|
บึ้มกลางกรุงซ้ำเติมตลาดหุ้น ต่างชาติทิ้งยาว-เร่งโรดโชว์
ผู้จัดการรายวัน(3 มกราคม 2550)
กลับสู่หน้าหลัก
"ภัทรียา" ชี้เหตุการณ์ระเบิดกลางกรุงส่งผลต่อตลาดหุ้น เตรียมจัดโรดโชว์ดึงนักลงทุนต่างชาติภายในไตรมาสแรกนี้ หลังบจ.ประกาศงบการเงินงวดปี 49 ด้าน "ก้องเกียรติ" เผยมาตรการแบงก์ชาติรุนแรงมากกว่า หวังดัชนีน่าจะปรับลดไม่เกิน 2-3% เพราะเหตุที่เกิดขึ้นเป็นช่วงวันหยุดนักลงทุนมีเวลาทำความเข้าใจ ขณะที่ "เอกยุทธ" ฟันธง ครึ่งปีแรกไร้เงาต่างชาติแน่ คาดภาครัฐเข้ามาแทรกแซงตลาดหุ้นครึ่งปีแรกหวังดันดัชนี ส่วนนักวิเคราะห์ประเมินดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้รูดแน่
จากเหตุการณ์ลอบวางระเบิดทั่วกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2549 เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เป็นผลให้มีผู้เสียเสีย 3 ราย และบาดเจ็บอีก 38 คน ได้ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางการเมือง ยังได้กระทบต่อภาคธุรกิจ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง รวมถึงภาคการลงทุนในตลาดหุ้นไทยด้วย
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า เหตุการณ์ระเบิดหลายจุดในกรุงเทพฯ ที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศแน่นอน เนื่องจากมีการรายงานข่าวดังกล่าวไปทั่วโลก แต่เชื่อว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรัฐบาลน่าจะเข้ามาประเมินและแก้ไขสถานการณ์ได้ในเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ ได้มีการประสานงานพูดคุยกับบริษัทหลักทรัพย์ทั้งในไทยและต่างประเทศ พบว่านักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่ยังจะรอประเมินสถานการณ์ในประเทศไทยก่อนว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างไรตามมาหรือไม่ โดยก่อนหน้านี้มาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เกี่ยวกับการสกัดกั้นการเก็งกำไรค่าเงินบาทส่งผลต่อตลาดหุ้นค่อนข้างมาก ทำให้สถานการณ์ระเบิดไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นในช่วงต้นปีมากนัก
สำหรับแนวทางการแก้ปัญหาของตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนต่างประเทศนั้น คาดว่าภายในไตรมาส 1/50 นี้ หลังการประกาศงบการเงินของบริษัทจดทะเบียนงวดปี 49 เสร็จ ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแผนที่จะเปิดบ้านเพื่อสร้างความมั่นใจต่อนักลงทุนต่างประเทศในลักษณะการให้ข้อมูล (โรดโชว์) โดยจะมีการประสานงานเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เพื่อเพิ่มความมั่นใจต่อการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย
"นักลงทุนไทยซึ่งได้ข้อมูลใกล้ชิดกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ควรจะตระหนกกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก อยากให้ใจเย็นๆ เพราะสถานการณ์ในขณะนี้ไม่ได้บานปลายมากขึ้น" นางภัทรียา กล่าว
**"ก้องเกียรติ"เชื่อหุ้นรูดไม่เกิน 3%
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นน่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไม่มาก เนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงวันหยุดทำให้นักลงทุนมีเวลาในการประเมินสถานการณ์ โดยคาดว่าดัชนีน่าจะปรับตัวลดลงไม่เกิน 2-3% จากระดับปิดวันก่อน
ทั้งนี้ แม้ว่าเรื่องดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาของนักลงทุนต่างประเทศ แต่ปัจจัยลบก่อนหน้านี้เรื่องการกันเงินสำรองที่จะเข้ามาในประเทศ 30% เป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อจิตวิทยามากกว่า
"เรื่องดังกล่าวไม่น่าจะกระทบต่อตลาดหุ้นมาก เพราะนักลงทุนได้ทำความเข้าใจต่อสถานการณ์โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติ ส่วนนักลงทุนไทยน่าจะเป็นกลุ่มที่ขายออกมามากกว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมาหากเกิดเหตุการณ์ขึ้นนักลงทุนไทยจะเป็นกลุ่มที่หวาดกลัวขายหุ้นที่ถือครองออกมาเยอะ จนทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงมากกว่าที่ควรจะเป็น" นายก้องเกียรติ กล่าว
**คาดต่างชาติหยุดเทรดครึ่งปี
นายเอกยุทธ อัญชันบุตร ประธานบริหาร เครือโอเรียลเต็นมาร์ทกรุ๊ป ในฐานะนักลงทุนรายใหญ่ กล่าวว่า นักลงทุนต่างชาติเมินที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมานานแล้ว จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศ โดยส่วนตัวเชื่อว่ากว่านักลงทุนต่างประเทศกลุ่มใหม่ๆ คงไม่สนใจตลาดหุ้นไทย ขณะที่นักลงทุนกลุ่มที่ลงทุนอยู่ในตลาดหุ้นไทยอยู่แล้วน่าจะหันมาให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยคงจะต้องเป็นช่วงครั้งปีหลัง
ทั้งนี้ เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ตลาดหุ้นไม่น่าจะปรับตัวลดลงมาก หากยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลเนื่องจากเชื่อว่ารัฐบาลอาจจะเข้ามาแทรกแซงด้วยการเข้ามาซื้อหุ้น เพื่อไม่ทำให้ตลาดหุ้นได้รับผลกระทบมากนัก อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ในประเทศไม่เรียบร้อย เช่น มีการประท้วง มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลใหม่ หรือมีการเข้ามายึดอำนาจด้วยการปฎิวัติอีกรอบจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอย่างรุนแรงแน่นอน
"ผมเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีการปฏิวัติซ้อนในปีนี้ ซึ่งหากมีจริงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อทุกภาคของเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น อสังหาริมทรัพย์ ตลาดเงิน รวมถึงจีดีพีของประเทศแน่นอน" นายเอกยุทธกล่าว
**โบรกหวั่นเปิดตลาดหุ้นดิ่งเหว
นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัทหลักทรัพย์นครหลวงไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (3 ม.ค.) จะปรับตัวลดลงเมื่อเปิดทำการ หลังจากปิดต่อเนื่อง 4 วัน ในช่วงวันหยุดปีใหม่ โดยนักลงทุนคงจะตื่นตระหนก และเทขายหุ้นออกมา ซึ่งนักลงทุนคงให้น้ำหนักต่อเหตุการณ์ระเบิดว่าเป็นความเสี่ยงเพิ่มเติมสำหรับการลงทุนในปีนี้
"ที่ผ่านมาเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นเฉพาะในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่เคยมีเหตุการณ์ระเบิดลักษณะนี้เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ ดังนั้นจึงมีผลกระทบต่อความไม่มั่นใจของนักลงทุน รัฐบาลควรหามาตรการด่วนเพื่อรับมือกับปัญหาเชิงจิตวิทยา ความเชื่อมั่น ซึ่งถือเป็นปัญหาเฉพาะหน้า ไม่เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานด้านการลงทุน ดังนั้น ก่อนที่จะเปิดตลาดในวันนี้ รัฐบาลควรเตรียมพร้อมแต่เนิ่นๆ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน"
นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวเพิ่มเติมว่า กลุ่มหลักทรัพย์ที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด คือกลุ่มท่องเที่ยว เพราะคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวที่ยกเลิกการเดินทางมาเที่ยวเมืองไทยจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ประกอบกับเป็นช่วงไฮซีซั่น จึงทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวได้รับผลกระทบโดยตรง
นอกจากนี้ ยังน่าเป็นห่วงผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เพราะรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นรายได้หลักในการผลักดันเศรษฐกิจไทยปีนี้ ที่จะมาทดแทนภาคการส่งออก ซึ่งคาดว่าจะชะลอการขยายตัวเพราะได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น
"คงตอบยากว่าตลาดหุ้นไทยจะตอบรับต่อเหตุการณ์ระเบิดรุนแรงมากน้อยแค่ไหน เพราะช่วงปลายปี 2549 ตลาดหุ้นไทยไม่ค่อยดีอยู่แล้ว นักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์ค่าเงินบาท และรอดูทิศทางเงินทุนต่างชาติว่าจะไหลกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยหรือไม่ หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการกั้นสำรองร้อยละ 30 ของ ธปท. พอมาเจอเหตุการณ์ระเบิด ก็เท่ากับว่าโดน 2 เด้ง นักลงทุนคงจะตื่นตระหนก เทขายหุ้นออกมาอย่างแน่นอน"
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|