ตลาดตราสารหนี้ 6 หมื่นล.วุ่น กองทุนฝรั่งหนี ธปท.คุมบาท-โวยลามทั้งระบบ


ผู้จัดการรายวัน(20 ธันวาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

ผู้จัดการกองทุน สวด ธปท.ยับ หลังออกมาตรการสกัดเก็งกำไรค่าเงินบาทรอบใหม่ ทำตลาดหุ้นพ่วงตลาดตราสารหนี้ป่วน ลงทุนพันธบัตรระยะสั้นช็อต เผยฝรั่งโยกเงินหนีตลาดหุ้นไทย ชี้นั่งอยู่บนหอคอยงาช้าง ออกกฎไม่ถามผู้ปฏิบัติ แนะดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายด้วยการ ลดอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตร (อาร์/พี) เพื่อลดแรงเก็งกำไรในตลาดเงิน

หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกประกาศเพื่อสกัดกั้นการเก็งกำไรค่าเงินบาท โดยกำหนดให้สถาบันการเงินที่รับซื้อหรือ แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นเงินบาท ต้องกันเงินสำรองเป็นเงินตราต่างประเทศไว้ 30% ของเงินตราต่างประเทศที่นำมาแลกทั้งหมด ส่วนที่เหลือ 70% ให้รับซื้อหรือแลกเปลี่ยนให้ลูกค้า โดยเมื่อครบกำหนด 1 ปี ลูกค้าจะต้องแสดง หลักฐานให้ชัดเจนว่าได้นำเงินเข้ามาลงทุนอยู่ใน ประเทศเกิน 1 ปี จึงจะได้เงินที่กันสำรองไว้ 30% คืนไป หากลูกค้าต้องการเงินทุนกลับก่อนกำหนด 1 ปี จะได้รับเงินคืนเพียง 2 ใน 3 ของเงินที่กันไว้เท่านั้น ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค. 2549 ที่ผ่านมา ได้ฉุดความเชื่อมั่นการลงทุนในตลาดหุ้นเป็นอย่างมาก ฉุดให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับลดลงกว่า 100 จุด และเป็นที่มาของเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของบรรดานักเศรษฐศาสตร์ ผู้จัดการกองทุน และคนในแวดวงตลาดเงินตลาดทุนเป็นอย่างมาก เนื่องจากมาตรการที่ออกมาในช่วงก่อนหน้าไม่ได้มีการปรึกษา หรือขอคำแนะนำจากผู้ปฏิบัติ

**กองทุนนอกโยกเงินกลับทันควัน

แหล่งข่าวผู้จัดการกองทุนต่างประเทศ กล่าวว่า หลังจากที่ ธปท.ออกมาตรการสกัดการเก็งกำไร ได้ส่งผลให้กองทุนต่างประเทศที่มีนโยบายลงทุนในตลาดหุ้นไทย ซึ่งบางกองทุนมีนโยบายชัดเจน หากประเทศไหนออกมาตรการ หรือมีการคุมเงินทุนเคลื่อนย้ายจะต้องถอนเงินลงทุนทันที ซึ่งจุดนี้เอง ทำให้กองทุนต่างชาติมีการเทขายหุ้นออกมา และเตรียมย้ายการลงทุนไปประเทศเพื่อนบ้านที่ไม่มีนโยบายคุมเงินทุนเคลื่อนย้าย

แหล่งข่าวผู้จัดการกองทุนให้ความเห็นว่า มาตรการที่ ธปท.ออกมาถือเป็นการแก้ไขปัญหาไม่ตรงจุด ทั้งที่ ธปท.ออกมาแสดงจุดยืนชัดว่าต้องการสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาท แต่วานนี้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเพียง 0.50 สตางค์เท่านั้น ขณะที่ตลาดหุ้นร่วงลงกว่า 100 จุด

สำหรับการเคลื่อนไหวของตลาดตราสารหนี้ในช่วงที่ผ่านมา (ระหว่าง 20 พฤศจิกายน-15 ธันวาคม) มูลค่าการซื้อขายตราสารหนี้ของนักลงทุนต่างประเทศมีประมาณ 60,000 ล้านบาท แบ่งเป็นลงทุนในพันธบัตรระยะสั้นอายุไม่เกิน 1 ปี ในสัดส่วน 25% อายุ 1-3 ปี 53% อายุ 3-5 ปี 1% และอายุ 6-10 ปี 17%

แหล่งข่าวกล่าวว่า วานนี้มูลค่าการซื้อขายในตลาดตราสารหนี้มีน้อยมาก ตลาดพันธบัตรแทบไม่มีการเคลื่อนไหว ขณะที่ตลาดการกู้ยืมระหว่างธนาคาร (สวอป) มีการทำรายการซื้อขายโดยดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเพียง 0.20%

แหล่งข่าวจากโบรกเกอร์ กล่าวว่า มาตรากรที่ ธปท.ออกมาได้ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเป็นอย่างมาก ทั้งๆ ที่สาระสำคัญต้องการป้องกันการเก็งกำไรค่าเงินบาท ซึ่งมาตรการที่ออกมาทำให้กองทุนต่างชาติบางกองทุนเตรียมเคลื่อนย้ายเงินทุนไปลงทุนในตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน ซึ่งไม่มีนโยบายคุมการเคลื่อนย้ายเงิน

อย่างไรก็ตาม สำหรับนโยบายการลงทุนของกองทุนคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดว่า ท้ายที่สุดแล้ว ธปท.จะยกเลิกมาตรการที่ออกมาหรือไม่

**ตลาดหุ้น-ตราสารหนี้ป่วน

“มาตรการที่ออกมาส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้น เป็นอย่างมาก หุ้นปรับตัวลดลงกว่า 100 จุด ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วมาตรการที่ ธปท.ออกมาต้องการสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาท สิ่งที่เกิดขึ้นจึงสะท้อนให้เห็นว่า มาตรการที่ออกมาเป็นแนวคิดของนักวิชาการ ที่นั่งอยู่บนหอคอยงาช้าง ไม่สอบถามผู้ปฏิบัติ” แหล่งข่าวจากธนาคารพาณิชย์ กล่าว

นายอนุสรณ์ ธรรมใจ นักเศรษฐศาสตร์อิสระ ให้ความเห็นถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการออกมาตรการสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาทว่า การเข้ามาดูแลเสถียรภาพของค่าเงินบาทของธปท.ควรใช้มาตรการที่ไม่มีผลรกะทบต่อตลาดเงิน และตลาดทุน หรือถ้ามีผลกระทบก็ต้องให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด เพราะต้องยอมรับว่าการแข็.ค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในช่วงที่ผ่านมา เกิดจากการที่สถานะดุลการค้า โดยเฉพาะดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยเริ่มดีขึ้น และตัวแปรที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือค่าเงินดอลลาร์ที่มีแนวโน้มอ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลอื่น นอกจากนี้ ธปท.ต้องมีข้อมูลให้ชัดว่านักลงทุนจะตอบสนองมาตรการอย่างไร

“มาตรการที่ ธปท.ออกมาเป็นใครๆ ก็ตกใจ เพราะมาตรการที่ออกมาคล้ายกับมาตรการที่ประเทศชิลีใช้เมื่อ 10 ปีก่อน ในการควบคุมเงินทุนเคลื่อนย้ายระยะสั้น ที่มีการออกมาตรการเก็บภาษีเงินไหลเข้า-ออก เพื่อลดการไหลเข้าของเงินทุนระยะสั้น หรือที่เรียกว่า Tobin Tax” นายอนุสรณ์ กล่าว

นายอนุสรณ์ กล่าวว่า การเทขายหุ้นออกมาเมื่อวานนี้ (19 ธ.ค.) ที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนต่างชาติค่อนข้างไม่พอใจกับมาตรการที่ออกมา ซึ่งคล้ายกับการควบคุมเงินทุนเคลื่อนย้าย หรือจำกัดการลงทุน และมาตรการที่ออกมาก็ไม่สามารถตอบโจทย์การเก็งกำไรค่าเงินบาทได้

นักเศรษฐศาสตร์อิสระ เสนอแนะว่า ทางออกของการแก้ปัญหาธปท.ควรประกาศลดอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตร (อาร์/พี) ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้มีเงินเคลื่อนย้ายเข้ามาเก็งกำไรในตลาดพันธบัตร และการลดดอกเบี้ยจะเป็นปัจจัยบวกกับเศรษฐกิจ เนื่องจากจะทำให้เกิดการลงทุนในช่วง 4-6 เดือนข้างหน้า เนื่องจากในปัจจุบันปัญหาเงินเฟ้อไม่น่ากังวลมากนัก หาก ธปท.ใช้นโยบายการเงินมากพอ จะช่วยลดแรงจูงใจเงินไหลเข้ามาเก็งกำไรในตลาดเงินได้


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.