|
ถึงเวลาสู้ศึก “โลว์คอสแอร์ไลน์”ผู้โดยสารเตรียมตัว...เที่ยวบินเพิ่ม-โปรโมชั่นเพียบ!
ผู้จัดการรายสัปดาห์(8 มกราคม 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
การปรับตัววางยุทธศาสตร์ของสายการบินต้นทุนต่ำหรือโลว์คอสต์แอร์ไลน์ในช่วงต้นปี 2007 เริ่มเห็นภาพการแข่งขันที่ชัดเจนมากขึ้นหลังจากทุกสายการบินเปิดให้บริการเส้นทางบินภายในประเทศมากว่า 3 ปี ล่าสุดทุกสายการบินอาทิ ไทยแอร์เอเชีย วัน-ทู-โก และนกแอร์ หลังจากมีการรับมอบเครื่องบินเพิ่มขึ้นในปี 2550 ศักยภาพความพร้อมที่บุกตลาดต่างประเทศก็มีเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ทุกสายการบินต้นทุนต่ำเริ่มเปิดให้บริการเส้นทางบินระหว่างประเทศ
การเปิดให้บริการเส้นทางบินทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศของแต่ละสายการบินต่างก็สร้างกลยุทธ์ที่เป็นจุดขายของตัวเองออกมา หวังกระตุ้นให้คนเดินทางกันมากขึ้น
ไทยแอร์เอเชีย ดูจะเป็นสายการบินเดียวที่ใช้กลยุทธ์เรื่องของราคามาโดยตลอด ตั้งแต่เริ่มเปิดให้บริการมาจนถึงปัจจุบัน และด้วยกลยุทธ์เรื่องของราคานี่เองส่งผลให้ไทยแอร์เอเชียสามารถผลักดันเป้าหมายที่วางไว้กว่า 3 ล้านคนให้เป็นจริงได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
ขณะที่ วัน-ทู-โก เป็นอีกสายการบินหนึ่งที่ปฏิเสธมาโดยตลอดว่าจะไม่ยอมหยิบกลยุทธ์เรื่องของราคามาใช้อย่างเด็ดขาดเพราะมองว่าเป็นการทำตลาดที่ไม่ยั่งยืน ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมาจึงเห็นภาพ วัน-ทู-โก มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์หลายครั้งหลายหน จนกระทั่งล่าสุดก็ตัดสินใจนำเรื่องของราคาค่าตั๋วโดยสารราคาเดียวทุกที่นั่งทุกเส้นทางมาใช้ และประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ซึ่งนับว่าวัน-ทู-โก หยิบกลยุทธ์ใหม่มาใช้ได้ทุกจังหวะและเวลาพอดี
เมื่อวัน-ทู-โก ปรับแผนกลยุทธ์มาใช้ราคาเดียวในทุกที่นั่งทุกเส้นทางจนประสบความสำเร็จมาแล้ว... แน่นอนคงไม่หยุดการทำตลาดไว้เพียงเท่านี้ ล่าสุด การประกาศท้าชนของ อุดม ตันติประสงค์ชัย บิ๊กบอสของ บริษัท โอเรียนท์ไทย แอร์ไลน์ จำกัด หรือ วัน-ทู-โก กับสายการบินไทยแอร์เอเชียก็มีออกมาเมื่อปลายปี 2549 ที่ผ่านมา
การเปิดให้บริการเส้นทางบินระหว่างประเทศที่ไทยแอร์เอเชียมีอยู่ สายการบินวัน-ทู-โก ก็จะบินไปยังประเทศนั้น แม้แต่เส้นทางบินในประเทศไทยเองที่คาดว่าจะมีการแข่งขันค่อนข้างสูงในปี 2007 นี้อย่างแน่นอน
“ที่ตัดสินใจเปิดเส้นทางบินต่างประเทศ เพราะขณะนี้ความพร้อมของบริษัทฯมีเต็มที่ และเพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับลูกค้าในการตัดสินใจเดินทางไปต่างประเทศ”อุดม กล่าว
นอกจากนั้นในส่วนของเส้นทางภายในประเทศไทยที่มีกระแสข่าวออกมาว่าการบินไทยจะมีการปรับแผนการตลาดใหม่ พร้อมกับปรับราคาตั๋วแข่งขันกับโลว์คอสต์ แอร์ไลน์และเตรียมพิจารณายกเลิกการบินในเส้นทางที่เปิดให้บริการแล้วขาดทุน โดยให้เป็นไปตามนโยบายที่ต้องการปรับภาพลักษณ์ด้านการบริการผู้โดยสารทุกระดับนั่นเอง
แน่นอน...ซีอีโอของวัน-ทู-โก ไม่รอช้ารีบฉวยโอกาสที่จะเข้าไปหารือกับการบินไทย เพื่อแจ้งให้ทราบถึงความสนใจที่จะเข้าไปบินในเส้นทางที่การบินไทยจะเลิกบินเนื่องจากไม่คุ้มทุนนั่นเอง
การเข้าไปเพื่อเจรจาขอเส้นทางบินที่การบินไทยจะเลิกให้บริการนั้น ว่ากันว่าเป็นแผนการดำเนินงานที่เตรียมขยายเส้นทางบินเพิ่มขึ้นหลังจากที่ วัน-ทู-โก จะรับมอบเครื่องบินใหม่อีกประมาณ 3-4 ลำในปี 2550
“บริษัทฯสามารถบินได้ในทุกเส้นทาง แต่ก็ต้องแล้วแต่ว่าการบินไทยจะเลิกโอนถ่ายเส้นทางใดให้กับสายการบินใด”อุดม กล่าว
เมื่อศักยภาพความพร้อมของวัน-ทู-โก มีเต็มพิกัด แน่นอนการสร้างเงื่อนไขภายใต้ความพร้อมของอุดมกับการบินไทยเพื่อจะไม่ให้เกิดปัญหาต่างๆตามมาก็คือ แผนค่อยๆทยอยถอนตัวออกไป เพื่อให้สายการบินใหม่ที่จะเข้าไปแทนได้สามารถบินทดแทนในเที่ยวที่การบินไทยลดลงไป ขณะเดียวกันให้การบินไทยช่วยขายตั๋วโดยสารในช่วงแรกๆด้วย ซึ่งจะเป็นผลดีมากกว่าการหยุดบินทันที เพราะผู้โดยสารจะค่อยๆปรับตัวได้
“เรื่องของราคาค่าตั๋วโดยสารราคาเดียวในทุกที่นั่งทุกเส้นทาง วัน-ทู-โก ยังคงใช้ต่อไป”อุดม บอกถึงกลยุทธ์ที่จะนำมาใช้กับเส้นทางบินภายในประเทศของปี 2007
จึงไม่แปลกสำหรับปี 2007 ที่จะเห็นการใช้กลยุทธ์เรื่องของราคามาแข่งขันกันของสายการบินต้นทุนต่ำหรือแม้แต่สายการบินไทยเองที่พยายามจะหามาตรการออกมาแก้ไขเรื่องของราคาให้มีส่วนใกล้เคียงกับโลว์คอตส์แอร์ไลน์ ซึ่งหากไม่เร่งปรับตัวก็จะทำให้ต้นทุนยิ่งพุ่งขึ้นสุง และด้วยเหตุผลที่มีการแข่งขันเรื่องของราคากันเพิ่มขึ้นอย่างนี้ สุดท้ายย่อมส่งผลกระทบกับ สายการบินไทยแอร์เอเชีย อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเป็นสายการบินเดียวที่เน้นตัวเองว่าเป็นสายการบินเดียวที่มีราคาถูกที่สุด จำเป็นต้องเริ่มปรับกระบวนทัพด้านยุทธศาสตร์ใหม่ๆออกมาอย่างต่อเนื่อง
โดยในปี 2007 สายการบินไทยแอร์เอเชียตั้งเป้าใช้งบการตลาดกว่า 100 ล้านบาท เพื่อการโฆษณา ผ่านสื่อที่หลากหลาย รวมทั้งเปิดตัวแคมเปญใหม่ๆที่มีชื่อว่า “อะเมซิ่ง ไทย แอร์เอเชีย”นั่นหมายถึงตลอดทั้งปีหมูทองกลยุทธ์ใหม่ของไทยแอร์เอเชียจะถูกนำเสนอออกมาทุกรูปแบบเพียงเพื่อหวังกระตุ้นตลาดไม่ว่าจะเป็น อะเมซิ่งเดสสิเนชั่น,อะเมซิ่งโปรโมชั่น หรือแม้แต่ อะเมซิ่งแฟร์
สอดคล้องกับแผนการที่ ทัศพล แบเลเว็ลด์ ซีอีโอของไทยแอร์เอเชีย เคยประกาศไว้อย่างชัดเจนเมื่อปลายปี 2549 ที่ผ่านมา ว่าจะพัฒนาในเรื่องของบริการใหม่ๆออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดมีการจัดกิจกรรมร่วมมือกับบริษัท มาสด้า เซลส์(ประเทศไทย)จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อมาสด้า และ บริษัท แอลจี อีเล็กทรอนิคส์(ประเทศไทย จำกัด ผู้จัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าและมือถือยี่ห้อแอลจี จัดแคมเปญครั้งใหญ่ครบรอบ 3 ปี ของไทยแอร์เอเชีย ด้วยการชิงโชครางวัลกว่า 300 รางวัล มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท โดยรางวัลใหญ่สุดคือ รถยนต์มาสด้า 3
การกระตุ้นให้คนอยากเดินทางด้วยกลยุทธ์อัดแคมเปญแบบนี้ในช่วงต้นปีใหม่ และก็จะมีแคมเปญแบบนี้ออกมาอีกอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ส่งผลให้ไทยแอร์เอเชียคาดหวังไว้ว่าจะมีผู้ใช้บริการเติบโตกว่า 50%ต่อปี นั่นหมายถึงว่าจำนวนผู้โดยสารที่จะเดินทางกับไทยแอร์เอเชีย จะมีเพิ่มขึ้นถึง 6 ล้านคน ขณะที่รายได้ถูกวางไว้ที่ประมาณกว่า 3,500 ล้านบาท
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|