ในขณะที่น้องอีก5 คน ล้วนอยู่ระหว่างกำลังศึกษาด้านการบริหาร ในสถาบันการศึกษาต่าง
ๆ สืบวงษ์ สืบขะมงคล ทายาทคนโตวัยเพียง 26 ปี ของสุทิน และวิจิตรา สุขะมงคล
จึงถูกวางบทบาทให้เป็นดั่งกองหน้าในหมู่พี่น้องทั้ง 6 คน ที่เข้ามาดูแลกิจการของบริษัท
พัฒนายนต์ชลบุรี จำกัด ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมานาน จาก ธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องจักรกลการ
เกษตรและเรือประมง
และพร้อมกับการสืบสาน สืบวงษ์ กำลังถูกวางบทบาทให้เป็นไปตามแผนงานของผู้เป็นบิดามารดาที่จะขยายอาณาจักรสู่ธุรกิจอื่น
ๆ โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับธุรกิจพัฒนาที่ดิน
สืบวงษ์ เริ่มสะสมประสบการณ์ในการทำธุรกิจด้วยการช่วยงานด้านทั่ว ๆ ไปในธุรกิจของครอบครัว
หลังจากที่สำเร็จการศึกษาขั้นปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ สาขาการเงิน พ่วงด้วยเกียรตินิยมอันดับ
2 จากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในปี 2532 ซึ่งเป็นปีที่ธุรกิจพัฒนาที่ดินบูมสุดขีด
และบริษัท พัฒนายนต์ชลบุรี เริ่มกระโดดเข้าสู่ธุรกิจพัฒนาที่ดิน
ในขณะที่มีธุรกิจในเครืออีก 20 บริษัท เช่นบริษัทบางนาพืชผล อิมปอร์ตเอกซ์
ปอร์ต, บริาทซี.เอส.เอส.ซี, บริษัทหอมศีลคอนกรีตผลิตเสาเข็ม, บริษัทเจริญมาริน
ฯลฯ
ทรัพย์สิน ของบริษัททั้งหมดรวมกันแล้ว มีมูลค่านับหมื่นล้าน
เป็นเวลา 2 ปีที่ สืบวงษ์ สะสมประสบการณ์การทำงานหลังจากนั้นจึงเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาโทด้านการบริหารทั่วไป
จากมหาวิทยาลัยซีแอตเติ้ล สหรัฐอเมริกา จนสำเร็จการศึกษาและกลับมาช่วยงานธุรกิจครอบครัวอีกครั้งหนึ่ง
ครั้งแรกอาจเรียกได้ว่า เป็นการ " ชิมลาง" แต่การเข้ามาจับงานครั้งใหม่
สืบวงษ์ ถูกวางบทบาทที่สำคัญมากขึ้น
ปัจจุบัน วิจิตรา ผุ้เป็นแม่ เริ่มเปิดตัวทายาททางธุรกิจคนนี้ โดยพาไปตามงานต่าง
ๆ เพี่อแนะนำให้คนในแวดวงธุรกิจรู้จัก ในฐานะกรรมการผู้จัดการบริษัท พัฒนายนต์ชลบุรี
จำกัด และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัท แพทโก้แลนด์จำกัด เจ้าของโครงการสามนุช
ธานี ที่ชลบุรี
" ขณะนี้ผมมีหน้าที่ดูแลกิจการของบริษัทในเครือ โดยแม่ให้ดูงานด้านพัฒนาทึ่ดิน
งานการเงิน การบัญชี งานเกี่ยวกับเครื่องยนต์ และวางนโบายบริษัทในเครือในลักษณะที่ยังไม่ลงในรายละเอียดมากนัก"
สืบวงษ์ พูดถึงบทบาทความรับผิดชอบของเขา ซึ่งดูแล้วออกจะกว้างขวาง ครอบคลุมธุรกิจทั้งหมดของครอบครัว
สืบวงษ์ ให้ความเห็น ถึงความแตกต่างระหว่างการดูแลพัฒนายนต์กับบริษัทพัฒนาที่ดิน
กับ " ผู้จัดการ" ว่า ธุรกิจการพัฒนาที่ดินเป็นธุรกิจที่ทำเป็นโปรเจคต์
เป็นลูกค้าใหม่และชื่อเสียงของบริษัทในช่วงแรกยังไม่มี ส่วนพัฒนายนต์เป็นธุรกิจที่ต้องคิดต่อเนื่องวิธีการบริหารเป็นการซื้อมาขายไปในลักษณะหมุนเวียน
แต่ถึงอย่างไรก็ตามต้องทุ่มความสามารถให้ ทั้ง 2 ธุรกิจ เพราะต่อไปทางบ้านต้องการยกระดับของธุรกิจพัฒนาที่ดินให้เทียบเท่ากับธุกริจพัฒนายนต์
โดยเฉพาะหลังจากเปิดโครงการวิจิตรธานีที่ กม.36 มูลค่า โครงการ 5,000 ล้านบาท
มีแผนจะนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ
โดยให้แพทโก้แลนด์ เป็นบริษัทแม่ ในรูปของโฮลดิ้ง คัมปะนี เพราะเห็นว่า
การพัฒนาที่ดินต้องใช้เงินทุนสูงในแง่ของการสะสมวัตถุดิบ คือที่ดิน
" หากเป็นบริษัทที่ไม่ได้เข้าตลาด จะไม่สามารถระดมทุนได้มาก ผิดกันกับบริษัทที่อยุ่ในตลาดฯ
ซึ่งเป็นจุดที่ได้เปรียบ-เสียเปรียบอย่างมาก ต่อไปหากการแข่งขันสูง จะสู้บริษัทที่อยู่ในตลาดฯ
ไม่ได้" สืบวงษ์กล่าว
ส่วนการแตกไลน์ไปทำธุรกิจอื่น ๆ เนื่องจากเป้าหมายของแม่ต้องการให้ดูแลธุรกิจในเครือก่อน
หากธุรกิจไหนดี ก็ให้ขยายธุรกิจเดิมเพิ่มขึ้น หรือจะแตกไลน์ ไปทำธุรกิจ อย่างอื่นเพิ่มก็ได้
" ผมสนใจธุรกิจไฟแนนซ์ โดยเฉพาะบริษัทในกลุ่มเงินทุนหลักทรัพย์ น่าเป็นไปได้ในการลงทุน
เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูง ในช่วงนี้ -10 ปีข้างหน้า แต่ทั้งนี้
ขึ้นอยู่กับ " จังหวะการลงทุน" ด้วยเพราะการลงทุนหลายหน่วยเกินไป
จะทำให้เงินจม ทำให้เกิดปัญหาได้"
ปัจจุบัน สืบวงษ์ พยายามเรียนรู้เพื่อไต่เต้าความเป็นนักบริหารมืออาชีพโดยเรียนรู้เทคนิคการบริหารกิจการจากมารดา
ซึ่งเน้นเรื่องความอ่อนน้อม , ขยัน และเทคนิคการเจรจาต่อรอง ส่วนเทคนิคการบริหารบุคคลเรียนรู้จากพ่อ
ประสบการณ์ที่ผ่านมา ทั้งทางด้านการศึกษาและมุมมองทางธุรกิจ สามารถเคี่ยวกรำให้สืบวงษ์มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลถึงจะอ่อนวัยมากในด้านอายุ
แต่บนเส้นทางของนักธุรกิจย่อมเป็นที่ตระหนักดีว่า มีสิ่งที่ต้องเรียนรู้อีกมาก
เพราะนั่นคือปัจจัยที่จะใช้ไต่เต้าสู่ความสำเร็จ