สหพัฒน์ระบุปีนี้ทำการบ้านหนักเมินปั้นยี่ห้อใหม่-รับจัดหน่ายเพิ่ม


ผู้จัดการรายวัน(17 มกราคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

สหพัฒน์ ผวาปัญหาการเมืองส่อเค้าลากยาวฉุดกำลังซื้อผู้บริโภคหด ชงนโยบายไม่ทำแบรนด์ใหม่ เน้นต่อยอดสินค้าเดิม อัดโปรโมชั่นเฉพาะพื้นที่หนัก ควานหาพันธมิตรรับจัดจำหน่ายสินค้าเสริมรายได้ สิ้นปีตั้งเป้าโต 15% โกยรายได้ 1.7-1.9 หมื่นล้านบาท

นายประพจน์ นันทวัฒน์ศิริ กรรมการและผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เปิดเผยว่า ปีนี้การทำตลาดต้องทำงานหนักมากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ของประเทศไทยไม่ดีมากนัก โดยเฉพาะปัญหาทางด้านการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่สร้างความวิตกให้กับผู้ประกอบการเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะมีการเลือกตั้งไปปีนี้ก็ตาม แต่เชื่อว่าสถานการณ์ก็ยังไม่ดีขึ้น ขณะที่กำลังการซื้อของผู้บริโภคปีนี้มองว่าไม่ดีมากนัก โดยเฉพาะกรณีเกิดเหตุการณ์วางระเบิดในกรุงเทพฯ ในช่วงวันเฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี กระทบความเชื่อมั่นและบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ประมาณการณ์ว่า สภาพเศรษฐกิจของประเทศไทยจะฟื้นตัวในปีหน้ามากกว่า อย่างไรก็ตามขณะนี้บริษัทไม่ได้กังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจมากนัก เพราะเชื่อว่าจะอยู่ในภาวะที่ทรงตัว แต่วิตกปัญหาทางด้านการเมืองมากกว่า โดยปีนี้บริษัทไม่มีแนวทางที่จะปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น เนื่องจากพบว่าหลังจากคู่แข่งที่อยู่ตลาด ยกตัวอย่าง ผงซักฟอกได้ปรับราคาขึ้น ผู้บริโภคไปซื้อสินค้าแบรนด์อื่นทันที ล่าสุดผงซักฟอกที่ปรับราคาขึ้น ก็ได้ปรับราคาลงแล้ว

สำหรับปีนี้การทำตลาดของสหพัฒน์ ไม่เน้นการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ แต่จะเน้นต่อยอดจากแบรนด์เดิมที่มีอยู่ อาทิ การเปิดตัวรสชาติ กลิ่นใหม่มากกว่า พร้อมกันนี้ยังเน้นการทำโปรโมชั่นในแต่ละพื้นที่มากขึ้น จากการทำตลาดในลักษณะดังกล่าวมากว่า 2 ปีแล้ว ก่อนหน้านี้การทำตลาดจะเน้นในวงกว้างมากกว่า นอกจากนี้ยังได้ปรับลอจิสติกส์ใหม่ โดยนำระบบ Vendormanager Inventory หรือการตรวจสอบสินค้าที่จำหน่ายได้ เพื่อช่วยลูกค้าไม่จำเป็นต้องสต็อกสินค้าไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งระบบดังกล่าวจะขยายสู่ยี่ปั๊วและซาปั๊วต่อในอนาคต

อีกทั้งปีนี้ยังเน้นการรับเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้น โดยยึดหลักเกณฑ์สินค้าที่สามารถไปในช่องทางเดียวกับสินค้าในเครือสหพัฒน์ได้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีลูกค้ากว่า 10 แบรนด์ อาทิ การจำหน่าย ขนมคบเคี้ยว เกลือ และน้ำตาล ล่าสุดได้รับจัดจำหน่ายให้กับอุตสาหกรรมปรีดา จำกัด ผู้ผลิตซอสหอยนางรมตราราชา และบริษัท ไทยนครพัฒนา จำหน่ายยาซาร่า และยาดมเจ้าคุณ ทั้งนี้คาดว่ารายได้จากการจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมามี 2,000ล้านบาท ขณะที่รายได้หลักยังมาจากการจำหน่ายสินค้าในเครือ ได้แก่ ไลอ้อน 4,000-5,000 ล้านบาท และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรามาม่า 6,000-7,000 ล้านบาท

สำหรับผลประกอบการปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 15% หรือ 1.7-1.9 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ คือ 1.6 หมื่นล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโต 12%


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.