|
LPN สร้างจุดต่างหนีคู่แข่งเล็งเนรมิตเมืองขนาดใหญ่
ผู้จัดการรายสัปดาห์(15 มกราคม 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
LPN รุกหนักตลาดคอนโดมิเนียม ไม่หวั่นปัญหาโอเวอร์ ซัปพลาย ประกาศเนรมิตเมืองขนาดใหญ่ 5,000-10,000 ยูนิต หลังโกยยอดขายถล่มทลายแบบปีก่อน
การแข่งขันอันรุนแรงของตลาดคอนโดมิเนียม โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดระดับกลางที่มีราคาเฉลี่ยที่ 1-2 ล้านบาท ทำให้ดีเวลลอปเปอร์ที่โดดมาเล่นในตลาดนี้ต้องการปรับแผนการทำตลาดอย่างหนัก เพื่อให้สามารถอยู่รอดในตลาดนี้ได้ เพาะหากไม่ปรับตัวอาจจะทำให้ยอดขายไม่ได้ตามเป้า อีกทั้งอาจจะประสบปัญหาเรื่องต้นทุน เพราะการลงทุนคอนโดมิเนียมนั้นแตกต่างจากการลงทุนบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์
ทั้งนี้เนื่องจากการลงทุนในบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์นั้น หากยอดขายไม่ได้ตามแผนการที่วางไว้อาจจะชะลอแผนการลงทุน หรือลงทุนเฉพาะเฟสได้ แต่การลงทุนคอนโดมิเนียมนั้นไม่สามารถเบรคการลงทุนได้ แม้ว่าจะขายได้ไม่หมดหรือบางส่วน เพราะการก่อสร้างคอนโดมิเนียมจะต้องสร้างทั้งอาคารไม่สามารถแบ่งสร้างได้ กลายเป็นต้นทุนหนักที่ดีเวลลอปเปอร์ต้องแบกรับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แอล.พี.เอ็น.ฯ ในฐานะที่เน้นการทำโครงการคอนโดมิเนียมเป็นหลัก จึงต้องปรับนโยบายการลงทุนให้สอดคล้องกับสภาพตลาดที่เปลี่ยนไป เพื่อสร้างยอดขายและกำไรได้เช่นเดิม
โอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) เปิดเผยว่า “การทำตลาดคอนโดมิเนียมในช่วงที่ผ่านมา อาจจะไม่ยากเท่ากับปัจจุบัน เพราะความต้องการมีมาก อีกทั้งยังมีสินค้าผลิตออกสู่ตลาดค่อนข้างน้อย ไม่เพียงพอต่อความต้องการ แต่ปัจจุบันมีดีเวลลอปเปอร์หลายราย แห่เข้ามาลงทุนในตลาดคอนโดมิเนียมระดับกลางจำนวนมาก ทำให้บริษัทต้องปรับกลยุทธ์การลงทุนใหม่”
รูปแบบการลงทุนของแอล.พี.เอ็น.ฯ จะเน้นโครงการขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อลดต้นทุนการบริหารจัดการ โดยมีแผนจะลงทุนโครงการขนาดใหญ่ในลักษณะที่เป็นชุมชนขนาดใหญ่ ที่มีจำนวน 5,000-10,000 ยูนิต จากที่ปีนี้จะลงทุนโครงการที่มีจำนวนเพียง 3,500 ยูนิตเท่านั้น เพราะโครงการขนาดใหญ่จะมีความคุ้มทุนในเรื่องการบริหารจัดการ และลดต้นทุนได้มาก โดยปี 2551 อาจจะเปิดโครงการขนาดใหญ่ที่มีจำนวน 5,000 ยูนิต และในปี 2552 จะลงทุนโครงการขนาด 10,000 ยูนิต ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดและหาซื้อที่ดิน
“แอล.พี.เอ็น.ฯ สามารถทำโครงการได้ทุกรูปแบบ โดยก่อนหน้านี้เคยทำโครงการทั้งโลว์ไรส์และไฮไรส์ที่มีความสูงตั้งแต่ 8-37 ชั้น เป็นทั้งที่พักอาศัยและอาคารสำนักงาน จึงมีความมั่นใจว่าหากทำโครงการที่มีขนาด 10,000 ยูนิต จะไม่มีปัญหาเรื่องการบริหารจัดการ”โอภาส กล่าว
สำหรับแผนการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯ มีแผนจะเปิดโครงการใหม่ 5 แห่ง จำนวน 3,100 ยูนิต มูลค่า 8,800 ล้านบาท ได้แก่ ลุมพินี คอนโดทาวน์ รามคำแหง 43/1 จะเปิดตัวในเดือน ก.พ. นี้ และจะทยอยเปิดโครงการในทำเลใหม่อีก 1 แห่ง มูลค่ารวม 1,200 ล้านบาท ส่วนอีก 3 โครงการจะพัฒนาโครงการต่อเนื่องจากโครงการเดิม มูลค่ารวม 5,200 ล้านบาท โดยมีงบจัดซื้อที่ดิน 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะรองรับแผนการลงทุนในปีนี้และปีหน้า
ส่วนผลประกอบการปี 2549 บริษัทฯ มียอดขาย 3,667 ยูนิต มูลค่า 6,700 ล้านบาท และมีรายได้รวม 5,000 ล้านบาท สูงกว่าปี 2548 ที่มีรายได้รวม 3,600 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 40%
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|