แบงก์กรุงศรีตีปี๊บขึ้นแบงก์ชั้นนำรื้อรูปแบบโครงสร้างบริหารใหม่


ผู้จัดการรายวัน(17 มกราคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

บิ๊กแบงก์กรุงศรีฯ ประกาศศักดาเดินหน้าดันขึ้นสู่แบงก์ชั้นนำระดับสากล หลังความร่วมมือเชิงยุทธ์กับจีอี มันนี่ เน้นสร้างดุลยภาพระหว่างธุรกิจบริการทางการเงินขนาดใหญ่และธุรกิจเพื่อลูกค้ารายย่อย ย้ำคงชื่อแบรนด์ “กรุงศรีอยุธยา” ในการทำธุรกิจต่อไป ระบุโครงสร้างผู้บริหารใหม่ ไม่มีกรรมการผู้จัดการ ใช้ตำแหน่งสูงสุด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และจะมีประธานในแต่ละสายงาน

วานนี้ (16 ม.ค.) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด และจีอี มันนี่ เอเชีย ร่วมแถลงข่าวร่วมแถลงว่า ธนาคารกรุงศรีอยุธยาจะมุ่งสู่การเป็นธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของไทย โดยมีนายวีระพันธุ์ ทีปสุวรรณ ประธานกรรมการ และมร. โยชิอากิ ฟูจิโมริ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จีอี มันนี่ เอเชีย หลังจากที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรเชิงยุทธ์

นายวีระพันธุ์ ทีปสุวรรณ ประธานกรรมการ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การจับมือเป็นพันธมิตรเชิงยุทธ์กับจีอี มันนี่ถือเป็นประวัติศาสตร์อย่างแท้จริงใน 61 ปีของการดำเนินธุรกิจของธนาคาร เรากำลังก้าวเข้าสู่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของธนาคารที่จะเห็นธนาคารเติบโตยิ่งขึ้นและแข็งแกร่งมากขึ้นโดยอาศัยจุดแข็งในการทำธุรกิจของเราทั้งสองฝ่าย

โดยหัวใจสำคัญของความร่วมมือในครั้งนี้ คือการสร้างฐานที่มั่นคงและการมีดุลยภาพระหว่างบริการการเงินธุรกิจขนาดใหญ่ (commercial banking) และบริการการเงินแก่ลูกค้ารายย่อย โดยธนาคารมีฐานธุรกิจบริการการเงินธุรกิจขนาดใหญ่ที่แข็งแกร่ง ในส่วนของธุรกิจการเงินเพื่อรายย่อยนั้น ธนาคารเล็งเห็นโอกาสใหม่ๆ มากมายที่จะมาพร้อมกับการถ่ายทอดความเชี่ยวชาญในการให้บริการทางการเงินแก่ผู้บริโภคด้วยมาตรฐานระดับสากล ของจีอี ด้วยการผสานช่วยให้เราเติบโตและทำให้เราสามารถมุ่งสู่การเป็นหนึ่งในธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ ชั้นนำของไทย

“จีอีเป็นที่รู้จักและยอมรับในฐานะบริษัทที่มีธรรมาภิบาลและการบริหารงานที่โดดเด่น การสร้างความเติบโตให้กับแบงก์ ที่จำเป็นต้องมีการบริหารแบบมืออาชีพที่สามารถสร้างผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่างๆ นอกจากนี้ จีอียังจำเป็นต้องนำกระบวนการทำงานและทางเทคโนโลยีที่เหมาะสมเข้ามาเพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของฐานลูกค้าที่กว้างและหลากหลายได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง” นายวีระพันธุ์กล่าว

นอกจากนี้การบริหารธุรกิจและนโยบายต่างๆที่จะใช้ ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นเป็นหลัก ซึ่งจะมีชื่อของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ในการทำธุรกิจธนาคารพาณิชย์ตลอดไป ถือว่าเป็นแบรนด์ที่มั่นคงแข็งแกร่งอยู่ในใจของลูกค้าตลอดไป ซึ่งจะไม่คำนึงถึงอันดับของระบบจะเป็นเท่าใดก็ตาม ของให้มีคุณภาพ

สำหรับโครงสร้างผู้บริหารนั้น กำลังพิจารณาเพื่อให้คณะกรรมการธนาคารอนุมัติ ซึ่งโครงสร้างใหม่จะมีตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เป็นตำแหน่งที่สูงที่สุด และจะมีการจัดกลุ่มสายงานมีประธานในแต่ละกลุ่มเป็นผู้รับผิดชอบสายงานนั้นๆ คาดว่าจะประกาศได้ในเร็วๆนี้

นายวีระพันธุ์กล่าวว่าคณะกรรมการธนาคารกรุงศรีอยุธยาฯ จะยังคงทำหน้าที่กำหนดนโยบายและกำกับดูแลการดำเนินธุรกิจของธนาคารเช่นเดิม โดยมีความมั่นใจว่าธนาคารมีคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์ และคาดว่าคณะกรรมการจะประกาศแต่งตั้งประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ภายในไตรมาสแรกของปีนี้

สำหรับการเป็นพันธมิตรระหว่างธนาคารกรุงศรีอยุธยาฯ และจีอี มันนี่เริ่มจากแผนงาน 100 วัน ซึ่งเป็นกรอบการทำงานเชิงยุทธ์ที่สร้างพื้นฐานการเติบโต วัตถุประสงค์หลักของแผนงานดังกล่าวจะมุ่งผสานจุดแข็งของพันธมิตรแต่ละฝ่ายให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อสร้างความแข็งแกร่งแก่ธนาคารและเพิ่มความสำเร็จทางการเงิน โดยในแผนงาน 100 วัน จีอี มันนี่จะเน้นหนักใน 3 หัวข้อ ได้แก่ สนับสนุนการพัฒนาวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ ผลักดันการผสานของวัฒนธรรมและคุณค่าขององค์กรของทั้งสองฝ่าย และสร้างความรู้สึก เรียนรู้และเติบโตไปด้วยกัน

มร. โยชิอากิ ฟูจิโมริ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จีอี มันนี่ เอเชีย กล่าวว่า จีอี มีความมั่นใจศักยภาพของเศรษฐกิจของประเทศไทย ถึงแม้ว่าจะมีปัญหาหรือความเสี่ยงเกี่ยวกับการเมือง แต่ในระยะยาวแล้วเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยจะมีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และอัตราการเติบโตที่สูง ดังนั้นจึงสนใจที่ร่วมลงทุนในธนาคารกรุงศรีอยุธยา ที่เป็นธนาคารที่มีชื่อเสียงในระดับต้นๆของประเทศ ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้จะต้องมีการเติบโตที่ก้าวกระโดด และจีอีมีความคาดหวังผลระยะยาว โดยใช้ชื่อของกรุงศรีอยุธยา ในการทำธุรกิจเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง

นางสาวพรรณพร คงยิ่งยง Integration Leader ของจีอี มันนี่กล่าวว่า “เป็นแนวทางของจีอีในการนำกระบวนการที่โปร่งใสและราบรื่นมาสร้างความเป็นพันธมิตรที่ดีระหว่างองค์กรใหญ่สององค์กร ซึ่งจะเป็นการสร้างจุดหมายและกฎต่างๆ ร่วมกันเพื่อความสัมพันธ์ในการทำงานที่มีประสิทธิภาพ และให้การเปลี่ยนแปลงเป็นไปอย่างราบรื่น”

สำหรับแผนงาน 100 วันประกอบด้วย 3 องค์ประกอบ นั่นคือการสื่อสาร แผน functional partnership และ E-tools and Change Acceleration Training ธนาคารกรุงศรีอยุธยาและจีอีได้มีความคืบหน้าในส่วนดังกล่าวไปมากแล้ว ในส่วนการสื่อสาร มีการสื่อสารกับผู้เกี่ยวข้องต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกฝ่ายจะได้รับประโยชน์จากความเป็นพันธมิตรครั้งนี้ มีการจัดงานผสานวัฒนธรรมเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้ทำความเข้าใจซึ่งกันและกันดีขึ้นเพื่อให้องค์กรทำงานได้มีประสิทธิภาพ และส่วนหนึ่งของแผนงาน 100 วันคือการถ่ายทอดความเชี่ยวชาญของจีอีด้านการบริหารความเสี่ยงและการกำกับดูแลธุรกิจธนาคาร (Compliance) การบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) กระบวนการปรับปรุงคุณภาพ Lean & Six Sigma ประสิทธิภาพการขาย ผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อลูกค้ารายย่อย และผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินสำหรับลูกค้าที่เป็นบริษัทและธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

“เราเชื่อว่าการเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งคือการผสมส่วนที่ดีที่สุดของทั้งสองฝ่ายเพื่อสร้างความแข็งแกร่งแก่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาฯ อีกทั้งยังประโยชน์แก่ลูกค้าของธนาคาร แก่พนักงานและธุรกิจธนาคารของไทยโดยรวม” นางสาวพรรณพรกล่าว

อนึ่งวันที่ 3 มกราคม 2550 จีอี มันนี่ ได้บรรลุการร่วมลงทุนในธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) อย่างเสร็จสมบูรณ์ โดยจีอี มันนี่ ได้เข้าถือหุ้นของธนาคารกรุงศรีอยุธยาฯ ในสัดส่วนร้อยละ 25.4 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของธนาคาร หลังการใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของธนาคารครบถ้วนทั้งจำนวน และมูลค่าการลงทุนเป็นเงินประมาณ 22,000 ล้านบาท (600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) พร้อมกันนี้ จีอี มันนี่ ยังได้โอนทรัพย์สินและหนี้สินของธนาคารจีอี มันนี่ เพื่อรายย่อยตามที่ตกลงกัน ประกอบด้วย เงินฝาก สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีอสังหาริมทรัพย์เป็นหลักประกันให้กับธนาคารกรุงศรีอยุธยาฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ จีอี มันนี่ดำเนินธุรกิจบริการทางการเงินแก่ผู้บริโภคในประเทศไทยมากว่า 10 ปี และในปี พ.ศ. 2544 จีอี มันนี่ได้ร่วมทุนกับธนาคารกรุงศรีอยุธยาฯ ดำเนินธุรกิจบัตรเครดิตซึ่งปัจจุบันบริษัทร่วมทุนดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการบัตรเครดิตชั้นนำของไทยโดยมีฐานผู้ถือบัตรกว่า 700,000 ใบ

ขณะที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาฯ จัดเป็นธนาคารพาณิชย์ของไทยที่มีขนาดทรัพย์สินและสินเชื่อใหญ่เป็นอันดับที่ 6 ของประเทศ ปัจจุบันมีเครือข่ายสาขาให้บริการ 549 แห่งทั่วประเทศ


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.