ปีนี้คนไทยใช้น้ำมันแพง ผ่อนหนี้กองทุน 5 หมื่นล.


ผู้จัดการรายวัน(3 มกราคม 2550)



กลับสู่หน้าหลัก

แนวโน้มปี 2550 ทิศทางราคาน้ำมันยังทรงตัวในระดับสูงแต่จะไม่สวิงตัวหรือหวือหวาหนักให้รู้สึกหวาดเสียว “ปตท.”ฟันธงให้ราคาบวก ลบ 25 บาทต่อลิตร ไม่หนีจากนี้ ทำใจราคาขายปลีกต้องสูงกว่าตลาดโลกอีก 1 ปีเหตุกองทุนน้ำมันฯรีดเงินใช้หนี้จากการตรึงราคายุคทักษิณเฉียด 5 หมื่นล้านบาท แต่นับเป็นปีทองที่ผู้บริโภคจะเห็นการลด แลก แจกแถมและเติมน้ำมันสะดวกขึ้นเหตุปั๊มเปิด 24 ชม.ทำให้การแข่งขันสูง ขณะที่ธุรกิจการกลั่นหมดยุคทองค่าการกลั่นเริ่มแผ่วเหลือ 4-5 เหรียญต่อบาร์เรลเหตุกำลังผลิตเริ่มมากขึ้น

จากวิกฤติราคาน้ำมันตลาดโลกที่สูงขึ้นต่อเนื่องนับแต่ปลายปี 2546 จนนำไปสู่การตัดสินใจตรึงราคาน้ำมันในยุคของรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ในวันที่ 10 ม ..ค. 2547 โดยใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นกลไกสำคัญในการอุดหนุนราคาจนถึงวันที่ 13 ก.ค. 2548 จึงยกเลิกมาตรการดังกล่าว รวมเป็นภาระหนี้ที่เกิดขึ้นทั้งสิ้นถึง 9.2 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้รัฐบาลต้องทยอยเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อสะสมในการนำไปใช้หนี้

ปัจจุบันรัฐได้ทยอยเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 13 ธ.ค. 2549 เก็บจากผู้ใช้เบนซิน 95 เก็บอัตรา 3.46 บาทต่อลิตร เบนซิน 91 เก็บ 3.26 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 เก็บ 1.50 บาทต่อลิตรและดีเซล 1.50 บาทต่อลิตรซึ่งส่งผลให้มีรายได้ปีละประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนฯจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อที่รัฐบาลจะสามารถเร่งสะสมเงินเพื่อการใช้หนี้ตามกำหนด

ทั้งนี้ หนี้สินค้างชำระของกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 13 ธ.ค. 2549 มีทั้งสิ้นรวม 48,598 ล้านบาทแบ่งเป็นหนี้เงินกู้สถาบันการเงิน 17,446 ล้านบาท หนี้พันธบัตร 17,600 ล้านบาท หนี้เงินชดเชยตรึงราคาน้ำมันค้างชำระ 1,549 ล้านบาท หนี้ชดเชยราคาก๊าซหุงต้ม 11,927 ล้านบาท ฯลฯ ซึ่งภาระหนี้ทั้งหมดจะมีการทยอยเก็บเงินสะสมไว้ใช้โดยหนี้สถาบันการเงินจะครบกำหนดชำระในเดือนกันยายน 2550 ขณะที่หนี้พันธบัตรล็อตสุดท้ายจะครบชำระต.ค. 2551 แต่การเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯในอัตราขณะนี้จะทำให้มีเงินครบชำระหนี้ในเดือนมี.ค. 2551

นายศิวะนันท์ ณ นคร ผู้อำนวยการสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน(องค์การมหาชน) หรือ สบพ. กล่าวว่า อัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในระดับปัจจุบันคือ เบนซิน 95 เก็บอัตรา 3.46 บาทต่อลิตร เบนซิน 91 เก็บ 3.26 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 เก็บ 1.50 บาทต่อลิตรและดีเซล 1.50 บาทต่อลิตรซึ่งส่งผลให้มีรายได้ปีละประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาทคงจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้การใช้หนี้เป็นไปตามข้อกำหนด ดังนั้นราคาน้ำมันที่คนไทยใช้ก็จะยังคงสูงกว่าราคาตลาดโลกอยู่ไปอีกอย่างน้อย 1 ปีโดยเฉพาะตลอดปี 2550

“ วันนี้ราคาน้ำมันที่แพงต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งเพราะต้องเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ โดยเฉพาะเบนซินที่เก็บถึงกว่า 3 บาทต่อลิตร จากอดีตที่เรายังไม่ได้ตรึงราคาเบนซิน 95 และดีเซลจะเก็บ 50 สตางค์ต่อลิตรและเบนซิน 91 เก็บ 30 สตางค์ต่อลิตรเท่านั้น แต่ผมก็เห็นว่าอัตราขณะนี้ที่เก็บน่าจะเหมาะสมแล้วและระดับราคาขายปลีกในไทยก็ถือว่าถูกกว่าเพื่อนบ้านใกล้เคียงมากทั้ง กัมพูชา ลาว เวียดนาม “นายศิวะนันท์กล่าว

ด้านนายเทียนไชย จงพีร์เพียร นักวิชาการด้านพลังงานและที่ปรึกษาสำนักนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) กล่าวว่า ปี 2550 ทิศทางของราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศจะยังคงทรงตัวในระดับสูงเพราะนโยบายนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รมว.พลังงานชัดเจนว่าจะไม่มีการแทรกแซงราคาขายปลีกอีกเป็นอันขาดซึ่งก็เห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าวเพราะการแทรกแซงทั้งทางตรงกล่าวคือใช้เงินกองทุนน้ำมันฯตรึงราคาอดีตที่ผ่านมาก็ได้ชี้ให้เห็นแล้วว่าเป็นภาระหนี้จำนวนมาก ขณะที่การแทรกแซงทางอ้อมโดยใช้ บมจ.ปตท.ตรึงราคาระยะยาวจะเกิดผลเสียที่บริษัทน้ำมันอาจขาดทุนและนำไปสู่การบิดเบือนตลาดจะเหลือผู้ค้าไม่กี่รายอนาคตจะยิ่งส่งเสริมให้เกิดการผูกขาด

“ ส่วนราคาขายปลีกในประเทศแม้ว่าตลาดโลกจะมีทิศทางที่ลดลงกว่าปี 2549 แต่ราคาในไทยคาดว่าจะทรงตัวระดับสูงต่อไปเพราะรัฐชัดเจนที่จะปล่อยให้ราคาสะท้อนต้นทุนมากที่สุดและนั่นหมายถึงการเร่งจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อใช้หนี้จากการตรึงราคาน้ำมันก่อนหน้าให้หมดเร็วด้วยซึ่งก็จะทำให้ราคาน้ำมันจะเห็นลดลงเหมือนอดีตเบนซินต่ำกว่า 20 บาทต่อลิตรน่าจะยาก”นายเทียนไชยกล่าว

ทั้งนี้ ราคาตลาดโลกคาดว่าจะมีเสถียรภาพมากกว่าปี 2549 โดยนักวิเคราะห์มองว่าจะเฉลี่ยระดับ 60 เหรียญต่อบาร์เรลหรืออาจลดต่ำกว่านี้เล็กน้อย ทั้งนี้เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกมีอัตราการเติบโตที่ชะลอตัวลง ประกอบกับกำลังการผลิตแม้ว่ากลุ่มผู้ผลิตโลกหรือโอเปกจะลดลงเพื่อรักษาระดับราคาไม่ให้ลดต่ำลงมากแต่ก็ยังคงในระดับสูงทำให้ปี 2550 ความต้องการรวมจะมีต่ำกว่าการผลิต

“เศรษฐกิจโลกชะลอลงเล็กน้อยประกอบกับคนหันไปพึ่งพาเชื้อเพลิงอื่นๆในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาก็เห็นชัดว่าทำให้การผลิตคงระดับสูงดังนั้นปี 2550 ในไทยเองก็เช่นกันราคาพลังงานที่มีเสถียรภาพจะไม่ก่อให้เกิดเป็นภาระต่อระบบเศรษฐกิจไทยเช่นที่ผ่านมาเพราะราคาที่แพงทำให้ไทยขาดดุลการค้าจากการนำเข้าน้ำมันดิบค่อนข้างสูง”นายเทียนไชยกล่าว

อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันที่มีเสถียรภาพอยู่บนสมมติฐานที่ไม่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเช่น กรณีภัยพิบัติต่างๆ ดังนั้น จุดนี้จะมีผลให้แรงกดดันที่จะไปมีผลต่อราคาก๊าซธรรมชาติก็ลดลงด้วยซึ่งจะสะท้อนไปยังค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติหรือ Ft ตลอดปี 2550 ก็จะปรับตัวบ้างเล็กน้อย และหากมีการบริหารจัดการที่ดีค่าไฟในช่วงต้นปี 2550 อาจไม่ต้องปรับขึ้นก็เป็นไปได้

นายเมตตา บันเทิงสุข อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.)และอดีตผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) กล่าวว่า ปี 2550 ทิศทางราคาน้ำมันตลาดโลกคงไม่มีอะไรหวือหวามากนักหากเทียบกับ 1-2 ปีที่ผ่านมาเนื่องจากกำลังผลิตมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นระดับหนึ่งขณะที่ความต้องการแม้จะยังมีทิศทางขยายตัวเพิ่มแต่มีอัตราที่ลดลงเพราะผู้ใช้ส่วนหนึ่งหันไปพึ่งพาพลังงานอื่นๆ แทนเช่น ถ่านหิน นิวเคลียร์ เอทานอล ฯลฯ ทำให้นักวิเคราะห์มองว่าปี 2550 ความต้องการน้ำมันของโลกคงโตไม่เกิน 1.5% เมื่อเทียบกับปี 2549

“ ราคาน้ำมันตลาดโลกปี 2550 คงไม่แรงมาก ระหว่างทางอาจจะมีการช็อกของราคาบ้างแบบสั้นๆ ตามข่าวรายวันเช่น การสู้รบ การก่อการร้าย ซึ่งโดยรวมไม่มีใครมองว่าราคาน้ำมันดิบจะมีราคาเพิ่มสูงขึ้นมากไปจากปีนี้บางรายมองว่าราคาน้ำมันดิบอาจจะลดต่ำลงด้วยซ้ำ แต่ส่วนใหญ่มองเฉลี่ยไม่เกิน 60 เหรียญต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตามแม้ราคาโลกไม่หวือหวาแต่ราคาขายปลีกในไทยเองก็คงไม่ได้ลดลงมากเพราะภาระหนี้กองทุนฯที่ตรึงราคาน้ำมันก่อนหน้านี้ที่ยังเหลืออีกกว่า 5 หมื่นล้านบาทยังจำเป็นต้องทยอยเก็บจากผู้ใช้เพื่อใช้หนี้เก่าอยู่”นายเมตตากล่าว

**ปตท.การันตีบวกลบ 25 บ./ลิตร

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปตท. จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ทิศทางราคาน้ำมันขายปลีกในไทยในปี 2550 คาดว่าจะอยู่ระดับใกล้เคียงกับปี 2549 โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบจะอยู่ประมาณ 56-60 เหรียญต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันสำเร็จรูปทั้งดีเซล-เบนซินเฉลี่ยจะอยู่ที่ 60-70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่งผลให้ราคาขายปลีกในไทยเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ประมาณบวกลบ 25 บาท/ลิตร หากไม่มีการเร่งเก็งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มเติมจากปัจจุบัน

“ ราคาน้ำมันในปี 2550 คงจะไม่ถูกกว่าในปี 2549 เพราะเศรษฐกิจโลกไม่ได้ดีนักจนทำให้ความต้องการเพิ่มขึ้นมากผิดปกติแต่ก็ไม่ได้ลดลงมากเช่นกัน โดยปตท.คงต้องปรับขึ้นน้ำมันตามทิศทางตลาด คงจะไม่เข้าแทรกแซงเหมือนกับปีที่ผ่านมา”นายประเสริฐกล่าว

สำหรับราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศขณะนี้คงจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจาก ราคาน้ำมันตลาดโลกยังคงทรงตัวระดับสูงแต่ไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นมากโดยเบนซินอยู่ที่ 64 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ดีเซล 71 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล น้ำมันดิบอยู่ที่ 55-56 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่ค่าการตลาดน้ำมันอยู่ที่กว่า 1 บาท/ลิตร เป็นระดับที่ผู้ค้าน้ำมันพอรับได้

อย่างไรก็ตามปตท.พร้อมจะเปิดปั๊มน้ำมัน 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมนี้ เป็นต้นไป แต่คงจะไม่เปิดปั๊มทั้งหมด คงจะเลือกเปิดในพื้นที่ที่เหมาะสมที่พื้นที่นั้นมีความต้องการน้ำมันในช่วงกลางคืน เช่น ในพื้นที่เมืองใหญ่ หรือพื้นที่ กทม.เป็นต้น โดยอาจจะเปิดประมาณ 30-40 % จากจำนวนปั๊มประมาณ 1,200 แห่ง

“ ผมคิดว่าการเปิดปั๊ม 24 ชั่วโมงคงไม่ได้ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น แต่เป็นการทำให้ผู้บริโภคที่เดินทางกลางคืนมีความสะดวกสบายมากขึ้น และในส่วนของมินิมาร์ทก็น่าจะมีส่วนทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นบ้าง ซึ่งเห็นว่าตลาดน้ำมันควรให้เป็นไปตามธรรมชาติ มีการแข่งขันอย่างเสรีทั้งในเรื่องของราคาและการค้า ซึ่งภาครัฐควรเข้ามาทำหน้าที่กำกับดูแลไม่ให้ผู้ค้าน้ำมันเอาเปรียบประชาชน โดยรัฐบาลชุดนี้ประกาศที่จะให้ราคาน้ำมันเปลี่ยนแปลงตามตลาดโลกถือเป็นเรื่องที่ดี “ นายประเสริฐกล่าว

**ปั๊มแข่งเดือดปีทองผู้บริโภค

นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจน้ำมัน บมจ.ปตท. กล่าวว่า ปี 2550 การแข่งขันในธุรกิจน้ำมันยังคงรุนแรงต่อไป แต่จากที่รัฐบาลมีนโยบายชัดว่าไม่เข้ามาแทรกแซงราคา และราคาน้ำมันตลาดโลกน่าจะอ่อนตัวกว่าในปีนี้บ้าง ก็คาดว่าปตท. คงจะไม่ต้องเข้ามาช่วยตรึงราคาเหมือนกับช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ที่ ปตท. ต้องขาดทุนเพื่อช่วยตรึงราคาน้ำมันเป็นเม็ดเงินรวมเกือบ 5,000 ล้านบาท โดยจะทำให้ ปตท. อาจจะไม่ต้องขาดทุนในเรื่องการค้าปลีกน้ำมันด้วย

“ปี 2550 คาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ คงอยู่ในเกณฑ์ 55-60 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมันในไทยคงอยู่ในระดับ 25-26 บาท/ลิตร โดยธุรกิจน้ำมันจะกลับสู่ภาวะปกติ หลังจากขาดทุนจากค่าการตลาดที่ต่ำมากว่า 2 ปีทำให้ปตท.ขาดทุนในธุรกิจน้ำมันช่วง 2 ปีเกือบ 7,000 ล้านบาท “นายชัยวัฒน์กล่าว

ทั้งนี้ ปี 2550 ธุรกิจค้าปลีกน้ำมันจะเริ่มกลับมาแข่งขันกันมากขึ้นเพราะรัฐบาลประกาศที่จะไม่แทรกแซงตลาดน้ำมันจะทำให้ค่าการตลาดเฉลี่ยไม่ขาดทุน ประกอบกับรัฐบาลได้อนุมัติให้เปิดปั๊ม 24 ชั่วโมงได้ ดังนั้น จะได้เห็นการแข่งขันในธุรกิจน้ำมันด้านสงครามราคา(ไพรซ์วอร์) และโปรโมชั่นลดแลกแจกแถม อาทิ มาม่า น้ำ กลับมาอีกครั้งหนึ่งแต่นโยบายดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคที่จะหาปั๊มเติมน้ำมันได้สะดวกมากขึ้น

**หมดยุคทองโรงกลั่นน้ำมันไทย

นายวีรพล จิระประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) กล่าวว่า ปี 2550 นั้นคงจะหมดยุคทองของโรงกลั่นไทยที่อดีต 2-3 ปีที่ผ่านมาค่าการกลั่นบางช่วงจะขึ้นไปสูงในระดับ 10 เหรียญต่อบาร์เรล โดยคาดว่าค่าการกลั่นจะอยู่ในระดับ 4-5 เหรียญต่อบาร์เรลเท่านั้นเนื่องจากกำลังการผลิตเริ่มมีมากขึ้นเพราะมีการเกิดโรงกลั่นใหม่

“ โรงกลั่นในประเทศปี 2550 น่าจะเป็นการเตรียมพร้อมในการขยายกำลังการผลิตมากกว่าที่จะไปลงทุนโรงกลั่นใหม่ โดยเฉพาะการเตรียมพร้อมสำหรับการผลิตให้ได้ตามมาตรฐานน้ำมันยูโร 4 ที่จะมีผลบังคับใช้ในปี 2555 ซึ่งโรงกลั่นต้องลงทุนรวมกว่า 5 หมื่นล้านบาท”นายวีรพลกล่าว

ตารางแสดงหนี้สินค้างชำระของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 13 ธ.ค. 2549

รายละเอียด จำนวนเงิน
1.หนี้เงินกู้สถาบันการเงิน 17,446 ล้านบาท
2.หนี้พันธบัตร 17,600 ล้านบาท
3.หนี้เงินชดเชยตรึงราคาน้ำมันค้างชำระ 1,549 ล้านบาท
4.หนี้ชดเชยราคาก๊าซหุงต้ม 11,927 ล้านบาท
ฯลฯ
รวมเป็นเงิน 48,598 ล้านบาท


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.