล ก็เป็นหุ้นที่น่าสนใจอีกด้วย ทั้งนี้ ในส่วนของบลจ.ไทยพาณิชย์เอง ช่วงที่ผ่านมาบริษัทยังไม่มีการปรับพอร์ตการลงทุนแต่อย่างใด เนื่องจากการลงทุนของบริษัทมีการลงทุนในหุ้นกลุ่มดังกล่าวอยู่แล้ว

ลุ้นธปท.ปลดล็อกพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ กรุงไทยเตรียมระดมเงิน2.6หมื่นล้าน

ขณะที่นายศรีภพ สารสาส กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTAM) กล่าวยอมรับว่า แผนการจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) ของบริษัทได้รับผลกระทบจากการมาตรการสะกัดเก็งกำไรค่าเงินบาทของธปท.เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่า ธปท.น่าจะผ่อนคลายกฎดังกล่าว เนื่องจากการลงทุนผ่านกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เหมือนกับการเข้ามาลงทุนโดยตรงของนักลงทุนต่างประเทศ ที่มีข้อจำกัดในการถือครองอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย

สำหรับแผนการดำเนินงานในปีนี้ บลจ.กรุงไทยเตรียมเปิดขายหน่วยลงทุนประมาณ 5-7 กองทุน โดยในส่วนของ 5 กองทุนที่อยู่ในตารางเวลากับจัดจำหน่ายยังเป็นไปตามแผนปกติ โดยมียอดระดมเงินประมาณ 2.6 หมื่นล้านบาท


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.