|
ช่อง3ปรับค่าโฆษณาข่าวช่วงเย็น75%
ผู้จัดการรายวัน(16 มกราคม 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
ช่อง 3 เตรียมขน ครอบครัวข่าว มุ่งสู่สถานีข่าวปีนี้ เดินหน้าปรับสัดส่วนรายการข่าววันจันทร์-ศุกร์เป็น 50% ส่งผลให้ราคาค่าโฆษณาช่วงเวลาข่าวเฉลี่ยปรับขึ้นอีก 15% หวังดึงรายได้เสริมทัพ จากรายการบันเทิงที่ลดลงในปีนี้ พร้อมดึง “สรยุทธ” นำทัพเสริมรายการข่าว “เรื่องเด่นเย็นนี้” โขกค่าโฆษณารายการนี้ปรับขึ้น 75% หวังสร้างความแข็งแกร่งให้รายการข่าวช่วงเย็น พร้อมลุยเสาร์อาทิตย์ด้วยรายการ “เรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์” อีก 1 รายการ ในเวลา 11.00-12.00น. มั่นใจสิ้นปีมีรายได้รวมโตขึ้นเป็นตัวเลข 2 หลัก นำหน้าตลาดที่โตเพียง 6-7%
นายประวิทย์ มาลีนนท์ กรรมการบริหาร บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เปิดเผยว่า ปีนี้ทางสถานีจะให้ความสำคัญกับรายการข่าวมากยิ่งขึ้น ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นการบริหารเวลาในช่วงนอนไพร์มไทม์ให้เกิดรายได้มากที่สุด และเป็นการชดเชยรายได้จากช่วงรายการบันเทิงที่หายไปทดแทน โดยล่าสุดตามผังรายการขณะนี้ ในวันจันทร์-ศุกร์ จะมีรายการข่าวประมาณ 20 รายการ และในวันเสาร์อาทิตย์ อีก 2 รายการ รวมผู้ดำเนินรายการทั้งหมดกว่า 58 ราย ส่วนราคาค่าโฆษณาได้มีการปรับขึ้นเช่นเดียวกัน โดยเฉลี่ยปรับขึ้นประมาณ 15 %
สำหรับช่วงเวลาค่าโฆษณาที่ปรับใหม่ได้แก่ ช่วงเวลารายการ เรื่องเล่าเช้านี้ จากเดิมนาทีละ 1.55 แสนบาท เพิ่มเป็น 1.75 แสนบาท มีผลตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมเป็นต้นมา และช่วงเวลา เรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ จากเดิมที่ออกอากาศในช่วงเวลา 7.00-8.00น. มาเป็น 11.00-12.00น. นั้น เดิมราคาค่าโฆษณาคิดนาทีละ 1.5 แสนบาท เป็น 2.3 แสนบาท เริ่มมีผลตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมาเช่นเดียวกัน
ส่วนรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ ถือเป็นรายการเดียวที่มีการปรับราคาค่าโฆษณาเพิ่มขึ้นกว่า 75% จากเดิมนาทีละ 1 แสนบาท เพิ่มเป็น 1.75 แสนบาท จะมีผลตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ นอกจากนี้ยังมีช่วงเวลาในรายการ เก็บตก ที่มีการปรับราคาค่าโฆษณาขึ้นอีก 10 % เช่นเดียวกัน จากเดิม 2.9 แสนบาท เป็น 3.3 แสนบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่รายการเรื่องเด่นเย็นนี้ มีการปรับค่าโฆษณาสูงสุดถึง 75% นั้นก็เนื่องจาเหตุผลที่ช่อง 3 ดึงเอาสรยุทธ์ ทัศนะจินดามาลงจอในรายการนี้ และคาดหวังว่าจะสามารถดึงคน สร้างเรตติ้ง และสร้างเม็ดเงินโฆษณาได้ จึงปรับราคาดังกล่าว
นายประวิทย์กล่าวต่อว่า ส่วนช่วงเวลาในช่วงไพร์มไทม์นั้น ทางสถานียังไม่มีนโยบายปรับราคาค่าโฆษณาแต่อย่างไร ยังคงคิดอัตราเดิม คือ นาทีละ 4.2 แสนบาท แต่มีแนวโน้มที่จะปรับให้ช่วงเวลาในการออกอากาศของละครเพิ่มขึ้นแทน จากเดิมในวันจันทร์-ศุกร์ เฉลี่ยละครแต่ละเรื่องจะออกอากาศประมาณ 1.45 ชม. ซึ่งต้องการปรับให้เป็น 2 ชม.แทน ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเพื่อเพิ่มในส่วนของเวลาในการลงโฆษณานั้นเอง
อย่างไรก็ตามตั้งแต่ทางสถานีหันมาให้ความสำคัญกับรายการข่าวตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา กับคำว่า ครอบครัวข่าว จะเห็นได้ว่า ปัจจุบันรายการข่าวส่วนใหญ่ของทางสถานี ถือได้ว่า มีเรตติ้งที่น่าพอใจ จนสามารถกล่าวได้ว่าเป็นผู้นำรายการข่าวช่วงเช้าได้เริ่มจากรายการข่าว เรื่องเล่าเช้านี้, ผู้หญิงถึงผู้หญิง ไปจนถึง 30ยังแจ๋ว ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ ตัวผู้ดำเนินรายการนั้น จะเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่ทำให้รายการน่าสนใจขึ้น รวมถึงทำให้ผู้ชมติดตามรายการนั้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการปรับรายการข่าวครั้งนี้ ทางสถานีได้ให้ความสำคัญกับตัวผู้ดำเนินรายการ โดยมีผู้ดำเนินรายการคนใหม่ที่มีชื่อเสียงและมีความสามารถเข้ามาร่วมงานด้วยอีกหลายคน
สำหรับผู้ดำเนินรายการที่เข้ามาเสริมทัพครอบครัวข่าวครั้งนี้ ได้แก่ นายสรยุทธ์ สุทัศนจินดา จากเดิมที่เป็นผู้ดำเนินรายการเรื่องเล่าเช้านี้อยู่ก่อนแล้ว จะเข้ามาช่วยเสริมรายการข่าว เรื่องเด่นเย็นนี้ พร้อมกับ นางสาวอินทิรา นาบ่อทอง ด้วย นอกจากนี้ นายสรยุทธ์ สุทัศนจินดา ยังเป็นผู้ดำเนินรายการข่าวในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ คู่กับ นางสู่ขวัญ คงสมพงษ์ อีก 1 รายการ คือรายการ เรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์
นอกจากนี้ยังมีนางสาวทอแสงรัศมี ถีถะแก้ว จะเข้ามาร่วมเป็นผู้ดำเนินรายการข่าววันใหม่ หม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล เป็นผู้ร่วมดำเนินรายการเรื่องเล่าเช้านี้ นางสาวอินทิรา นาบ่อทอง เป็นผู้ดำเนินรายการ ข่าวในพระราชสำนัก นายกรณ์ เกียรติเฟื่องฟู และนายนิธิยศ ทรงวัฒนะกำจร เป็นผู้ดำเนินรายการ สีสันบันเทิง (วันเสาร์)
นายประวิทย์ กล่าวต่อว่า การปรับผังรายการครั้งนี้ นอกจากจะให้ความสำคัญกับรายการข่าวแล้ว ทางสถานียังจะให้ความสำคัญกับรายการเด็กและครอบครัวมากยิ่งขึ้น โดยอาจจะลงในเวลาเสาร์อาทิตย์ และช่วงเวลาตอนเย็น ในวันจันทร์-ศุกร์อีกส่วนหนึ่งเช่นเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตามทางสถานียังมีรายได้หลักมาจากช่วงเวลาไพร์มไทม์ หรือจากช่วงเวลาการออกอากาศของละครเป็นหลัก ส่วนรายการข่าวนั้น คิดเป็นรายได้ประมาณ 20% ของรายได้ทั้งหมดเท่านั้น และจากการปรับผังรายการใหม่ครั้งนี้คาดว่า สิ้นปีสถานีจะมีรายได้เติบโตขึ้นเป็นตัวเลข 2 หลัก หรือมากกว่าทั้งตลาดรวมที่คาดว่าจะเติบโตขึ้นเพียง 6-7% เท่านั้น
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|