'ซีเอ็ม'วางเป้า3ปีทะลุพันล้านบาทปัดฝุ่นแผนอีเวนต์-ร่วมทุนกัมพูชา


ผู้จัดการรายวัน(22 ธันวาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

ซีเอ็ม วางเป้าหมาย 3 ปี ต้องโกยรายได้ 1,000 ล้านบาท เปิดแผนรุกหนักทั้งในและต่างประเทศ โดยปีหน้าเริ่มวางรากฐานองค์กร คาดรายได้เติบโตไม่มากแค่ 5% ปัดฝุ่นแผนลุยกลุ่มธุรกิจซีเอ็มอี ด้านต่างประเทศประเดิมผุดบริษัทร่วมทุนกับกลุ่มบายนในกัมพูชาลงทุนกว่า 10ล้านบาท คิวต่อไปเล็งที่จีนกับเวียดนาม

นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเอ็ม ออร์กาไนเซอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการเติบโตในช่วง 3 ปีนับจากนี้ จะมีผลประกอบการ 1,000 ล้านบาท ทั้งจากในและต่างประเทศ โดยในส่วนของต่างประเทศนั้นจะมีธุรกิจที่เข้าไปตั้งบริษัทร่วมทุนอย่างต่ำ 2ประเทศ และมีกิจกรรมในอีก 5ประเทศ ส่วนตลาดในประเทศไทยจะใช้งบลงทุนเฉลี่ย 50ล้านบาทต่อปี โดยยึดนโยบาย"ก้าวร้าวทางการตลาดแต่อนุรักษ์นิยมด้านการเงิน"

ในช่วงปีหน้าจะเป็นปีแรกของการเดินไปสู่เป้าหมาย โดยจะเป็นปีที่บริษัทฯ เริ่มวางรากฐานองค์กรให้มั่นคงและมีศักยภาพมากขึ้น จึงอาจจะมีอัตราการเติบโตของผลประกอบการไม่มากนัก เพราะเน้นการปรับองค์กรให้มีความพร้อมคาดว่าจะเติบโต 5% ขณะที่เศรษฐกิจประเทศจะโต 5% ส่วนธุรกิจอีเวนต์โดยรวมจะเติบโต 8% ในขณะที่ปีนี้บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้เติบโต 20% จากปีที่แล้ว โดยช่วง 9เดือนแรกของปี 2549 บริษัทฯมีรายได้รวม 540 ล้านบาท และมีกำไร 65 ล้านบาท ขณะที่รายได้ปีที่แล้วทั้งปีมีประมาณ 512ล้านบาท และมีกำไร 30 ล้านบาท

การตั้งอัตราเติบโตปีหน้าแค่ 5% เป็นไปตามสภาพเศรษฐกิจ ที่จะทำให้สภาพตลาดอีเวนต์โดยรวมโตแค่ 8% เนื่องจากคาดว่าเม็ดเงินอีเวนต์จากภาครัฐจะหายไปมาก จากปีนี้ที่มีเม็ดเงินสะพัดกว่า 4,000-5,000 ล้านบาท ส่วนงานของภาคเอกชนนั้นก็จะปรับเป็นงานอีเวนต์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นแต่ลดความถี่ลง ซึ่งปีหน้าทุกบริษัทฯ จะต้องมุ่งเน้นงานทางภาคเอกชนมากขึ้น ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ ก็อยู่ระหว่างการเสนอประมูลงานประมาณ 5-6 โครงการ มูลค่างานรวมไม่ต่ำวกว่า 200 ล้านบาท

สำหรับแผนการดำเนินงานสู่เป้าหมาย 3ปี ในส่วนของตลาดต่างประเทศ ล่าสุดได้ร่วมมือกับบริษัท บายน เรดิโอ แอนด์ เทเลวิชั่น จำกัด ผู้ประกอบการโทรทัศน์รายใหญ่ของกัมพูชา ตั้งบริษัท บายน ซีเอ็ม ออร์กาไนเซอร์ จำกัด ใช้เงินลงทุน 10 ล้านบาท โดยบริษัทถือหุ้น 75% เพื่อเน้นรับงานทางด้านอีเวนต์ท่องเที่ยวและธุรกิจไมซ์และงานต่างๆ คาดว่าจะสร้างรายได้ปีแรก 36 ล้านบาท ส่วนประเทศอื่นอยู่ระหว่างเจรจาเช่น จีนและเวียดนาม

"การรุกตลาดในต่างประเทศนั้น จะเน้นหนักธุรกิจทางด้านใด ขึ้นอยู่กับสภาพของตลาดในประเทศนั้น รวมทั้งพฤติกรรมผู้บริโภคด้วย เพราะจะแตกต่างกัน เช่น ในกัมพูชา ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีการเติบโตมาก เราจึงต้องรองรับทางด้านนี้ รวมทั้งธุรกิจสื่อด้วยที่เริ่มบูม แต่ในเวียดนามนั้น ตลาดคอนซูเมอร์โปรดักต์ก็เติบโตดี ก็ต้องแล้วแต่การสำรวจวิจัยว่าจะทำอะไรที่เหมาะสม"

ขณะที่แผนการรุกในประเทศนั้นจะใช้เงินลงทุนเฉลี่ย 50ล้านบาทต่อปี ยึดนโยบาย 4 ธุรกิจหลักคือ 1.พีอีโอ ( พรีเซ็นเทชั่น-เอ็กซ์ซิบิชั่น-ออร์กาไนเซอร์) 2.ซีเอ็มอี ( คอร์ปอเรทมาร์เกตติ้งอีเว้นท์) 3.เอซีอี (อาร์ท-คัลเจอร์-เอนเตอร์เทนเม้นท์) 4.เอ็มไอซีอี ( มีทติ้ง-อินเซนทีฟ-คอนเวนชั่น-เอ็กซ์ซิบิชั่น) โดยสัดส่วนรายได้หลักนั้นจะยังคงมาจาก กลุ่มธุรกิจซีเอ็มอี

"ธุรกิจซีเอ็มอีหรือ คอร์ปอเรท มาร์เกตติ้ง อีเว้นท์ นั้น เป็นตลาดที่ทำรายได้หลักของเรา มาตลอด ซึ่งเคยสูงกว่า 300-400 ล้านบาท แต่ปัจจุบันแม้จะใหญ่สุดแต่ก็ลดอัตรารายได้ลงมาเหลือแค่ 200 กว่าล้านบาทเท่านั้น เนื่องจากเราไปมุ่งขยายในส่วนอื่นมากขึ้นจนประสบความสำเร็จ ดังนั้นในปีหน้านอกจากจะขยายส่วนอื่นแล้ว ในส่วนของซีเอ็มอีนี้เราจะกลับมารุกหนักมากขึ้น เพื่อทวงตำแหน่งผู้นำตลาดส่วนนี้" นายเสริมคุณกล่าว

นายเสริมคุณ กล่าวต่อว่า รูปแบบการรุกของซีเอ็มอีนี้คือ 1.การพัฒนาระบบแอคเคาน์เพื่อสร้างบริการต่อเนื่องในหมวดต่างๆ 2.ลงทุนทางด้านเทคโนโลยีและอุปกรณ์ด้านเครือข่าย 3.ขยายบริการลักษณะไอเอ็มซีมากขึ้น เช่น การทำดาต้าเบสของลูกค้า การทำพีอาร์ การทำวิจัยบตลาดบางส่วน 4.เพิ่มบุคลากรที่มีความชำนาญมากขึ้น

สำหรับธุรกิจอีเวนต์ที่บริษัทฯจัดขึ้นเองนั้นก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะให้ความสำคัญมากขึ้น เนื่องจากสาเหตุหนึ่งมาจากการที่งานอีเวนต์ของภาครัฐจะน้อยลงด้วย ซึ่งขณะนี้บริษัทฯมีงานอีเว้นท์ที่จัดขึ้นเอง 3งาน เช่นหัวหินแจ๊ส และรับบริหาร 1งานคือ เอเชียนไมซ์ มูลค่างาน 30ล้านบาท โดยในปีหน้าคาดว่าจะจัดเพิ่มอีก 3งาน ซึ่งปีนี้ทำรายได้ให้กับบริษัทฯไม่มากแค่ 15% คาดว่าปีหน้าจะเพิ่มเป็น 20%

ส่วนธุรกิจการผลิตรายการโทรทัศน์นั้น หลังจากที่ปีนี้ได้เริ่มขยายเข้าสู่ธุรกิจนี้ด้วยการผลิตรายการ สยามศิลปิน ออกอากาศทางช่อง ไอทีวี เริ่มเมื่อต้นเดือนธันวาคมนี้ เป็นรายการเชิดชูศิลปินเอก 12ท่าน เนื่องจากบริษัทฯมีความชำนาญทางด้านงานศิลปะวัฒนธรรม บันเทิง คาดว่าจะสร้างรายได้ในไตรมาสแรกปีหน้า 10ล้านบาท แต่ในปีหน้ายังไม่มีนโยบายที่จะผลิตรายการเพิ่มขึ้น


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.