อสมท เช็คสัญญาช่อง 3 - ยูบีซี ตั้ง ‘จรัญ’ เป็น ปธ.ตรวจความโปร่งใส-เป็นธรรม


ผู้จัดการรายวัน(27 ธันวาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

บมจ.อสมท มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาด้านสัญญาและกฎหมายที่ทำไว้กับ ช่อง 3 และ ยูบีซี เพื่อให้เป็นตัวอย่างว่าถูกต้อง โปร่งใส เป็นธรรม และชอบธรรมหรือไม่ โดยมี “จรัญ ภักดีธนากุล”เป็นประธาน หวั่นการบริหารสัญญากับคู่สัญญามีปัญหาเหมือนไอทีวีกับ สปน. ด้านพนักงานอสมทเฮรับโบนัส 4 เดือนก่อน ขณะที่เครือข่ายด้านสัตว์ป่า เตรียมฟ้อง “สุรยุทธ์-ปลอดประสพ”ต่อศาลปกครอง ฐานไม่ตรวจสอบและยกเลิกโครงการเชียงใหม่ ไนท์ซาฟารี ทั้งที่กระทำผิดและไม่โปร่งใส

แหล่งข่าวจาก บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า วานนี้ (26 ธ.ค.) นายพงศ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร รองประธานกรรมการ รักษาการในตำแหน่ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้ลงนามในคำสั่ง บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาด้านสัญญาและกฎหมาย ตามที่คณะกรรมการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เห็นชอบ

โดยคำสั่งดังกล่าวได้แจ้งถึงการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าวเพื่อให้การบริหารในกิจการทั่วไป และการบริหารงานในเชิงธุรกิจของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ในด้านสัญญากับบริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (ช่อง 3) บริษัท ยูไนเต็ด บรอสคาสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ยูบีซี เคเบิ้ล เน็ตเวิร์ก จำกัด (มหาชน) และกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการดำเนินกิจการบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เป็นไปอย่างถูกต้อง โปร่งใส เป็นธรรม และชอบด้วยกฎหมาย โดยมีความรับผิดชอบต่อบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ผู้ถือหุ้น พนักงานบริษัทฯ สังคม และประเทศชาติ หรือไม่

คณะกรรมการพิจารณาด้านสัญญาและกฎหมายดังกล่าว มีนายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานกรรมการ ส่วนกรรมการประกอบด้วย รศ.ตร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ค์ นายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร ดร.พาภร เอกอรรถพร ดร.พินัย ณ นคร รศ.ดร.ศนันท์ภรณ์ โสตถิพันธ์ ผศ.ธิติพันธ์ เชื้อบุญชัย ดร.ดาราพร ถิรวัฒน์ นายสิทธิโชค ศรีเจริญ นายวีระชัย คล้ายทอง นายสมศักดิ์ สันทนาคณิต มีนายพิเชษฐ เมาลานนท์ เป็นกรรมการและเลขานุการ และนายพลชัย วินิจฉัยกุล เป็นผู้ช่วยเลขานุการ

ทั้งนี้ คณะกรรมการพิจารณาสัญญาและกฎหมาย มีอำนาจและหน้าที่ ศึกษาสัญญา และการดำเนินการด้านกฎหมายของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ว่าได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง โปร่งใส เป็นธรรม และชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ รวมทั้งเสนอแนะการปรับปรุงสัญญา รูปแบบและการดำเนินการด้านสัญญาและกฎหมายของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการดำเนินกิจการของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) สังคม และประเทศชาติ มีความถูกต้องเป็นธรรม โปร่งใส และชอบด้วยกฎหมาย

แหล่งข่าวจาก อสมท กล่าวว่า การแต่งตั้งคณะกรรมการชุดนี้ จะแตกต่างจากคณะกรรมการชุดที่มี พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ เป็นประธานกรรมการ เนื่องจากชุดดังกล่าวนี้จะมีหน้าที่ในการสอบสวนข้อเท็จจริงในกรณีต่างๆ เกี่ยวกับการทุจริต หรือการบริหารงานบกพร่องกรณีรายการ “คุยคุ้ย-ข่าว” รวมทั้ง กรณีธุรกิจอื่นๆ ตลอดจนการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ผู้ถือหุ้น พนักงานหรือรัฐ

ขณะที่ชุดใหม่ที่มี นายจรัญ เป็นประธานกรรมการนี้ จะมีหน้าที่ในการดูแลและจัดการพิจารณา คู่สัญญาที่ทำสัญญาสัมปทานกับ อสมท เป็นหลัก คือ ช่อง 3 และยูบีซีกรุ๊ป รวมทั้งการศึกษาถึงความชัดเจนถึงข้อสัญญา กฎหมายต่างๆ เนื่องจากขณะนี้ อสมท แปลงสภาพเป็นบริษัทมหาชนแล้ว ต่างจากในอดีตที่เป็นรัฐวิสาหกิจ ดังนั้นจึงต้องศึกษาดูในแง่ของกฎหมายว่าเมื่ออยู่ในสถานภาพที่เปลี่ยนแปลงไปแล้วจะใช้กฎหมายตรงใดได้บ้างและต้องทำอย่างไร

“การเปลี่ยนแปลงที่ผ่านมา ทำให้เราต้องหันมาดูข้อกฎหมายอย่างรอบคอบ อีกทั้ง อสมท เองก็ถูก นายวีระ สมความคิด ฟ้องศาลปกครอง เพื่อต้องการให้ อสมท กลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจดังเดิม แต่เราไม่ได้ตั้งกรรมการขึ้นมาเพื่อที่จะกลับไปเป็นรัฐวิสาหกิจดังเดิม แต่เราทำเพราะต้องการศึกษาสถานภาพการใช้กฎหมายของเรามากกว่า

นอกจากนี้ยังเป็นการศึกษาเพื่อหาทางบริหารงานกับคู่สัญญาไม่ให้เกิดเป็นปัญหาขึ้นมา ซึ่งสังเกตได้จากตัวอย่างที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ที่รัฐวิสาหกิจจำนวนมาก แปรสถานภาพเป็นบริษัทมหาชนแล้วเกิดปัญหา หรือแม้แต่กรณีของ ไอทีวี ที่เป็นคู่สัญญากับทางสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่มีปัญหาฟ้องร้องกันอยู่ในเวลานี้ เกิดมาจากปัญหาในเรื่องของสัญญาและกฎหมายทั้งสิ้น ซึ่งทาง อสมท ก็เห็นความสำคัญจึงได้ตั้งกรรมการชุดนี้ขึ้นมา เพื่อศึกษาและดูในเชิงลึกเพื่อไม่ให้การบริหารสัญญากับคู่สัญญาเกิดปัญหาขึ้นมา

แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า คณะกรรมการฯ ชุดใหม่นี้คาดว่าจะเริ่มการประชุมได้ในเร็วๆ นี้ แต่ไม่ได้มีกรอบว่าจะต้องสรุปเมื่อใด เพราะอย่างที่กล่าวไว้แล้วว่า ไม่ใช่ว่ามีปัญหาหรือโจทก์ที่เกิดขึ้นแล้วตั้งกรรมการมาแก้ไขมาตรวจสอบแต่อย่างใด

แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่าในการประชุมบอร์ดครั้งนี้ ยังมีการอนุมัติจ่ายโบนัสให้กับพนักงาน อสมท ปี 2549 นี้จำนวน 4 เดือนก่อน และหากปิดบัญชีเรียบร้อยแล้ว ก็อาจจะมีการให้เพิ่มเติมอีกด้วย เนื่องจากผลประกอบการปี 2549 นี้มีกำไร ขณะที่ปีที่แล้ว อสมท แจกโบนัสพนักงาน 5 เดือน

เตรียมฟ้องไนท์ซาฟารี 28 ธ.ค.

วันเดียวกัน นายชัยพันธ์ ประภาสวัต ผู้อำนวยการสถาบันเพื่อสิทธิชุมชน กล่าวในการสัมมนาเรื่องกลไกและกระบวนการแก้ไขปัญหาการค้าสัตว์ป่าในประเทศไทย ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยว่า ในวันที่ 28 ธ.ค.นี้ ทางเครือข่ายด้านสัตว์ป่าเตรียมจะเข้ายื่นฟ้องร้องศาลปกครองสูงสุด ให้เอาผิดกับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี นายปลอดประสพ สุรัสวดี ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ ไนท์ ซาฟารี รวมทั้งองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) เนื่องจากไม่ตรวจสอบและยกเลิกสวนสัตว์เชียงใหม่ ไนท์ ซาฟารี ทั้งที่รู้ว่ามีการกระทำผิดทั้งเรื่องความไม่โปร่งใส มีการทำให้สัตว์ป่าตายจำนวนมาก ที่สำคัญยังละเมิดข้อกฎหมายนำป่ามาใช้ประโยชน์ ซึ่งกรณีนี้ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกับเรื่องกรณีการยกเลิกหวยใต้ดิน หากรัฐบาลเห็นว่าทำผิดกฎหมาย ซึ่งแม้ว่ารัฐบาลชุดนี้จะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการสมัยรัฐบาลทักษิณ แต่เมื่อภาคสังคมพยายามเรียกร้องให้ยกเลิกและตรวจสอบข้อเท็จจริงกลับนิ่งเฉย ดังนั้น จึงต้องเดินหน้าเรื่องนี้ต่อไป

ทั้งนี้ที่ผ่านมาไนท์ ซาฟารีมีสัตว์จำนวนมากล้มตายเพราะระบบการดูแลจัดการไม่ดี และในอนาคตกำลังจะเป็นอนุสรณ์สถานที่ทำลายพื้นที่ป่าดอยสุเทพ-ปุย จำนวน 800 ไร่ ที่ถูกนำไปสร้างสวนสัตว์ ซึ่งถือว่าผิดวัตถุประสงค์ เนื่องจากใช้เงินหลวง แต่การบริหารภายใต้องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) มีการเก็บเงิน และยังมีความไม่โปร่งใสในหลายด้าน การซื้อสัตว์ป่า เป็นต้น


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.