|
BAYพร้อมรุกธุรกิจครึ่งหลังปี50
ผู้จัดการรายวัน(15 ธันวาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
แบงก์กรุงศรีเผยความคืบหน้าร่วมทุนจีอี อยู่ระหว่างการปรับองค์กรคาดมกราคมปีหน้าสรุปเป้าหมายการดำเนินธุรกิจได้ ระบุจีอีจะเข้ามาคุมด้านรายย่อยทั้งหมด พร้อมส่งกรรมการนั่ง 4 ตำแหน่ง ขณะที่กรุงศรีฯยังยึดฐานรายใหญ่เหมือนเดิม "ชาลอต"เตือนอย่างหวังเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในช่วงนี้ รอครึ่งหลังปี50เดินหน้าลุยเต็มสูบ
นางชาลอต โทณวนิก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดใหญ่อาวุโส ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวถึงความคืบหน้าในการร่วมทุนระหว่างธนาคารกับจีอี แคปปิตอล แปซิฟิก ว่า ขณะนี้ทางธนาคารยังคงดำเนินงานและใช้ประมาณการทุกอย่างเหมือนเดิม เนื่องจากทางทีมงานและผู้บริหารของจีอีจะเข้ามาทำงานในช่วงเดือนมกราคม 2550 ดังนั้น เรื่องแผนงานของปีหน้างบประมาณต่างๆ รวมถึงเป้าหมายการขยายสินเชื่อ จะสรุปได้ในเดือนมกราคมปีหน้า รวมถึงการใช้สีสัญลักษณ์ขององค์กรก็ยังใช้สีเดิมเช่นกัน
ส่วนเรื่องโครงสร้างองค์กรนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการในรายละเอียด เนื่องจากทั้ง 2 องค์กรมีชื่อตำแหน่งที่แตกต่างกัน ทางฝ่ายทรัพยากรบุคคลกำลังหาชื่อตำแหน่งที่เป็นกลางระหว่าง 2 องค์กรนี้อยู่ ส่วนรายชื่อผู้บริหารบุคคลที่จะเข้ามาอยู่ในองค์กรขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ แต่ตามแผนงานคร่าวๆทางจีอี จะส่งบุคลากรเข้าดูแลทางด้านลูกค้ารายย่อยเป็นหลัก โดยจะตำแหน่งผู้บริหารทางจีอีเข้ามา 5 ตำแหน่ง บุคคลากรที่จะเพิ่มเข้ามาส่วนใหญ่จะเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับลูกค้ารายย่อย ด้านลูกค้ารายใหญ่ก็จะให้ธนาคารดูแลเหมือนเดิม ซึ่งเป้าสินเชื่อจะแยกตามกลุ่ม โดยแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ รายย่อย เอสเอ็มอี และรายใหญ่
ด้านโครงสร้างคณะกรรมการบริหารของธนาคารจำนวน 11 คนนั้น ทางจีอีจะส่งกรรมการเข้ามา 4 ท่าน ซึ่งระบุตัวบุคคลแล้ว 2 คน คือ นายพรสนอง ตู้จินดากับนางพรรณพร คงยิ่งยง และเป็นส่วนของธนาคารกรุงศรีอยุธยาอีก 4 ท่าน ส่วนที่เหลืออีก 3 ตำแหน่งจะเป็นคณะกรรมการอิสระ
นางชาลอตกล่าวว่า จากโครงสร้างต่างๆที่ปรับเปลี่ยนไปพอสมควร ในส่วนขององค์กรเองก็คงจะต้องมีการปรับให้มากตามเช่นกัน เพื่อรองรับการทำงานที่มากขึ้นในอนาคต
ส่วนแนวทางการออกผลิตภัณฑ์ของธนาคารก็ยังเน้นผลิตภัณฑ์ที่สามารถรองรับได้ทั้งลูกค้ารายใหม่และรายเก่าได้ โดยด้านสินเชื่อจะเน้นสินเชื่อที่อยู่อาศัย ขยายสินเชื่อบุคคล ซึ่งในส่วนนี้ธนาคารมีลูกค้าที่มีคุณภาพอยู่แล้ว นอกจากนี้ สินเชื่อดังกล่าวเป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีพจึงน่าจะสามารถเติบโตได้อยู่ โดยธนาคารจะเน้นการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้ามากขึ้น รวมถึงการนำเทคโนโลยีในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆด้วย ซึ่งเชื่อว่าจะเหมาะกับลูกค้าทุกกลุ่ม ถือเป็นการสร้างความสะดวกในการใช้ผลิตภัณฑ์
ขณะที่งานด้านการตลาดในปีหน้า ในส่วนของลูกค้ารายใหญ่ ธนาคารจะร่วมกับนธมิตรที่เคยร่วมงานมาต่อยอดธุรกิจต่อไป พร้อมทั้งสร้างฐานลูกค้าให้มีหลากหลายกลุ่มมากขึ้น เพื่อให้มีศักยภาพมากขึ้นในการเสนอผลิตภัณฑ์ไปยังกลุ่มดังกล่าวมากขึ้น
"อย่าคาดหวังในช่วง 3-6 เดือนว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากมาย หรือผลการดำเนินงานจะดีมากๆ เพราะในช่วงนี้เป็นช่วงของการปรับตัวที่จะอยู่ร่วมกัน มีการวางแผนร่วมกัน ดังนั้น จึงเป็นช่วงที่ต้องเรียนรู้ร่วมกัน หลังจาก 6 เดือนไปแล้วจึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในการร่วมมือกันระหว่างจีอีกับธนาคาร"ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าว
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|