สืบวงษ์ สุขะมงคล คนหนุ่ม...ทายาทพัฒนายนต์


นิตยสารผู้จัดการ( ตุลาคม 2537)



กลับสู่หน้าหลัก

ในขณะที่น้องอีก5 คน ล้วนอยู่ระหว่างกำลังศึกษาด้านการบริหาร ในสถาบันการศึกษาต่าง ๆ สืบวงษ์ สืบขะมงคล ทายาทคนโตวัยเพียง 26 ปี ของสุทิน และวิจิตรา สุขะมงคล จึงถูกวางบทบาทให้เป็นดั่งกองหน้าในหมู่พี่น้องทั้ง 6 คน ที่เข้ามาดูแลกิจการของบริษัท พัฒนายนต์ชลบุรี จำกัด ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมานาน จาก ธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องจักรกลการ เกษตรและเรือประมง

และพร้อมกับการสืบสาน สืบวงษ์ กำลังถูกวางบทบาทให้เป็นไปตามแผนงานของผู้เป็นบิดามารดาที่จะขยายอาณาจักรสู่ธุรกิจอื่น ๆ โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับธุรกิจพัฒนาที่ดิน

สืบวงษ์ เริ่มสะสมประสบการณ์ในการทำธุรกิจด้วยการช่วยงานด้านทั่ว ๆ ไปในธุรกิจของครอบครัว หลังจากที่สำเร็จการศึกษาขั้นปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ สาขาการเงิน พ่วงด้วยเกียรตินิยมอันดับ 2 จากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในปี 2532 ซึ่งเป็นปีที่ธุรกิจพัฒนาที่ดินบูมสุดขีด และบริษัท พัฒนายนต์ชลบุรี เริ่มกระโดดเข้าสู่ธุรกิจพัฒนาที่ดิน

ในขณะที่มีธุรกิจในเครืออีก 20 บริษัท เช่นบริษัทบางนาพืชผล อิมปอร์ตเอกซ์ ปอร์ต, บริาทซี.เอส.เอส.ซี, บริษัทหอมศีลคอนกรีตผลิตเสาเข็ม, บริษัทเจริญมาริน ฯลฯ

ทรัพย์สิน ของบริษัททั้งหมดรวมกันแล้ว มีมูลค่านับหมื่นล้าน

เป็นเวลา 2 ปีที่ สืบวงษ์ สะสมประสบการณ์การทำงานหลังจากนั้นจึงเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาโทด้านการบริหารทั่วไป จากมหาวิทยาลัยซีแอตเติ้ล สหรัฐอเมริกา จนสำเร็จการศึกษาและกลับมาช่วยงานธุรกิจครอบครัวอีกครั้งหนึ่ง

ครั้งแรกอาจเรียกได้ว่า เป็นการ " ชิมลาง" แต่การเข้ามาจับงานครั้งใหม่ สืบวงษ์ ถูกวางบทบาทที่สำคัญมากขึ้น

ปัจจุบัน วิจิตรา ผุ้เป็นแม่ เริ่มเปิดตัวทายาททางธุรกิจคนนี้ โดยพาไปตามงานต่าง ๆ เพี่อแนะนำให้คนในแวดวงธุรกิจรู้จัก ในฐานะกรรมการผู้จัดการบริษัท พัฒนายนต์ชลบุรี จำกัด และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัท แพทโก้แลนด์จำกัด เจ้าของโครงการสามนุช ธานี ที่ชลบุรี

" ขณะนี้ผมมีหน้าที่ดูแลกิจการของบริษัทในเครือ โดยแม่ให้ดูงานด้านพัฒนาทึ่ดิน งานการเงิน การบัญชี งานเกี่ยวกับเครื่องยนต์ และวางนโบายบริษัทในเครือในลักษณะที่ยังไม่ลงในรายละเอียดมากนัก" สืบวงษ์ พูดถึงบทบาทความรับผิดชอบของเขา ซึ่งดูแล้วออกจะกว้างขวาง ครอบคลุมธุรกิจทั้งหมดของครอบครัว

สืบวงษ์ ให้ความเห็น ถึงความแตกต่างระหว่างการดูแลพัฒนายนต์กับบริษัทพัฒนาที่ดิน กับ " ผู้จัดการ" ว่า ธุรกิจการพัฒนาที่ดินเป็นธุรกิจที่ทำเป็นโปรเจคต์ เป็นลูกค้าใหม่และชื่อเสียงของบริษัทในช่วงแรกยังไม่มี ส่วนพัฒนายนต์เป็นธุรกิจที่ต้องคิดต่อเนื่องวิธีการบริหารเป็นการซื้อมาขายไปในลักษณะหมุนเวียน

แต่ถึงอย่างไรก็ตามต้องทุ่มความสามารถให้ ทั้ง 2 ธุรกิจ เพราะต่อไปทางบ้านต้องการยกระดับของธุรกิจพัฒนาที่ดินให้เทียบเท่ากับธุกริจพัฒนายนต์ โดยเฉพาะหลังจากเปิดโครงการวิจิตรธานีที่ กม.36 มูลค่า โครงการ 5,000 ล้านบาท มีแผนจะนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ

โดยให้แพทโก้แลนด์ เป็นบริษัทแม่ ในรูปของโฮลดิ้ง คัมปะนี เพราะเห็นว่า การพัฒนาที่ดินต้องใช้เงินทุนสูงในแง่ของการสะสมวัตถุดิบ คือที่ดิน

" หากเป็นบริษัทที่ไม่ได้เข้าตลาด จะไม่สามารถระดมทุนได้มาก ผิดกันกับบริษัทที่อยุ่ในตลาดฯ ซึ่งเป็นจุดที่ได้เปรียบ-เสียเปรียบอย่างมาก ต่อไปหากการแข่งขันสูง จะสู้บริษัทที่อยู่ในตลาดฯ ไม่ได้" สืบวงษ์กล่าว

ส่วนการแตกไลน์ไปทำธุรกิจอื่น ๆ เนื่องจากเป้าหมายของแม่ต้องการให้ดูแลธุรกิจในเครือก่อน หากธุรกิจไหนดี ก็ให้ขยายธุรกิจเดิมเพิ่มขึ้น หรือจะแตกไลน์ ไปทำธุรกิจ อย่างอื่นเพิ่มก็ได้

" ผมสนใจธุรกิจไฟแนนซ์ โดยเฉพาะบริษัทในกลุ่มเงินทุนหลักทรัพย์ น่าเป็นไปได้ในการลงทุน เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูง ในช่วงนี้ -10 ปีข้างหน้า แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับ " จังหวะการลงทุน" ด้วยเพราะการลงทุนหลายหน่วยเกินไป จะทำให้เงินจม ทำให้เกิดปัญหาได้"

ปัจจุบัน สืบวงษ์ พยายามเรียนรู้เพื่อไต่เต้าความเป็นนักบริหารมืออาชีพโดยเรียนรู้เทคนิคการบริหารกิจการจากมารดา ซึ่งเน้นเรื่องความอ่อนน้อม , ขยัน และเทคนิคการเจรจาต่อรอง ส่วนเทคนิคการบริหารบุคคลเรียนรู้จากพ่อ

ประสบการณ์ที่ผ่านมา ทั้งทางด้านการศึกษาและมุมมองทางธุรกิจ สามารถเคี่ยวกรำให้สืบวงษ์มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลถึงจะอ่อนวัยมากในด้านอายุ แต่บนเส้นทางของนักธุรกิจย่อมเป็นที่ตระหนักดีว่า มีสิ่งที่ต้องเรียนรู้อีกมาก เพราะนั่นคือปัจจัยที่จะใช้ไต่เต้าสู่ความสำเร็จ



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.