หุ้นกลุ่มพลังงาน"ปีกุน"ซบเซา ต่างชาติเมินหลังราคาน้ำมันลด


ผู้จัดการรายวัน(3 มกราคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

ต่างชาติยังไม่ลงทุนในตลาดหุ้นไทยฉุดความน่าสนใจหุ้นกลุ่มพลังงาน โบรกฯฟันธงปี 50 ไม่ใช้ปีที่สดใสของหุ้นขนาดใหญ่ คาดผลการดำเนินงานลดลงเหตุราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวลดลง ขณะที่ยังมีความไม่ชัดเจนหลายเรื่อง โดยเฉพาะกรณีการแปรรูปของ ปตท. ที่ยังต้องรอความตัดสินของศาล

สถานการณ์หุ้นขนาดใหญ่ของตลาดหุ้นไทยในช่วงปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะได้รับผลดีจากการเข้ามาซื้ออย่างต่อเนื่องของนักลงทุนต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ อสังหาริมทรัพย์ สื่อสาร วัสดุก่อสร้าง และกลุ่มที่ได้ถือว่านักลงทุนต่างชาติมีบทบาทต่อราคาหุ้นค่อนข้างมาก คือ กลุ่มพลังงาน ผลดีจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะเริ่มเข้าสู่ภาวะการที่ทรงตัว ทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานหลายบริษัทต่างปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นบริษัทปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT, บริษัท ปตท.ผลิตและสำรวจปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP, บริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP, บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เป็นต้น

ทั้งนี้ ด้วยความที่หุ้นในกลุ่มพลังงานมีบทบาทต่อการปรับขึ้นลงของดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยค่อนข้างมาก ความไม่มั่นใจของนักลงทุนต่างชาติต่อมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ประกาศช่วงคืนวันที่ 18 ธ.ค. 49 เกี่ยวกับการสกัดกั้นการเข้ามาเก็งกำไรค่าเงินบาท ด้วยการกันเงินสำรองไว้ 30% ส่งผลต่อดัชนีตลาดหลักทรัพย์ถือว่ารุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นไทยกว่า 31 ปีที่ผ่านมาโดยในวันดังกล่าวดัชนีอุตสาหกรรมหมวดพลังงานปิดที่ 12,349.15 จุด โดยปรับตัวลดลง 15.89%

อย่างไรก็ตาม มุมมองของนักวิเคราะห์หลายค่ายเกี่ยวกับความน่าสนใจของหุ้นในกลุ่มพลังงานเปลี่ยนแปลงไปจากมุมมองช่วงก่อนเกิดมาตรการธปท.ในวันที่ 19 ธ.ค.

นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP เปิดเผยว่า ความน่าสนใจของหุ้นในกลุ่มพลังงานในปี 50 ลดลงจากมาตรการของธนาคารแห่งประเทศ เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติเริ่มปรับเปลี่ยนการลงทุนจากเดิมที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเป็นการเลือกลงทุนในกองทุนพันธบัตร หรือกองทุนตราสารหนี้เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดหุ้น

นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มว่าราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานอาจจะปรับตัวลดลงไดอีกเนื่องจากสถานการณ์ภายในประเทศ โดยเฉพาะประเด็นทางการเมืองที่ยังไม่นิ่งส่งผลต่อจิตวิทยาในการลงทุนอย่างแน่นอน รวมถึงความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับกรณีการแปรรูปของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ว่าศาลจะตัดสินในเรื่องดังกล่าวออกมาอย่างไร ซึ่งเรื่องดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทในอนาคต โดยบริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานของบมจ.ปตท.ในปีนี้น่าจะมีอัตราการเติบโตที่ลดลง

นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าบริษัทประเมินว่าหุ้นพลังงานหลานบริษัทจะปรับตัวลอลงเนื่องจากแนวโน้มราคาน้ำมันในปี 2550 จะปรับตัวลดลงโดยสังเกตจากราคาที่เคลื่อนไหวในช่วงไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา โดยหุ้นที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดในกลุ่ม คือ PTTEP, TOP, และ RRC

ทั้งนี้ การประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันเรื่องการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลงวันละ 5 แสนบาร์เรลอาจจะส่งผลทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงสั้นๆเท่านั้น เนื่องจากยังมีอีกหลายประเทศที่เป็นผู้ส่งออกน้ำมันและไม่ได้มีการประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันลง โดยคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันในปีหน้าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 55-56 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หรือลดลงประมาณ 10% จากราคาที่เคลื่อนไหวในปัจจุบัน

นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทในกลุ่มพลังงานในปีนี้จะเติบโตไม่เกิน 1% จากปี 2549 ที่ผ่านมาซึ่งเติบโตประมาณ 9% เนื่องจากรายได้ของบริษัทปรับตัวลดลงค่อนข้างมากจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง โดยบริษัทยังแนะให้ชะลอการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน แต่หุ้น PTT บริษัทแนะนำถือโดยประเมินราคาเป้าหมายที่ 300 บาท


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.