PYLONฟุ้งรายได้งานฐานรากปีนี้เกิน550ล.อานิสงส์ธุรกิจก่อสร้างบูมหลังการเมืองชัด


ผู้จัดการรายวัน(9 มกราคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

PYLON คาดธุรกิจก่อสร้างฐานรากปี 2550 เริ่มสดใส หลังการเมืองชัดเจน และราคาน้ำมันลดลง งานภาครัฐเริ่มขับเคลื่อนส่งผลมีงานออกสู่ตลาดมากขึ้น ส่งผลให้ภาวะการแข่งขันคลายลง ส่งผลดีต่อธุรกิจ เผยเตรียมใช้กลยุทธ์เน้นสินค้ามีคุณภาพและการบริการเยี่ยมครองใจลูกค้า มั่นใจสิ้นปี 2550 รายได้งานฐานรากที่ระดับ 550 ล้านบาทได้ ขณะที่มาร์จิ้นมีแนวโน้มขยับดีขึ้นจากปีก่อน

นายชเนศวร์ แสงอารยะกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) ( PYLON) กล่าวถึง ภาพรวมธุรกิจ อุตสาหกรรมก่อสร้างงานฐานราก ของบริษัทในปี 2549 โดยยอมรับว่าบริษัทได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบต่างๆ เช่น ผลกระทบจากปัญหาทางการเมือง ที่ทำให้งานภาครัฐชะลอตัวโดยเฉพาะช่วงปลายปีภายหลังการปฏิรูปการปกครอง ผลกระทบจากน้ำท่วมพื้นที่ทำงานทำให้งานหยุดชะงัก ผลกระทบจากภาวะต้นทุนต่างๆ ปรับตัวสูงขึ้น เช่น น้ำมัน, ทองแดง, ทองเหลือง นอกจากนี้งานปรับปรุงคุณภาพดินซึ่งได้รับว่าจ้างตั้งแต่ต้นปีเพิ่งจะเริ่มงานได้ในเดือนพฤศจิกายนทำให้รับรู้รายได้เพียงเล็กน้อยในปี 2549

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา บริษัทได้มีแนวทางลดผลกระทบจากปัจจัยลบต่าง ๆ โดยพยายามเจาะตลาดงานภาคเอกชนเพิ่ม รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานและการใช้ทรัพยากรต่างๆ ให้คุ้มค่ายิ่งขึ้น ซึ่งคาดว่าจะทำให้ ปี 2549 สามารถผลักดันรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 500 ล้านบาทได้สำเร็จ

สำหรับแนวโน้มธุรกิจในปี 2550 บริษัทคาดว่าปัญหาต่างๆ จะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งด้านการเมืองและราคาน้ำมัน ทำให้งานภาครัฐกลับเข้าสู่ภาวะปกติและเริ่มทยอยออกมาตั้งแต่ต้นปี 2550 โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงปลายปี 2550 ที่จะเริ่มงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ ทำให้คาดว่าอุตสาหกรรมก่อสร้างงานฐานรากในปี 2550 มีแนวโน้มดีกว่าปี 2549 ในขณะที่ภาวะการแข่งขันที่สูงขึ้น น่าจะลดลงจากแนวโน้มของงานที่จะออกมามากขึ้น นอกจากนี้งานปรับปรุงคุณภาพดินซึ่งได้เริ่มในเดือนพฤศจิกายน 2549 จะสามารถดำเนินการต่อเนื่องได้ตลอดปี 2550 ซึ่งจะทำให้รับรู้รายได้จากงานดังกล่าวได้อย่างเต็มที่

นายชเนศวร์ แสดงความเห็นว่ายังมีประเด็นต่างๆ ที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในปี 2550 อาทิ เรื่องความผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดโลก, ทิศทางของราคาเหล็กและคอนกรีตรวมไปถึงความเสี่ยงจากภาวะทางการเมืองซึ่งยังไม่นิ่ง โดยเฉพาะภายหลังจากการหมดวาระของคณะรัฐบาลรักษาการและการจัดการเลือกตั้งใหม่ ซึ่ง PYLON จะลดผลกระทบดังกล่าว ด้วยการพยายามหางานสะสมเพิ่มขึ้น (Backlog) เพื่อรักษาการการเติบโตของบริษัท และจะขยายฐานงานเอกชนเพิ่มเพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการการพึ่งพางานภาครัฐบาล

นอกจากนี้งานที่รับใหม่จะปรับราคาให้เหมาะสมกับภาวะต้นทุนที่เปลี่ยนแปลงแต่เป็นราคาที่ยังสามารถแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดได้ ซึ่งจากที่ลักษณะงานของ PYLON เป็นงานระยะสั้น ส่วนใหญ่ใช้เวลา 3-4 เดือนทำให้ปรับตัวได้ง่ายกว่าโครงการที่ใช้ระยะเวลาดำเนินการนาน

โดยผลจากการที่บริษัทยังมีจุดแข็งคือมีการควบคุมคุณภาพและบริการที่ดี รวมถึงมีกำลังการผลิตสูงในลำดับต้นๆ ของอุตสาหกรรม สร้างความแตกต่างเหนือคู่แข่ง ซึ่งคาดว่าในปี 2550 จะทำให้สามารถผลักดันรายได้ให้อยู่ในระดับประมาณ 550 ล้านบาท

“ประมาณการรายได้ในปีหน้า ค่อนข้างจะใกล้เคียงกับรายได้ในปี 2549 แต่จะแตกต่างกันตรงที่การคาดการณ์รายได้ในปี 2550 เป็นการประเมินจากงานฐานรากทั้งหมดโดยไม่มีงานก่อสร้างด้วยระบบชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูปอยู่ในประมาณการ แต่หากระหว่างปีเกิดมีงานชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูปเข้ามา ก็จะเป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้นสำหรับ PYLONในขณะเดียวกันคาดว่ากำไรขั้นต้นน่าจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2549 ซึ่งเป็นผลจากการพัฒนาระบบการทำงานภายในอย่างต่อเนื่องให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น” นายชเนศวร์กล่าว


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.