|

กรุงศรีฯหวังกำไรพอร์ตลงทุน30%ฟุ้งมีดีลไอบี40ดีลมูลค่ากว่า4หมื่นล.
ผู้จัดการรายวัน(23 มกราคม 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
บล.กรุงศรีฯ ตั้งเป้ากำไรพอร์ตลงทุนปีนี้30% จากมูลค่าลงทุน 200 ล้านบาท ชี้ ภาวะตลาดผันผวนเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าไปลงทุน “ผู้บริหาร” เตรียมเพิ่มสัดส่วนลูกค้าสถาบันเป็น 30% หวังดันมาร์เก็ตแชร์เป็น 3.5% ฟุ้งมีงานวาณิชฯในมือกว่า 40 ดีลมูลค่าระดมทุน 4 หมื่นล้าน
ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ จันทรทัต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์(บล.)กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ AYS เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าปีนี้จะมีกำไรจากบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ (พอร์ตการลงทุน) จำนวน 20-30%จากมูลค่าพอร์ตลงทุน 100-200 ล้านบาท โดยช่วงที่ภาวะตลาดผันผวนถือว่าเป็นจังหวะที่ดีที่จะเข้ามาซื้อหุ้นจากที่ราคาหุ้นมีการปรับตัวลดลงและจะมีการขายหุ้นออกไปในช่วงที่ราคาหุ้นม ีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ในปี 2549 บริษัทมีกำไรจากพอร์ตการลงทุนจำนวน 60-80 ล้านบาทจากมูลค่าพอร์ตการลงทุน100-200 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทได้มีการลงทุนในหุ้นที่อยู่ใน SET 50 จำนวน 80% ที่เหลืออีก 20 % ลงทุนในตราสารอนุพันธ์ โดยในช่วงที่ราคาหุ้นมีการปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงจากมาตรการสกัดกั้นเงินบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วันที่ 19 ธันวาคม 2549 เพราะบริษัทได้มีการปรับพอร์ตการลงทุนไปก่อนหน้านั้นแล้ว จึงไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าว
สำหรับปีนี้บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนสถาบันเป็น 30%จากขณะนี้ที่มี 20% ซึ่งเชื่อจากการที่ธปท.ได้มีการผ่อนปรนมาตรการสกัดกั้นการเก็งกำไรค่าเงินในส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยและหากนักลงทุนต่างประเทศมีความเข้าใจกับมาตรการดังกล่าวว่าธปท.มีวัตถุประสงค์ให้เม็ดเงินลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนระยะยาวจะทำให้ส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์)ปีนี้อยู่ที่ 3.5% เพิ่มขึ้น จากปี2549 ที่มีมาร์เกตแชร์ 3% โดยสัดส่วนรายได้ปีนี้จะมาจากการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ 60% พอร์ตการลงทุน 20% และการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินจำนวน 20%
ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ กล่าวว่า จากการที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)มีการจัดตั้งกองทุนอีทีเอฟ นั้นบริษัทมีความสนใจที่ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)กรุงศรีอยุธยา จำกัด เพื่อที่จะเสนอเป็นผู้ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลสภาพคล่อง (มาร์เก็ตเมกเกอร์) เพื่อที่จะสร้างผลตอบแทนและเพิ่มจำนวนลูกค้ามากขึ้น จากขณะนี้ที่บลจ.จะทำหน้าที่ในการเป็นผู้บริหารกองทุน
นายพรทัต อมตวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทมีงานด้านที่ปรึกษาทางการเงินรวมจำนวน 40 บริษัท ซึ่งมีมูลค่าระดมทุนประมาณ 40,000 ล้านบาท ประกอบด้วย การเป็นที่ปรึกษาทางด้านการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (IPO)20% ที่ปรึกษาทางด้านการควบรวมกิจการ (M&A)40% ที่ปรึกษาการเสนอขายหุ้นทั่วไปต่อประชาชน (PO) 15% ที่เหลือการเป็นที่ปรึกษาด้านการปรับโครงสร้างหนี้ และการหาแหล่งเงินทุน โดยบริษัทคาดว่าจะมีรายได้ด้านการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินจำนวน 100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น เท่าตัวจากปี 2549 ที่มีรายได้จำนวน 50-60 ล้านบาท
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|