ผลงานล่าสุดของปีเตอร์ แอล เบิร์นสไตน์ ซึ่งขุดคุ้ยประวัติศาสตร์การขุดทองของมนุษย์ ด้วยสำนวนเรื่องเล่า ที่สนุกสนานชวนติดตาม

เบิร์นสไตน์เริ่มต้นด้วยเรื่องเล่า ที่มีมานานนับร้อยปีแล้วเกี่ยวกับชายผู้หนึ่ง ที่ออกเรือไปพร้อมกับถุง ที่มีเหรียญทองอยู่เต็ม แต่เผอิญเจอพายุ เรือคว่ำ ชายหนุ่มจึงโดดออกจากเรือพร้อมกับคว้าถุงทองไว้ในมือ แล้วเขาก็จมลงสู่ก้นทะเลพร้อมกับถุงทอง คำถามก็คือ "ตกลงชายหนุ่มได้ทองไป หรือทองได้ชีวิตของชายหนุ่มไปกันแน่?"

นี่คือ ประเด็นตั้งต้นของหนังสือ The Power of Gold ซึ่งเบิร์นสไตน์อธิบายไว้ในบทนำว่าเป็น "เรื่องราวเกี่ยวกับผู้คนที่ถูกกระเสือกกระสนดิ้นรน ถูกครอบงำ ถูกหลอกหลอน และหลงใหลได้ปลื้มกับโลหะ ที่เรียกกันว่าทอง"

เบิร์นสไตน์พาผู้อ่านย้อนกลับไปในสมัยอียิปต์โบราณ ซึ่งใช้ทอง เพื่อการตกแต่งประดับประดา และในคัมภีร์ไบเบิล ซึ่งมีการกล่าวถึงทองไว้ในหลาย ที่ จากนั้น จึงสืบสาวหาต้นเค้าของการเปลี่ยนแปลงทองไปสู่เงินตรา ซึ่งทำให้ทองสูญเสียคุณค่าในด้านของความมหัศจรรย์ และน่าหลงใหลไป

ตำนานเกี่ยวกับผู้ที่ได้รับพรให้จับอะไรเป็นทองไปหมดจนถึงเรื่องราวในยุคตื่นทองของอเมริกา ล้วนแต่ชี้ให้เห็นถึงพลังของโลหะ ที่มีลักษณะเฉพาะ ซึ่งทำให้ผู้คนหลงใหล และถูกครอบงำมาเป็นเวลายาวนาน ทองหลอกล่อมนุษย์ด้วยความงดงาม และความทนทานของมัน และทองก็มีพลังอำนาจแห่งการทำลาย ที่สูงด้วย มีผู้คนจำนวนมากมาย ที่หลงเสน่ห์ของทอง และละโมบโลภมากจนพบกับเภทภัยในที่สุด

หนังสือเล่มนี้จึงเป็นเรื่องเล่าเชิงประวัติศาสตร์ และเรื่องราว ที่เกี่ยวข้องกับจริยธรรมของมนุษย์ด้วย เรื่องราวเกี่ยวกับทองยังให้บทเรียน ที่ควรค่าแก่การปรับใช้ในระบบการเงินยุคปัจจุบันด้วย เพราะแรงผลักดันให้เกิดความละโมบ ความหวาดกลัว รวมทั้งความอยากมีอำนาจ อยากครอบครองความงาม ที่เกี่ยวข้องกับทองยังคงเป็นแรงผลักดันมนุษย์ในโลกทุกวันนี้อยู่เช่นเดิม