ราชารุกเครื่องปรุงรสรอบ60ปีเตรียมขยายสินค้าครบไลน์


ผู้จัดการรายวัน(17 มกราคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

อุตสาหกรรมไทยปรีดา ปรับตัวสร้างแบรนด์"ราชา"แทนการรับจ้างผลิต เล็งขยายเครื่องปรุงรสครบไลน์ทะลวงเจาะนิชมาร์เก็ต แม่บ้านสมัยใหม่ ทุ่ม 100 ล้านบาท ปั้นซอสหอยนางรมบูมแบรนด์แจ้งเกิด แต่งตั้งสหพัฒน์จัดนำหน่าย สิ้นปีโกยแชร์ 5% กวาดรายได้รวม 220ล้านบาท

นายประภากร วีระพงษ์ ประธานกรรมการ บริษัท อุตสาหกรรมไทยปรีดา จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายซอสหอยนางรมและน้ำปลาตราราชา เปิดเผยว่า นโยบายการตลาดจากนี้บริษัทจะหันมารุกสร้างแบรนด์"ราชา"ในเชิงรุกมากขึ้น หลังจากที่บริษัทอยู่ในตลาดน้ำปลาและน้ำมันหอยนางรมมากกว่า 60 ปี เน้นการรับจ้างผลิตในสัดส่วนถึง 60% และแบรนด์ราชา 40% ขณะที่การจัดจำหน่ายเน้นผ่านช่องทางแคทอริ่งในสัดส่วนถึง 90% ส่วนอีก 10% เป็นรีเทลในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเท่านั้น

ดังนั้นปีนี้บริษัทจะปรับสัดส่วนทำแบรนด์ของตัวเองเพิ่มเป็น 60% และการรับจ้างผลิต 40% โดยได้เตรียมขยายไลน์สินค้าให้ครอบคลุมเครื่องปรุงรสในอนาคต โดยวางตำแหน่งสินค้าอยู่ในระดับพรีเมียม จากปัจจุบันมีเพียงน้ำปลาและซอยหอยนางรมเท่านั้น ซึ่งการเปิดตัวสินค้าเน้นเจาะตลาดนิชมาร์เก็ตเป็นหลักมากกว่า เนื่องจากตลาดเครื่องปรุงรสผู้บริโภคมีความจงรักภักดีต่อแบรนด์สูง ซึ่งในปีนี้บริษัทจะเปิดตัวสินค้าใหม่ 1-2 ตัว โดยปัจจุบันบริษัทมีสินค้าที่อยู่การพัฒนาอีกหลายตัว และบางตัวได้ส่งออกไปยังต่างประเทศแล้ว อาทิ ซอสผัดกะเพา และซอสพริกไทย

ทั้งนี้การกลับมาสร้างแบรนด์ราชา บริษัทจะรุกตลาดน้ำมันหอยนางรมหลังจากที่เพิ่งเปิดตัวลงสู่ตลาดเมื่อเดือนธันวาคม ที่ผ่านมานี้ เนื่องจากสภาพตลาดมูลค่า 900 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตสูงที่สุดในกลุ่มเครื่องปรุงรส คือ 5-10% เมื่อเทียบกับตลาดน้ำปลามูลค่า 1,600 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 0.5-1% เท่านั้น ส่วนตลาดรวมเครื่องปรุงรสโดยรวมมูลค่า 5,000 ล้านบาท ปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 5-10%

สำหรับปีนี้บริษัทได้ทุ่มงบการตลาดน้ำมันหอยนางรม 100 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาใช้งบโดยรวม 30 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาสแรกทุ่มงบ 30 ล้านบาท เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาแคมเปญ"ปรุงอร่อย ถึงรสชาติฮ่องกงแท้ๆ" ซึ่งถือว่าเป็นการใช้แมสมีเดียครั้งแรกในรอบ 60 ปี ทั้งนี้เพื่อสร้างการจดจำตราสินค้าในวงกว้าง โดยกลุ่มแม่บ้านสมัยใหม่อายุ 20-40 ปี โดยคาดว่าส่วนบางตลาดปีแรก 5% จากมูลค่า 900 ล้านบาท ส่วนผู้นำตลาดเป็นซอสหอยนางรมตราแม่ครัวมีส่วนแบ่ง 60-70% อย่างไรก็ตามปีนี้บริษัทจะเปิดตัวสินค้าลงสู่ตลาดใหม่ 1-2 ตัว โดยเน้น

นอกจากนี้ปีนี้บริษัทยังหันมารุกช่องทางจำหน่ายผ่านรีเทลมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ซึ่งได้แต่งตั้งให้สหพัฒน์เป็นตัวแทนกระจายสินค้าผ่านทางยี่ปั๊ว-ซาปั๊วมากกว่า 6 หมื่นร้านค้า นำร่องโดยกระจายซอสน้ำมันหอยนางรมก่อน ทั้งนี้หากได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ในปีหน้านี้ได้เตรียมพิจารณาให้สหพัฒน์เป็นผู้กระจายสินค้าน้ำปลาต่อ

สำหรับผลประกอบการปีนี้ตั้งเป้า 220 ล้านบาท จากในปีที่ผ่านมีรายได้ 120 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น น้ำปลา 120 บาท ซึ่งปัจจุบันมีส่วนแบ่ง 5 % เป็นอันดับ 4-5 ของตลาด ส่วนผู้นำตลาดเป็นน้ำปลาตราทิพรส 60% และซอสหอยนางรมตั้งเป้ามีรายได้ 100 บาท ส่วนรายได้จากการส่งออกตั้งเป้า 30-40 ล้านบาท จากการส่งออกไป 20 ประเทศ อาทอ ยุโรป เอเชีย ตะวันออกกลาง อเมริกา เป็นต้น


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.