มลภาวะทางอากาศของประเทศกำลังเป็นปัญหาที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของคาร์บอนมอนอกไซด์
(CO) ออกไซด์ของไนโตรเจน (NOx) ไฮโดรคาร์บอน (HC) ตะกั่ว (Pb) และสารฝุ่นละออง
(ควันดำ) มลสารเหล่านี้เป็นตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหามลพิษทางอากาศ โดยแหล่งที่ก่อมลพิษทางอากาศที่สำคัญคือการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในยานพาหนะ
ปัจจุบันมลภาวะทางอากาศกำลังเป็นปัญหาที่สำคัญของประเทศ โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ
ที่สภาพปัญหามีความรุนแรงมากที่สุด
คาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) จากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์เบนซินอยู่ในระดับสูงมาก
และในบางพื้นที่ก็เกินมาตรฐาน ซึ่งได้กำหนดไว้ 20 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
เฉลี่ย 8 ชั่วโมง ในกรุงเทพฯ มีการบันทึกค่าสูงสุดของก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ได้
32 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร บริเวณวงเวียนใหญ่ ระดับคาร์บอนมอนอกไซด์จะทำให้คาร์บ็อกซีฮีโมโกลบิลอยู่ในเลือด
3.5% ซึ่งจะทำให้มีอาการปวดศีรษะ เหนื่อยงาน และอาจทำให้เกิดอาการต่อผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้อีกด้วย
ปริมาณฝุ่นละออง (Suspended Particulate Materials : SPM) อยู่ในระดับสูงกว่ามาตรฐานมาก
ฝุ่นละอองเป็นผลมาจากควันของเครื่องยนต์ดีเซล และกิจกรรมต่างๆ เช่น การก่อสร้าง
ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ไนโตรเจนออกไซด์ อยู่ในระดับต่ำกว่ามาตรฐานแต่มีแนวโน้มที่สูงขึ้น
ผลกระทบต่อสุขภาพที่สำคัญก็คืออาจเกิดอาการระคายเคืองต่อระบบหายใจ อันมีผลให้เกิดมะเร็งระบบหายใจและมะเร็งผิวหนัง
ปริมาณสารตะกั่ว อยู่ในระดับที่สูงมากเมื่อเทียบกับมาตรฐานในต่างประเทศ
แต่มีแนวโน้มลดลง เพราะได้มีการลดปริมาณสารตะกั่วในน้ำมันเบนซิน แต่พิษจากสารตะกั่วก็มีอันตรายต่อสุขภาพมาก
เช่น ถ้าได้รับในระดับความเข้มข้น 10 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร จะทำให้เกิดอาการสติปัญญาเสื่อม
สมองอักเษบ กล้ามเนื้ออัมพาต และไตอักเสบได้
การนำน้ำมันไร้สารตะกั่วมาใช้ในประเทศตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา
เป็นแนวทางหนึ่งในการลดปริมาณตะกั่วในอากาศ ทั้งนี้เพราะน้ำมันเบนซินเดิมมีสารตะกั่วผสมอยู่สูง
เมื่อน้ำมันเบนซินเผาไหม้ในเครื่องยนต์ ตะกั่วจะถูกปล่อยออกจากท่อไอเสียและฟุ้งกระจายในอากาศ
โดยปริมาณตะกั่วในอากาศมีความสัมพันธ์กับสภาพการจราจร
ในบริเวณที่มีการจราจรหนาแน่นจะมีปริมาณตะกั่วในอากาศสูงกว่าบริเวณที่มีการจราจรเบาบาง
และในชั่วโมงเร่งด่วนจะมีปริมาณตะกั่วสูงสุด ระดับความเข้มข้นของตะกั่วจะมีอยู่สูงที่บริเวณริมถนน
เมื่อห่างออกมาระดับความเข้มข้นจะลดลง
สาเหตุของมลภาวะทางอากาศไม่ได้เกิดจากเพียงตะกั่วเท่านั้นยังคงมีสาเหตุมาจากมลสารอื่นๆ
อีก ดังนั้นเพื่อลดปริมาณมลสารอื่นๆ จากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์เบนซิน จึงมีการนำอุปกรณ์ลดมลพิษ
(Catalytic Converter) มาบังคับติดตั้งในรถยนต์ที่มีขนาดเครื่องยนต์ตั้งแต่
1600 ซีซี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ที่ผ่านมา และ 1 กันยายน สำหรับเครื่องยนต์ที่ต่ำกว่า
1600 ซีซี ทั้งนี้เพราะอุปกรณ์นี้สามารถลดปริมาณมลสาร CO, NOx, HC ลงได้
นอกจากนี้สาร CFC ในเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่ ที่มีผลต่อการลดลงของปริมาณก๊าซ
Ozone ซึ่งทำให้รังสี UV มีระดับรุนแรงขึ้นในชั้นบรรยากาศ และยังมีผลต่อการเกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก
(greenhouse effect) อีกด้วย การลดลงของโอโซนเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งผิวหนัง
โรคตาต้อ ฯลฯ
ปัญหาสิ่งแวดล้อมเสื่อมดทรมลง โดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่ๆ เช่น กรุงเทพ เป็นผลต่อเนื่องมาจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจและสังคม
ตลอดจนรูปแบบของการผลิตและบริโภคสินค้าและบริการของมนุษย์ การแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมจึงจำเป็นต้องร่วมมือกันในทุกๆ
ฝ่ายในภาครัฐบาลเองก็เริ่มตระหนักถึงปัญหานี้ มีการดำเนินงานเพื่อให้การส่งเสริมและอนุรักษ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมด้วยมาตรการต่างๆ
ขณะที่ภาคธุรกิจเอกชนก็ควรคำนึงถึงสังคมด้วยนอกเหนือจากผลประโยชน์ของตนเอง
(private benefit) เพราะถ้ามุ่งหวังแต่ผลประโยชน์มากเกินไปโดยไม่คำนึงถึงต้นทุนทางสังคม
(social cost) แล้วในอนาคตระบบสังคมก็คงอยู่ไม่ได้ ในส่วนของภาคเอกชนนี้ก็ได้มีหลายๆ
ส่วนที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น มีการพัฒนากระบวนการผลิตสินค้าที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมลดลง
หรือช่วยลดสภาพปัญหาลงด้วย การนำผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วมาผ่านขบวนการผลิตอีกครั้ง
(recycle) การพัฒนาสารต่างๆ มาทดแทนสารที่ใช้อยู่เดิมแล้วก่อมลพิษ เช่น ในเครื่องปรับอากาศ
เครื่องดับเพลิง โดยเฉพาะในรถยนต์ที่นอกจากการใช้เชื้อเพลิงที่ช่วยลดมลพิษแล้วยังมีความพยายามที่จะลดชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่างๆ
ที่ก่อมลพิษลง เช่น ส่วนของผ้าเบรกที่มีการพัฒนาให้ใช้สารที่ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม
และผู้ใช้ถ้าต้องสัมผัสโดยตรงมีการนำเข้ามาจำหน่ายบ้างแล้ว อาทิ Ferodo การลดชิ้นส่วนพลาสติกที่ใช้สาร
CFC ในการผลิตลง เป็นต้น
ในปัจจุบันผู้บริโภคซึ่งเป็นผู้ที่ก่อปัญหามลพิษทั้งทางตรงและทางอ้อม และก็ยังเป็นผู้ที่รับเอามลพิษเหล่านั้นด้วย
ได้มีความเข้าใจต่อสภาพปัญหามลภาวะเพิ่มขึ้น จะสังเกตได้จากผลิตภัณฑ์หรือสินค้าที่มีส่วนสัมพันธ์ต่อสิ่งแวดล้อมจะเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น
ปรีชา พรนำพา ผู้จัดการบริษัทซีอีแกนต์ จำกัด ซึ่งจำหน่ายเครื่องฟอกอากาศ
ได้ชี้แจงว่า "ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ความต้องการเครื่องฟอกอากาศทั้งในอาคารที่พักอาศัยและในรถยนต์เพิ่มสูงขึ้นมาก
ขณะเดียวกันก็มีผู้สนใจที่จะประกอบธุรกิจนี้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก"
สภาพมลภาวะเสื่อโทรมที่กระทบต่อผู้บริโภค ก่อให้ผู้บริโภคมีความห่วงใยในสุขภาพของตนเองมากขึ้นด้วย
ดังนั้นการอนุรักษ์และพิทักษ์สิ่งแวดล้อมจะต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง ผู้บริโภคและผู้ผลิตต้องให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ขณะเดียวกันภาครัฐก็ควรให้ความสนใจถึงสาเหตุแลผลกระทบที่จะทำให้เข้าใจถึงสภาพของปัญหาอย่างชัดเจน
เพื่อการดำเนินการแก้ไขได้อย่างถูกวิธี