"ทีดีไอเอ"แนะขายตรงรายย่อยปรับตัวสู้ศึก


ผู้จัดการรายวัน(3 มกราคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

นายกสมาคมอุตสาหกรรมขายตรงไทย(ทีดีไอเอ)ฟันธงภาพรวมอุตสาหกรรมขายตรงในปีหมูยังเติบโตสวนทางเศรษฐกิจ ชี้เทรนด์ตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพยังมาแรงอยู่ พร้อมนำเสนอนโยบาย “ขายตรง พอเพียง ก้าวหน้า ยั่งยืน” เป็นแนวทางการดำเนินธุรกิจ วอนภาครัฐเร่งแก้ไขพ.ร.บ.ขายตรงด่วน หวังยกระดับและสร้างมาตรฐานขายตรงไทยให้ดีขึ้น แนะผู้ประกอบการรายเล็กต้องปรับในเรื่องการบริการจัดการให้ดีถึงอยู่รอดได้

นางสาวศิริพร ธรรมภักดี นายกสมาคมอุตสาหกรรมขายตรงไทย (Thai Direct Sale Industrial Associationหรือ TDIA) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจขายตรงในปี2550นี้คาดว่ายังคงเติบโตขึ้นได้อยู่ ถึงแม้ว่าสภาพโดยรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยจะไม่ดีก็ตาม เนื่องจากธุรกิจขายตรงเป็นแหล่งสร้างรายได้ให้แก่ผู้บริโภค อีกทั้งคนยังต้องการหาอาชีพและรายได้เสริมจึงทำให้ธุรกิจขายตรงยังได้รับความนิยมอยู่ อย่างไรก็ตามหากภาวะเศรษฐกิจของประเทศดียิ่งทำให้อุตสาหกรรมขายตรงยิ่งเติบโตขึ้นมากขึ้น เพราะคนมีกำลังซื้อที่ดีและการทำธุรกิจขายตรงสามารถเข้าถึงตัวคนได้มากขึ้น

“แนวโน้มของธุรกิจขายตรงปีหน้าคาดว่าจะเป็นเรื่องสินค้าเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพที่มองว่าจะมาแรง รวมถึงเทรนด์ที่ทางสมาคมทีดีไอเอพยายามนำเสนออยู่คือเรื่องการทำธุรกิจด้วยการประยุกต์เศรษฐกิจแบบพอเพียงเข้าด้วยกัน ภายใต้สโลแกนขายตรง พอเพียง ก้าวหน้า ยั่งยืน ซึ่งในปี2550นี้ทางสมาคมฯเตรียมเผยแพร่และทำกิจกรรมต่างๆ อาทิ จัดทำสติ๊กเกอร์เผยแพร่นโยบายดังกล่าวและจัดงานสัมมนาให้ข้อมูลแก่สมาชิกและบุคคลทั่วไป”

นอกจากนี้สิ่งที่ทางสมาคมฯต้องการให้ภาครัฐเร่งรีบแก้ไข คือ เรื่องพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรงพ.ศ.2545 เนื่องจากพ.ร.บ.ขายตรงฉบับนี้พบว่ามีช่องโหว่อยู่หลายอย่าง และส่งผลให้พวกธุรกิจแอบแฝงหรือแชร์ลูกโซ่เห็นช่องว่างและได้สอดแทรกตัวเข้ามาร่วมวงธุรกิจขายตรงกันเป็นจำนวนมาก ดังนั้นหากมีการแก้ไขพ.ร.บ.ขายตรงฯขึ้นจะทำให้อุตสาหกรรมขายตรงไทยให้มีมาตรฐานที่ดีขึ้น รวมถึงทางสมาคมฯยังต้องการให้ภาครัฐมีมาตรการดูแลในส่วนของบริษัทขายตรงที่เกิดขึ้นใหม่ต้องมีมาตรฐาน เพราะสมาคมฯไม่อยากให้ภาพลักษณ์ของตลาดรวมเสียหาย

ปัจจุบันมีผู้ประกอบการขายตรงรายใหม่เกิดขึ้นกว่า 10 ราย โดยมีทั้งมาจากในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งบริษัทรายใหม่ที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่จะมาจากแม่ทีมของบริษัทขายตรงรายเดิมที่หันมาเปิดธุรกิจเอง หรือบริษัทขายตรงรายเก่าปิดตัวลงจึงหันมาเปิดขายตรง เป็นต้น โดยปัจจุบันผู้ประกอบการธุรกิจขายตรงที่ไปจดทะเบียนกับทางสคบ.มีประมาณ 400 ราย โดยแบ่งเป็นสังกัดสมาคมการขายตรงไทยหรือทีดีเอสเอ 30 รายและสมาคมอุตสาหกรรมขายตรงไทย(ทีดีไอเอ) 20 บริษัท นอกนั้นเป็นผู้ประกอบการรายอื่นๆที่ไม่เข้าสังกัดใดๆ

“ผลดีของการที่รายใหม่เข้ามาในตลาดขายตรง เช่น เปิดโอกาสให้คนมีทางเลือกเพิ่มขึ้นหรือช่วยให้คนสร้างธุรกิจของตัวเองได้ง่ายขึ้น ส่วนข้อเสียของรายใหม่ คือ ธุรกิจเกิดง่ายและตายจากไปง่าย หรือการที่เจ้าของธุรกิจมีความตั้งใจไม่มาก โดยหวังผลประโยชน์เพียงฉาบฉวยทำให้ธุรกิจขายตรงนั้นๆอยู่ได้ไม่นาน ตรงนี้ส่งผลเสียต่อภาพรวมธุรกิจขายตรง”

นายกสมาคมอุตสาหกรรมขายตรงไทย กล่าวด้วยว่า ในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจไม่ดีผู้ประกอบการขายตรงรายเล็กหากต้องการจะอยู่รอดในตลาดได้นั้นจะต้องมีการปรับตัวในเรื่องต่างๆ อาทิ การบริหารจัดการที่ดี ,การมีฐานสมาชิกที่แข็งแกร่ง และมีกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ดีอยู่ เป็นต้น


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.