ปิดฉาก"วิโรจน์ ภู่ตระกูล" ผู้พลิกกงสีเซ็นทรัลสู่CEO


ผู้จัดการรายวัน(18 กุมภาพันธ์ 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

ปิดฉาก "วิโรจน์ ภู่ตระกูล" ผู้พลิกบทบาทการบริหารงานของเซ็นทรัล กรุ๊ป จากระบบกงสี ที่เป็นธุรกิจของตระกูลจิราธิวัฒน์ สู่แนวคิดการบริหารแบบ "ซีอีโอ" และผลัดทายาทรุ่น 3 ของตระกูลจิราธิวัฒน์สู่ซีอีโอ ของกลุ่มธุรกิจ ได้เป็นผลสำเร็จ

ปิดฉากชีวิตลงแล้ว สำหรับ นายวิโรจน์ ภู่ตระกูล นักธุรกิจ-นักบริหารที่ประสบความสำเร็จมาก ที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทย โดย รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า "นายวิโรจน์ ภู่ตระกูล" กรรมการบริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) และกรรม การบริหารทั่วไป เซ็นทรัล กรุ๊ป ได้เสียชีวิตลงด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน ขณะเดินทางไปพักผ่อน ที่หน่วยจัดการต้นน้ำแม่ตะมาน อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อเวลา 17.00 น. ของวันที่ 16 ก.พ. 2546

ทั้งนี้ นายวิโรจน์ ได้เดินทางไปพักผ่อนที่จังหวัดเชียงใหม่กับคณะรวมทั้งหมด 25 คน โดยมีลูกชาย 2 คน ของนายวิโรจน์เดินทางไปด้วย หลังจากนายวิโรจน์เสีย ชีวิตแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภอ. เชียงดาวได้รับแจ้งเมื่อเวลา 17.20 น. จึงได้จัดรถนำศพมาชันสูตรที่โรงพยาบาลเชียงใหม่-ราม

สำหรับนายวิโรจน์ ภู่ตระกูล นับเป็น นักธุรกิจ-นักบริหารที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทย เคยเป็นประธาน บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด นอกจากนี้ยังมีตำแหน่งเป็นกรรมการ และประธานกรรมการตรวจสอบของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

ที่ปรึกษาคนสำคัญของเซ็นทรัล

หลังจากเกษียณอายุการทำงานจากบริษัทยูนิลีเวอร์ ไทย โฮลดิ้ง จำกัด แล้ว ในปี 2537 นายวิโรจน์ ภู่ตระกูล ได้เข้ามาร่วมงานกับเครือเซ็นทรัล โดยดำรงตำแหน่งกรรมการบริหาร บริษัทเซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)

นายวิโรจน์ นับเป็นผู้มีส่วนสำคัญยิ่ง ในฐานะที่เป็นคนนอกตระกูล"จิราธิวัฒน์"คนแรก ที่มีส่วนผลักดันการปฏิวัติระบบการทำงาน ของเซ็นทรัล กรุ๊ป ในเดือนมีนาคม 2545 จากระบบ "กงสี" สู่รูปแบบการทำงานแบบมืออาชีพ ที่มี "ซีอีโอ" บริหารงานในแต่ละกลุ่มธุรกิจซึ่งนับเป็นการนำวิธีบริหารงานแบบตะวันตกเข้ามาใช้เมื่อปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน

ช่วงที่นายวิโรจน์เข้ามาปรับรูปแบบการบริหารในเซ็นทรัล กรุ๊ป คนในตระกูลจิราธิวัฒน์ ต่างเห็นพ้องต้องกันว่าการบริหารแบบธุรกิจครอบครัวแบบเดิม คงไม่สามารถแข่งขันได้ในอนาคต จึงร่วมกันจัดขบวนทัพบริหารธุรกิจในเครือเซ็นทรัลใหม่ทั้งหมด เพื่อไม่ให้สะท้อนภาพธุรกิจครอบครัวของเครือเซ็นทรัลอีกต่อไป

ดังนั้น ทางตระกูลจิราธิวัฒน์ จึงมีความเห็นที่จะให้จัดตั้งบริษัทผู้ถือหุ้นขึ้น (Holding Company) ซึ่งเรียกชื่อว่าเซ็นทรัลกรุ๊ป หรือซีจี และมีซีจีบอร์ด เพื่อทำหน้าที่กำหนดนโยบายและทิศทางของเซ็นทรัลกรุ๊ปในระยะยาว มีอำนาจแต่งตั้งและถอดถอนผู้บริหารตาม องค์กร โดยมีคณะกรรมการทั้งหมด 15 คน มี นายวันชัย จิราธิวัฒน์ เป็นประธานกรรมการ คณะกรรมการชุดนี้จะประชุมปีละ 4-5 ครั้ง

สำหรับการกำหนดยุทธศาสตร์ซึ่งเป็นหัวใจของการบริหารจัดการนั้น ได้ตั้งคณะกรรม การบริหารที่เรียกว่า Executive Committee ขึ้นมาชุดหนึ่ง มีหน้าที่รับผิดชอบยุทธศาสตร์ระยะยาว และกำกับดูแลการดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามเป้าหมายและความต้องการของผู้ ถือหุ้น หรือ ซีจีบอร์ด

ปัจจุบันซีจี บอร์ด ได้แต่งตั้งกรรมการ ของ Executive Committee ไปแล้ว 7 คน (จาก 10 คน) โดยมีนายสุทธิชัย จิราธิวัฒน์ เป็นประธานกรรมการบริหาร นายสุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ เป็นรองประธาน นายสุทธิชาติ ดูแลด้านทรัพยากรมนุษย์ นายสุทธิศักดิ์ และนายสุทธิธรรม ดูแลด้านปฏิบัติการ นายปริญญ์ ดูแลด้านการเงิน และนายวิโรจน์ ภู่ตระกูล ซึ่งเป็นคนนอกตระกูลจิราธิวัฒน์เพียงคนเดียว ที่ทำหน้าที่เป็นกรรมการบริหารทั่วไป

บทบาทสำคัญของ Executive Com-mittee ก็คือการคัดเลือกกรรมการผู้จัดการใหญ่ ของทั้ง 5 สายธุรกิจ ประกอบด้วย สายธุรกิจการค้าปลีก ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจการค้าส่ง และธุรกิจ อาหาร

โดยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ของ 5 กลุ่มธุรกิจที่ถูกวางตัวเอาไว้แล้วนั้นส่วนใหญ่เป็นทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูลจิราธิวัฒน์ ได้แก่ นายทศ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจการค้าปลีก (เซ็นทรัลรีเทล) แทนนายสุทธิชาติ ที่นั่งบริหารงานมานานกว่า 5 ปี

ธุรกิจการค้าส่ง นายพิชัย จิราธิวัฒน์ เดิมเป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท เซ็นทรัลเทรดดิ้ง มาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่สายธุรกิจการค้าส่ง แทนนายสุทธิศักดิ์

ส่วนกลุ่มธุรกิจโรงแรม นายสุทธิเกียรติ ยังได้รับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่เช่นเดิม และดูแลธุรกิจฟาสต์ฟูด ควบด้วย

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หรือบริษัทเซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) นั้น นายกอบชัย ซึ่งเป็น บุตรชายของนายวันชัย จิราธิวัฒน์ เป็นผู้ขึ้นมาบริหารแทนนายสุทธิธรรม

ทั้งนี้บอร์ด และซีอีโอ ของแต่ละธุรกิจของเครือเซ็นทรัลได้ร่วมกันวางแผนระยะยาว 5 ปี คือตั้งแต่ปี 2545-2549 ร่วมกัน ซึ่งเป็นทิศทางที่เครือเซ็นทรัลจะมุ่งดำเนินการให้ได้ ซึ่งแผนระยะยาวนี้ นับเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายที่ นายวิโรจน์ ภู่ตระกูล ได้ร่วมกำหนดทิศทางให้เครือเซ็นทรัล หลังจากนี้จะเข้าสู่ขั้นตอนของการปฏิบัติงานจริงเพื่อให้ได้ตามแผนที่วางไว้

โดยปกติเครือเซ็นทรัลจะประชุมร่วมกับบอร์ดบริหารทุกไตรมาส ครั้งล่าสุดคือเดือน ม.ค. แต่หลังตำแหน่งของนายวิโรจน์ว่างลง บอร์ดบริหารอาจจะเรียกประชุมวาระพิเศษ เพื่อหารือว่าจะหาบุคคลใดมาดำรงตำแหน่งดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวจากเครือเซ็นทรัล เปิดเผยว่า นับเป็นเรื่องน่าเสียดายที่องค์กรได้สูญเสียผู้มีฝีมือดี และมีแนวคิดทางการบริหารที่หาใครเทียบยาก แต่เชื่อว่าการจากไปของ นายวิโรจน์ จะไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจในเครือเซ็นทรัล เพราะการดำเนินธุรกิจจะดำเนินไปตามแผนงานที่ได้กำหนดไว้แล้ว

สำหรับตำแหน่งทางการเมือง นายวิโรจน์เคยได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เมื่อปี 2534 หลังการรัฐประสานของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) และเคยเป็นวุฒิสมาชิก ระหว่างวันที่ 22 มีนาคม 2539 ถึงวันที่ 21 มีนาคม 2542

ด้านการศึกษาได้รับปริญญาพาณิชยศาสตร์ ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากคณะพาณิชยศาสตร์ และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี 2524 ต่อมาได้เป็นศาสตราภิชานในสาขาการตลาด กองทุนล่ำซำ ปีการศึกษา 2541 ของคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.