เคเอ็มซี"ลดพาร์เคลียร์ขาดทุนรับทุนงวดแรก525ล.-ผุดโปรเจกต์แนวราบโกย1,400ล.


ผู้จัดการรายวัน(23 มกราคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

ยอดผู้ใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเคเอ็มซี 350.46 ล้านหุ้น เงินเพิ่มทุนไหลเข้า 525.69 ล้านบาท จากแผนทั้งหมด 791.72 ล้านบาท ใช้วิธีลดพาร์ล้างขาดทุนสะสมพลิกเป็นกำไร 133.84 ล้านบาท งัดแผนบริหารโครงการใหม่ เพื่อชดเชยเงินเพิ่มทุนที่ไม่ครบจำนวน ส่วนยอดขายได้ชัวร์ๆ 650 ล้านบาทจากโครงการคอนโดฯดอะคริส รัชดาภิเษก อาคาร 2-3 ลั่นปีนี้ยอดขายตามเป้า 2,5003,000 ล้านบาท

นายวิรัตน์ เอี้ยวอักษร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ KMC เปิดเผยถึงแผนการเพิ่มทุนจดทะเบียนตามมติของที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2549 ว่า หลังจากได้ออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 527.81 ล้านหุ้น จำนวนเงินเพิ่มทุนทั้งสิ้น 791.72 ล้านบาท อัตราส่วน 1 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาหุ้นละ 1.50 บาท จองซื้อระหว่างวันที่ 12-18 ธ.ค.ทีผ่านมานั้น ได้มีผู้ใช้สิทธิจองซื้อหุ้นทั้งหมด 350.46 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 66.40% ได้รับเงินเพิ่มทุน 525.69 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้ดำเนินการจดทะเบียนเพิ่มทุนและหุ้นสามัญเพิ่มทุน โดยได้จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สำหรับมูลค่าทางบัญชีของบริษัทภายหลังเพิ่มทุนแล้วจะเท่ากับ 2.45 บาท ซึ่งขณะนี้บริษัทกำลังดำเนินการจดทะเบียนลดทุนโดยการลดพาร์อยู่ ซึ่งจะปรับลดพาร์จาก 8.80 บาท เหลือ 2.30 บาท โดยในการปรับลดพาร์ดังกล่าว จะทำให้การขาดทุนสะสมของบริษัท ณ ไตรมาส 2 เป็นกำไรขึ้นทันที 133.84 ล้านบาท แต่เนื่องจากบริษัทไม่สามารถล้างขาดทุนสะสมจนเป็นกำไรได้ ในส่วนกำไรดังกล่าวทางบริษัทจะทำการโอนไปในส่วนของส่วนเกินมูลค่าหุ้นแทน ซึ่งผลในทางบัญชี บริษัทสามารถล้างขาดทุนสะสมหมดตั้งแต่วันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา

สำหรับเงินเพิ่มทุนที่บริษัทยังขายหุ้นเพิ่มทุนได้ไม่หมดนั้น จัดว่าไม่ได้เป็นปัญหากับบริษัทเลย เนื่องจากเงินจำนวน 266 ล้านบาทที่ผู้ถือหุ้นยังไม่ได้จองซื้อดังกล่าว ซึ่งเดิมทางบริษัทมีแผนที่จะใช้เป็นค่าก่อสร้างสำหรับโครงการเดอะคริส คอนโดฯนั้น แต่เมื่อไม่ได้ครบตามจำนวนดังกล่าว ทางบริษัทได้เตรียมแผนงานพร้อมรองรับไว้แล้ว โดยได้ทำการจ้างผู้รับเหมาก่อสร้างแบบ turn keyแทนที่การจะใช้เงินที่ได้จากการเพิ่มทุนตามแผนเดิม ซึ่งจะมีมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 150 ล้านบาท

สำหรับการแผนการขยายงานที่กฤษดาดอยเชียงใหม่นั้น ทางด้านการก่อสร้างซึ่งตามประมาณการครั้งแรกว่าจะใช้งบประมาณ 300 ล้านบาท ทางบริษัทจึงได้ทำการปรับแผนและรูปแบบการก่อสร้างอีกครั้ง ช่วยให้บริษัทสามารถลดต้นทุนการก่อสร้างได้ประมาณ 100 ล้านบาท

จากการดำเนินการทั้งสองส่วนนี้ ทางบริษัทสามารถชดเชยในส่วนเงินเพิ่มทุนจำนวนดังกล่าวได้แล้ว และในขณะนี้ทางบริษัทมีเป้าหมายที่จะขายหุ้นในบริษัทราฟเฟิล ซึ่งบริษัทได้ลงทุนไว้ภายในช่วงไตรมาสที่ 1-2 นี้ ซึ่งจะได้รับเงินประมาณ 200 ล้านบาทเข้ามาเพิ่ม จะส่งผลให้บริษัทมีสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจต่อเนื่องไปโดยไม่ติดขัดแต่ประการใด

อีกทั้งการเพิ่มทุนเพียงเท่านี้ยังส่งผลดีกับผู้ถือหุ้นในเรื่อง Dilution effect อีกด้วย ซึ่งผู้ถือหุ้นบริษัทไม่ต้องมี dilution มาก ซึ่งจะดูได้จากมูลค่าทางบัญชีจากเดิมถ้ามีการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนหมดจะเท่ากับ 2.29 บาท แต่ในขณะนี้มูลค่าทางบัญชีของบริษัทอยู่ที่ 2.45 บาทต่อหุ้น

สำหรับแผนการจ่ายเงินปันผล เมื่อบริษัทสามารถล้างขาดทุนสะสมหมดแล้ว (ณ ไตรมาสที่ 2 ปี 2549) ขณะนี้บริษัทมีกำไรสะสมอยู่ทางบัญชีก็คือ ผลกำไรในไตรมาสที่ 3 จำนวน 52.71 ล้านบาท ซึ่งหากบริษัทมีกำไรต่อเนื่อง บริษัทก็สามารถจ่ายเงินปันผลได้

นายวิรัตน์ กล่าวถึงการขายสินค้าในปี 2550 ว่า จะมาจากโครงการคอนโดเดอะคริส รัชดาภิเษก อาคาร 2 อีกประมาณ 350 ล้านบาท ซึ่งรอดำเนินการโอนอยู่ รวมทั้งกำลังเปิดขายโครงการเดอะคริส อาคาร 3 มูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท และจะดำเนินการก่อสร้างพร้อมกันทั้งสองอาคารให้แล้วเสร็จภายในปี50 คาดจะสามารถสร้างยอดขายในส่วนนี้ได้ประมาณ 650 ล้านบาท

ในส่วนของการพัฒนาโครงการแนวราบ ทางบริษัทฯมีแผนที่จะเปิดเฟสใหม่เพิ่มเติมอีกหลายโครงการ โดยตั้งเป้าการขายในโครงการแนวราบปี 2550 ไว้ประมาณ 1,400 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่จะทยอยสร้างเสร็จสมบูรณ์ในทุกโครงการของบริษัทที่กำลังเปิดขายอยู่ ซึ่งบริษัทคาดว่าในปีนี้ จะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าหมาย 2,500-3,000 ล้านบาท


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.