|
เจ้าพ่อน้ำเมา”เจริญ”รุกธุรกิจโรงแรม
ผู้จัดการรายวัน(18 ธันวาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
นางวัลลภา ไตรโสรัส รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ที.ซี.ซี. แลนด์ จำกัด เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานปี 2550 ในส่วนของธุรกิจโรงแรมว่า บริษัทจะให้ความสำคัญเพิ่มขึ้น และพร้อมลุยธุรกิจนี้อย่างเต็มที่ เนื่องจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ การเพิ่มมูลค่าให้แก่ที่ดินเปล่าที่มีอยู่แล้ว ให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น เป็นฐานสร้างรายได้ระยะยาวให้แก่บริษัท และอีกปัจจัยหนึ่งเป็นเพราะ ความพร้อมของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางย่านธุรกิจ และการท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นปัจจัยที่เข้ามาเสริมให้เกิดการเดินทางที่สะดวก เกิดการเดินทางเข้ามาเจรจาธุรกิจและติดต่อค้าขายในกรุงเทพเพิ่มขึ้น
ในส่วนนี้จะทำให้ดีมานดฺ ในกลุ่มโรงแรมระดับหรูที่อยู่ในย่านธุรกิจอย่างสุขุมวิท เป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้น ส่วนตามแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นเดสสิเนชั่นใหม่ๆ ที่จะเข้ามาอยู่ในความสนใจของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็เริ่มมีมากขึ้น ที่ เกาะสมุย มีการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะช่วงหลักเกิดเหตุการณ์สึนามิ
"การรุกสู่ธุรกิจโรงแรมมากขึ้น เพราะเป็นนโยบายของคุณพ่อ (นายเจริญ สิริวัฒนภักดี ประธานกลุ่มที.ซี.ซี.แลนด์) ที่ต้องการให้กระจายฐานธุรกิจให้ครอบคลุม โดยให้เน้นสร้างรายได้จากการขาย และค่าเช่า เพื่อลดความเสี่ยง อีกทั้งการดำเนินธุรกิจจะต้องทำสินค้าให้มีคุณภาพ และรองรับผู้บริโภคทุกระดับ เช่นเดียวกับธุรกิจเครื่องดื่มที่ในกลุ่มทำสินค้าทุกระดับราคา เพื่อให้ผู้บริโภคซื้อได้ อีกทั้งต้องหาซื้อได้ง่ายด้วย สำหรับธุรกิจโรงแรมจึงต้องขยายไปในทุกแห่ง ทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัด แต่ในเบื้องต้นบริษัทจะเน้นในกรุงเทพฯและจังหวัดที่มีศักยภาพด้านท่องเที่ยวเป็นหลัก"นางวัลลภา กล่าว
ขณะนี้บริษัทได้เจรจากับเชนโรงแรมระดับโลกไว้หลายเชน เพื่อให้เข้ามาบริหารโรงแรมที่อยู่ในเครือของบริษัททั้งแรงแรมที่เปิดดำเนินการแล้ว และโรงแรมใหม่ที่จะกำลังจะเปิดในอนาคต โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้มีโรงแรมที่หลากหลายระดับสำหรับรองรับลูกค้าได้ทุกกลุ่มเป้าหมาย เช่น โรงแรมที่สุรวงศ์ ซึ่งจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปีหน้า ได้มอบให้เชนเมอริเดียน ของกลุ่มสตาร์วูดเป็นผู้บริหาร
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะทุบทิ้งหรือรีโนเวตโรงแรมเก่าที่มีอยู่ เพื่อยกระดับโรงแรมให้เหมาะกับทำเลและกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในย่านที่โรงแรมนั้นตั้งอยู่ เช่น โรงแรมอิมพารา ซ.สุขุมวิท 24 จะทุบทิ้งสร้างใหม่เป็นโรงแรมระดับ 5ดาว ภายใต้ชื่อ"The Watts"ใช้แบรนด์ Luxury Collection ของสตาร์วูดบริหาร,โรงแรมธารา สุขุมวิท 26 จะปรับปรุงใหม่ภายใต้แบรนด์ 4 Point ของสตาร์วูด และโรงแรมย่านสีลมที่ ซ.พิพัฒน์ หลังธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ จะพัฒนาเป็นบูทีค โฮเต็ล ภายใต้แบรนด์ "Aloft" ของสตาร์วูดรวมทั้ง ยังมีแผนจะปรับตึกด้านหน้าของอาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ถนนสาทร ให้เป็นโรงแรมด้วย เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่มาใช้พื้นที่อาคารสำนักงาน ทั้งนี้ปัจจุบันเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ถือเป็นอาคารสำนักงานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีพื้นที่รวม 300,000 ตร.ม.
โดยที.ซี.ซี.แลนด์ ยังมีแผนที่พัฒนาโรงแรมและวิลล่าในเมืองท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง เช่น ภูเก็ต สมุย กระบี่ เชียงใหม่ โดยเริ่มต้นที่สมุยเป็นแห่งแรก ได้แก่ โรงแรมระดับไฮเอนด์ ซึ่งบริษัทมีที่ดินเปล่าอยู่แล้ว ที่หาดเฉวง โดยจะใช้ชื่อว่า "วนาเบลล์" เพื่อรองรับตลาดสมุยที่จะบูมยิ่งขึ้นในอนาคต, โรงแรมอิมพีเรียล สมุย จะปรับปรุงใหม่โดยใช้เชนเชอราตันมาบริหาร ภายใต้แบรนด์ "เชอราตัน สมุย" เพื่อรองรับลูกค้าระดับบน และโครงการวิลล่าบนหาดส่วนตัว ซึ่งจะแล้วเสร็จในปี 2551 โดยเซ็นสัญญาให้เชนบันยันทรีเข้ามาบริหาร
ปัจจุบัน ที.ซี.ซี.แลนด์ มีโรงแรมที่เปิดให้บริการอยู่ขณะนี้รวม19แห่ง ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ โดยในต่างประเทศ ได้แก่ นิวยอร์ค (พลาซ่า แอทธินี) ลอนดอน สิงคโปร์ มาเลเซีย (เวสทิน) กัมพูชา ลาว เวียดนาม และคุนหมิง ประเทศจีน ส่วนในประเทศไทย ได้แก่ โรงแรมในกลุ่ม อิมพีเรียลทั้งหมด และโรงแรมพลาซ่า แอทธินี เป็นต้น
นางวัลลภา กล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการสนับสนุนธุรกิจโรงแรม บริษัทมีแผนที่จะพัฒนา "อิมพีเรียลสปา" ขึ้นเพื่อเป็นแบรนด์สปาของตัวเอง สำหรับรองรับธุรกิจสปาของโรงแรมที่อยู่ในเครือของบริษัททั้งหมดโดยเฉพาะโรงแรมในกลุ่ม"อิมพีเรียล" เช่น อิมพีเรียล แม่ปิง และที่สมุย
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|