แนะพลิกกลยุทธ์สู้ศึกปีหมูไฟ


ผู้จัดการรายวัน(4 มกราคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

กองทุนแนะจัดพอร์ตรับปีหมูไฟ ชี้หากนักลงทุนไม่มั่นใจในสถานการณ์ ก็ให้ขายหุ้นออกไปหนีความเสี่ยง แต่หากเชื่อว่าเหตุการณ์จะไม่เลวร้ายถือไว้ก็ไม่เสียหลาย เพราะปัจจัยพื้นฐาน-การจ่ายปันผลยังดีอยู่ จี้รัฐบาล-คมช. คลี่คลายปัญหาโดยเร็ว เพื่อสร้างความมั่นใจกลับมา เผยแนวโน้มตลาดหุ้นไทยช่วง 3-6 เดือนหลังจากนี้ คงยากที่จะกลับมาอีกครั้ง

นายศุภกร สุนทรกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศพอสมควร โดยเฉพาะในระยะสั้นๆ นี้ แต่หากมองพื้นฐานของตัวตลาดหุ้นเองแล้วถือว่ายังดีอยู่ ไม่มีผลกระทบมากนัก ซึ่งในส่วนของการจ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียนก็ไม่ได้เลวร้ายเช่นกัน สำหรับนักลงทุนเองในช่วงนี้คงต้องติดตามดูสถานการณ์ไปก่อน โดยเฉพาะการแก้ปัญหาของรัฐบาลว่าจะช่วยให้เหตุการณ์คลี่คลายขึ้นได้หรือไม่

อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์เลวร้ายลงไปมากกว่านี้ ก็แนะนำให้นักลงทุนที่มีหุ้นอยู่ตัดขายออกไป แต่ถ้ามองว่าหลังจากนี้คงไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอีกแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องขาย เพราะในระยะยาวโอกาสที่ราคาจะปรับตัวขึ้นก็ยังเป็นไปได้ ขณะเดียวกันหุ้นหลายตัวก็สามารถจ่ายเงินปันผลได้ในอัตราที่ค่อนข้างสูง ทั้งนี้ ในส่วนของนักลงทุนที่ยังมีความกังวลอยู่ เชื่อว่าอาจจะมีพอร์ตการลงทุนในตราสารหนี้และเงินฝากมากขึ้นกว่าเดิม แต่ในทางตรงกันข้าม สำหรับนักลงทุนที่มีเงินฝากเยอะ และยังไม่มีพอร์ตการลงทุนในหุ้น ก็อาจจะมองว่าเป็นโอกาสในการลงทุน โดยเฉพาะหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีๆ เพราะราคาหุ้นปรับลดลงไปค่อนข้างมากพอสมควร

"สถานการณ์แบบนี้เป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยากมาก ซึ่งหากจะให้แนะนำแล้วก็คงต้องขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของนักลงทุนแต่ละคน ว่ากังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหน ใครที่ไม่มั่นใจเลยก็แนะนำให้ขายออก แต่ถ้าใครที่มองว่าคงไม่มีอะไรเลวร้ายกว่านี้แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องขาย เพราะในระยะยาวโอกาสที่ราคาจะปรับขึ้นยังมีอยู่ ขณะเดียวกันก็เป็นจังหวะดีสำหรับคนที่จะเข้ามาลงทุนในหุ้น ซึ่งเราก็หวังว่าจะมีเม็ดเงินในส่วนนี้เข้ามาช่วยพยุงตลาดหุ้นไว้ได้บ้าง"นายศุภกรกล่าว

นายศุภกรกล่าวว่า ตอนนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งรัฐบาล และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ต้องคลี่คลายสถานการณ์ให้ได้โดยเร็ว เพื่อสร้างความมั่นใจ เพราะหากมีความคืบหน้าแล้วก็น่าจะเป็นข่าวดีสำหรับนักลงทุน แต่หากมีเหตุการณ์อะไรที่เลวร้ายกว่านี้ นักลงทุนก็ต้องทำใจและต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ขณะเดียวกันถ้าราคาปรับขึ้นมาอีกครั้งก็สามารถขายออกเพื่อป้องกันความเสี่ยงได้ หรือถ้ายังมองว่าเงินปันผลน่าสนใจก็สามารถถือลงทุนระยะยาวได้

ทั้งนี้ ในส่วนกลยุทธ์การลงทุนของบลจ.เอ็มเอฟซีเอง ขณะนี้ก็ค่อนข้างลงทุนอย่างระมัดระวัง ถ้าไม่มีเหตุการณ์อะไรเลวร้ายไปกว่านี้ก็คงต้องรอดูสถานการณ์อีกสักระยะ หรือรอให้ราคาปรับขึ้นอีกระดับหนึ่งแล้วค่อยปรับพอร์ตการลงทุนอีกครั้ง แต่หากสถานการณ์เลวร้ายลงก็คงต้องจะเป็นต้องตัดขายทิ้งออกไป อย่างไรก็ตาม เราก็ยังหวังว่ารัฐบาลจะสามารถควบคุมและคลี่คลายสถานการณ์ได้เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุน

นายตระกูลจิตร จิตตไสยะพันธ์ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด กล่าวว่า เหตุการณ์ลอบวางระเบิดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เหมือนเป็นการซ้ำเติมการลงทุนในตลาดหุ้นต่อจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 19 ธันวาคมปีที่แล้วจากมาตรการสกัดกั้นค่าเงินบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งทำให้ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของนักลงทุนเพิ่มขึ้นไปอีก อีกทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเองก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเป็นเพียงช่วงสั้นๆ หรือระยะยาว

อย่างไรก็ตาม มองว่าในช่วงสั้นๆ ระหว่าง 3-6 เดือนหลังจากนี้ คงเป็นเรื่องยากที่ตลาดหุ้นไทยจะกลับมาอีกครั้งในภาวะที่ตลาดมีความเสี่ยงมากเช่นนี้ ซึ่งในส่วนของกำไรจากการลงทุนก็ยังมองเห็นไม่ชัดเจนมากนัก นักลงทุนอาจจะต้องหาการลงทุนที่ปลอดภัย แต่ไม่ได้หมายความว่าตลาดหุ้นจะไม่น่าสนใจเลย เนื่องจากหุ้นที่ไม่มีความผันผวนจากเหตุการณ์เหล่านี้ก็ยังมีอยู่ เช่น หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค หรือหุ้นในกลุ่มที่มีกระแสเงินสดดีๆ

ขณะเดียวกันในช่วงที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมากค่อนข้างมาก ซึ่งบางตัวต่ำกว่าราคาพื้นฐานก็เป็นโอกาสดีในการเข้าไปลงทุน เพราะนอกจากจะได้หุ้นดีแล้วยังได้หุ้นในราคาที่ถูกกว่าด้วย

อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงในประเทศ ทั้งปัจจัยความไม่สงบที่เกิดขึ้น และปัจจัยทางการเมืองที่จะมีการเลือกตั้งในช่วงกลางปี ซึ่งในส่วนของนักลงทุนต่างชาติเองเขาก็กำลังรอดูความชัดเจนในเรื่องนี้ โดยไม่ต้องรีบร้อนตัดสินใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เนื่องจากยังมีทางเลือกการลงทุนในประเทศอื่นอีกเยอะ

"ระยะนี้นักลงทุนคงต้องระวังตัวกันหน่อย อย่าไปเทคความเสี่ยงมากนัก ถ้ายังสนใจการลงทุนในหุ้นจริงๆ ก็ให้มองหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและได้รับผลกระทบน้อยๆ แต่บางครั้งวิกฤตก็เป็นโอกาส ซึ่งราคาที่ลดลงมาค่อนข้างมากถือเป็นจังหวะที่น่าสนใจ แต่ผู้ลงทุนเองก็ต้องเลือกให้รอบคอบ " นายตระกูลจิตรกล่าว

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนของบลจ.ธนชาต คงจะต้องเน้นการลงทุนที่มีความปลอดภัยเป็นหลัก โดยเฉพาะหุ้นที่ไม่มีผลกระทบจากการเมืองหรือการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจมากนัก รวมถึงหุ้นที่มีกระแสเงินสดดีๆ มีการจ่ายปันผลสูง และธุรกิจสามารถไปได้ดีในระยะยาว ซึ่งหุ้นที่เราสนใจคือ หุ้นในกลุ่มสาธารณูปโภคพื้นฐานทั่วไป


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.