|

บึ้มกลางกรุงฉุดดัชนีรูด20จุด
ผู้จัดการรายวัน(4 มกราคม 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
ดัชนีหุ้นไทยวันแรกรับปีหมูไฟรูดต่อ 20 จุด รับเหตุการณ์ระเบิดทั่วกรุง ต่างชาติยังขายไม่หยุด บิ๊ก "เจพี มอร์แกนฯ" เชื่อตลอดไตรมาส 1 ต่างชาติยังชะลอการลงทุน ด้านตลาดหลักรัพย์ฯ เร่งเดินหน้าชี้แจงข้อมูล เตรียมเรียกโบรกเกอร์ต่างประเทศร่วมหารือ ระบุประเด็นที่โดนถามต่อเนื่องยังเป็นเรื่องมาตรการของแบงก์ชาติ พร้อมเตือนนักลงทุนอย่าตระหนกจนเกินไป ชี้เป็นโอกาสที่ดีจะเข้าซื้อหุ้นที่จ่ายปันผลดี ขณะที่โบรกฯเชื่อมีโอกาสที่ดัชนีจะร่วงต่อ ชี้ปัจจัยในประเทศยังกดดันตลาดหุ้นไทยต่อไป
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นไทยเริ่มต้นศักราชใหม่ตอนรับปีกุน ที่หลายคนในแวดวงตลาดทุนเรียกว่า "หมูไฟ" ด้วยความปั่นป่วนอีกรอบหลังเหตุการณ์ลอบวางระเบิดทั่วกรุงเทพมหานคร ส่งผลทั้งต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ และบั่นทอนความมั่นใจของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศต่อมาตรการรักษาความปลอดภัย
ก่อนหน้านี้ ปัจจัยที่ถือได้ว่าส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ คือ มาตรการสกัดกั้นการเก็งกำไรค่าเงินบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ด้วยการกันเงินสำรองเงินทุนที่จะเข้าประเทศ 30% จะเริ่มคลี่คลายบางแล้วหลังธปท.ประกาศผ่อนคลายกฎการนำเงินเข้ามาลงทุนในตลาดทุน รวมถึงเงินที่จะเข้ามาลงทุนทางตรงไม่ต้องมีการกันสำรอง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นถือได้ว่าเป็นการซ้ำเติมตลาดหุ้นไทยที่ยังคงอยู่ในอาการที่เรียกได้ว่า "ป่วยหนัก"
ทั้งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้นักวิเคราะห์หลายค่ายต่างปรับคำแนะนำจากเดิมที่แนะนำให้ชะลอการลงทุนในช่วงสั้นๆ เป็นการหยุดลงทุนในระยะนี้เพื่อประเมินสถานการณ์ รวมถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้อีกครั้ง โดยในแง่ของความน่าสนใจลงทุนจากราคาหุ้นบริษัทต่างๆ ที่ปรับตัวลดลงค่อนข้างมากจะถือว่าเป็นแรงจูงใจแต่เมื่อเทียบกับความเสี่ยงจากปัจจัยที่คาดการณ์ไม่ได้ทั้งในเรื่องสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ รวมถึงมาตรการต่างๆของหน่วยงานภาครัฐทำให้ความน่าสนใจของตลาดหุ้นไทยในมุมมองของนักลงทุนต่างชาติเปลี่ยนไป ซึ่งจะเห็นได้จากสัญญาณการขายสุทธิอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาของนักลงทุนต่างชาติ
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นในวันแรกของปี 50 (3 ม.ค.) ดัชนีเปิดปรับตัวลดลงกว่า 20 จุด ก่อนจะปรับตัวลดลงมาต่ำสุดที่ 653.14 จุด ลดลง 26.70 จุด หรือ 3.92% ขณะที่จุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 677.55 จุด โดยแรงขายส่วนใหญ่มาจากหุ้นขนาดใหญ่ไม่ว่าจะเป็นพลังงาน ธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ ส่งผลทำให้ดัชนีปิดที่ 659.25 จุด ลดลง 20.59 จุด หรือ 3.03% มูลค่าการซื้อขาย 15,460.06 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 246.82 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 466.59 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 713.41 ล้านบาท
นายอาจดนัย สุจริตกุล ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เจพี มอร์แกน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ เชื่อว่านักลงทุนต่างประเทศยังคงชะลอการลงทุนที่จะเข้ามาในประเทศ เนื่องจากช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาประเทศไทยต่อเผชิญกับปัจจัยลบหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นการปฎิรูปการปกครอง มาตรการสกัดกั้นการเก็งกำไรค่าเงินของธปท. หรือการวางระเบิดทั่วกรุงเทพฯ
จากสิ่งที่เกิดขึ้นส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติไม่มีความเชื่อมั่นต่อการเข้ามาลงทุในประเทศ โดยประเด็นที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจมากที่สุด คือ นโยบายและมาตรการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับตลาดเงินและตลาดทุนเป็นหลัก ดังนั้นหากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องการให้เงินทุนไหลกลับเข้ามาอีกครั้งการปรับเปลี่ยนนโยบายของธปท.น่าจะเป็นเรื่องที่จะต้องเร่งดำเนินการ และควรที่จะเร่งทำความเข้าใจต่อสิ่งที่เกิดต่อตลาดทุนขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
"ระเบิดที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่เข้ามาทำลายบรรยากาศในการลงทุน รวมถึงจิตวิทยาในการลงทุนโดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติ แต่เรื่องดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบรุนแรงเหมือนมาตรการของแบงก์ชาติ" นายอาจดนัยกล่าว
**ตลาดหุ้นเรียกโบรกฯนอกหารือ
นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ได้มีการประชุมภายในเพื่อหารือ หลังจากในช่วงเช้ามีแรงเทขายของนักลงทุนออกมาทำให้ดัชนีปรับตัวลดลง โดยคาดว่าจะเป็นแรงเทขายของนักลงทุนต่างประเทศ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เหตุการณ์ลอบวางระเบิดที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ การที่จะให้นักลงทุนต่างประเทศกลับเข้ามาลงทุน จำเป็นต้องมีการให้ข้อมูลกับนักลงทุนต่างประเทศเพราะยังมีนักลงทุนบางกลุ่มที่ยังไม่ได้รับทราบข้อมูล ในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศและกำไรของบริษัทจดทะเบียนยังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่คงต้องอยู่กับการตัดสินใจของนักลงทุนต่างประเทศว่าจะมีความคิดเห็นอย่างไร
สำหรับในปลายสัปดาห์นี้หรือต้นสัปดาห์หน้าตลาดหลักทรัพย์ฯ จะมีการเชิญบริษัทหลักทรัพย์ต่างชาติที่มีการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยเข้าร่วมหารือในเรื่องการลงทุนในตลาดหุ้นไทย และจะให้เป็นผู้เชิญนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาร่วมงานโรดโชว์ในช่วงปลายไตรมาส 1/2550 หรือต้นไตรมาส 2/2550 ซึ่งรูปแบบการจัดงานจะมีลักษณะคล้ายกับการจัดงานไทยแลนด์โฟกัส
**ภัทรียาเชื่อ8.3หมื่นล.ยังอยู่
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นในวันแรกที่เปิดตลาดซื้อขายหลักทรัพย์นักลงทุนอาจจะยังไม่มั่นใจในการลงทุนจากการลอบวางระเบิดช่วงคืนในวันที่ 31 ธันวาคมที่ผ่านมา จึงมีแรงเทขายออกทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงประมาณ 3% ขณะที่มูลค่าการซื้อขายยังถือว่าอยู่ในระดับที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเห็นได้จากมีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องเมื่อมีแรงเทขาย เพราะนักลงทุนมองเห็นถึงผลตอบแทนที่ดีในอนาคต
สำหรับนักลงทุนต่างชาติเชื่อว่าจะยังคงชะลอลงทุนในตลาดหุ้นไทยต่อไป เพื่อประเมินสถานการณ์ภาพรวมและมาตรการป้องกันของภาครัฐ แต่เชื่อว่าแม้นักลงทุนต่างชาติจะชะลอการลงทุนไปบ้างแต่เม็ดเงินลงทุนซื้อสุทธิ 8.3หมื่นล้านบาทช่วงปีก่อนจะยังอยู่ในตลาดหุ้นไทย โดยยอดขายของนักลงทุนต่างประเทศวานนี้จะมียอดการขายสุทธิแต่มียอดซื้อเข้ามาสูงถึง 6 พันล้านบาท
"อยากเตือนนักลงทุนไม่ควรกังวลจนเกินไป เพราะอาจทำให้เสียโอกาสในการลงทุน ซึ่งนักลงทุนควรที่จะมีการตัดสินใจลงทุนอย่างรอบคอบ หากเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ที่พื้นฐานดีและมีปันผลก็จะได้ประโยชน์จากการลงทุน"นางภัทรียากล่าว
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมจัดงานนำเสนอข้อมูลต่อนักลงทุนต่างประเทศ (โรดโชว์)ในปลายไตรมาส1/2550 เพื่อให้มีความเข้าใจในเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง นโยบายทางการเงิน และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนและมีความมั่นใจเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ประเด็นที่นักลงทุนต่างประเทศให้ความสนใจสอบถามมากที่สุดในเรื่องมาตรการกันเงินสำรอง 30%ของนักลงทุนต่างประเทศ
นางภัทรียา กล่าวอีกว่า เชื่อว่าในช่วงต้นปีการลงทุนในตลาดหุ้นชะลอตัวจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่เชื่อว่าหากสถานการณ์ไม่ยืดเยื้อเชื่อว่านักลงทุนจะกลับเข้ามาเป็นปกติในไม่ช้า
ทั้งนี้แม้ว่าเรื่องดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อเป้าหมายในบางเรื่อง แต่ตลาดหลักทรัพย์จะยังไม่มีการปรับเป้าบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปีนี้ แต่อาจจะมีการปรับรูปแบบการทำงานในปีหน้าซึ่งจะต้องประเมินสถานการณ์อีกครั้งหนึ่ง
**โบรกเกอร์เชื่อดัชนีหุ้นร่วงต่อ
นายแสงธรรม จรณชัยกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด กล่าวว่า การปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหุ้นไทยเป็นไปตามที่คาดการณ์ เนื่องจากนักลงทุนตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ระเบิดในช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา โดยบริษัทประเมินแนวรับในรอบนี้ที่ 640 จุด และแนวต้านอยู่บริเวณ 670 จุด โดยแนะนำให้นักลงทุนรอและประเมินสถานการณ์ที่จะส่งผลต่อดัชนีอีกครั้ง
"คาดว่านักลงทุนต่างชาติยังเป็นกลุ่มที่ขายต่อเนื่อง เพราะยังมีความกังวลต่อสถานการณ์ในประเทศ รวมถึงมาตรการสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาท ซึ่งหากราคาหุ้นปรับตัวลดลงก็ถือว่าเป็นแรงดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาให้ความสนใจกับตลาดหุ้นไทยมากขึ้น โดยคาดว่าน่าจะมีแรงซื้อเข้ามาในช่วงปลายไตรมาส 1/50"
นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นในวันนี้ คาดว่ายังคงทรงตัวหรืออาจจะปรับตัวลดลงต่อเนื่องเนื่องจากยังคงไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามากระตุ้น ประกอบกับนักลงทุนยังรอดูความคืบหน้าเกี่ยวกับการจับบุคคลต้องสงสัยว่าจะเป็นคนวางระเบิดว่าจะมีความชัดเจนเมื่อไหร่
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นในต่างประเทศรวมถึงปัจจัยจากต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมัน หรือค่าเงินไม่ได้มีผลต่อการปรับขึ้นลงของดัชนีมากนัก แต่ปัจจัยที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยส่วนใหญ่จะเป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในประเทศมากกว่า โดยกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้แนะนำถือเงินสด โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 650 จุด และแนวต้านให้ไว้ที่ 674 จุด
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|