TKTเล็งทุ่มงบ80ล.เพิ่มกำลังผลิตหนุนเป้ารายได้ปีหน้าขยายตัว10%


ผู้จัดการรายวัน(15 ธันวาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

บิ๊ก "ที.กรุงไทย" คาดรายได้ปีหน้าโต 10% หลังรับออเดอร์ลูกค้ารายใหม่ ยอมรับรายได้ปีนี้หดเหลือแค่ 800 ล้านบาท จากเดิมตั้งเป้าไว้ที่ 850-900 ล้านบาท หลังลูกค้าเปลี่ยนระบบการค้าเป็นเพียงการจ้างผลิต เตรียมเงิน 80 ลงทุนปีหน้าขยายกำลังการผลิตและปรับปรุงสายการผลิต พร้อมตั้งเป้าอัตรากำไรขึ้นต้นปี 50 เพิ่มจาก 17% เป็น 20% โปรยยาหอมจ่ายปันผลแน่แม้กำไรสุทธิลดลง

นายจุมพล เตชะไกรศรี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.กรุงไทยอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TKT กล่าวว่า ในปีหน้าบริษัทตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ 900 ล้านบาท เติบโตประมาณ 10% จากรายได้ในปีนี้ที่น่าจะอยู่ที่ประมาณ 800 ล้านบาท โดยปรับลดลงจากเดิมที่บริษัทตั้งเป้าปี 2549 ไว้ที่ 850-900 ล้านบาท เนื่องจากลูกค้าบางรายของบริษัทเปลี่ยนระบบการค้ากับบริษัทเป็นระบบจ้างผลิต เพราะลูกค้ามีการจัดหาวัตถุดิบให้ (Supply Material) ทำให้มีการปรับโครงสร้างราคาต่ำกว่าเดิม

ทั้งนี้ ภายในปีหน้าบริษัทจะรับรู้รายได้จากจากลูกค้ารายใหม่ซึ่งเป็นลูกค้าธุรกิจยานยนต์จากประเทศญี่ปุ่นจำนวน 3 ราย หรือประมาณ 10-15 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ในไตรมาสที่ 3/2550 รวมทั้งบริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้ารายใหม่อีกจำนวน 4-5 ราย ซึ่งยังคงเป็นลูกค้าในส่วนธุรกิจยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยบริษัทคาดว่าจะมีข้อสรุปได้ประมาณไตรมาส 1 หรือไตรมาส 2 ปี 2550 และจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ประมาณปี 2551

นอกจากนี้ ในปีหน้าบริษัทเตรียมแผนที่จะใช้งบลงทุนประมาณ 80 ล้านบาทเพื่อขยายกำลังการผลิตในการสั่งซื้อเครื่องจักรเพื่อผลิตสินค้าให้กับลูกค้ารายใหม่ที่เพิ่มมากขึ้น จำนวน 50 ล้านบาท และนำมาลงทุนปรับปรุงธุรกิจสายการผลิตประมาณ 20-30 ล้านบาท โดยเงินลงทุนจะนำมาจากกระแสเงินสด(Cash Flow)และจากการกู้ยืมสถาบันการเงิน

นายจุมพล กล่าวอีก ว่า บริษัทคาดว่ากำไรขั้นต้น(Gross Margin) ของบริษัทในปีหน้าจะอยู่ที่ 20%เพิ่มขึ้นจากระดับ 17% ในปีนี้ เนื่องจากการบริหารงานและการจัดการระบบคลังสินค้าของบริษัทดีขึ้นทำให้ปริมาณของเสียในส่วนของวัตถุดิบลดลงโดยปัจจุบันวัตถุดินที่เสียอยู่ทีประมาณ 8%

สำหรับการแข็งค่าของเงินบาทในช่วงตลอดปีที่ผ่านมา ไม่ถือว่าส่งผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัท เนื่องจากบริษัทไม่ได้ส่งออกโดยตรงเนื่องจากการซื้อขายสินค้าของบริษัทกับลูกค้าอยู่ในรูปของเงินบาททั้งหมดจึงถือได้ว่าผลกระทบจากเรื่องดังกล่าวไม่มีนัยต่อบริษัท

ในส่วนของนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัทในงวดสิ้นปี 2549 บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ เมื่อเทียบกับปี2548บริษัทจ่ายเงินปันผลไปแล้ว 0.10บาทต่อหุ้น โดยในงวด 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 12.12 ล้านบาท ลดลงจากปีที่ผ่านมาซึ่งมีกำไรสุทธิในช่วงเวลาเดียวกันอยู่ที่ 41.54 ล้านบาท

"แม้ว่ากำไรสุทธิจะลดลง แต่เรายืนยันว่าจะสามารถจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นในงวดสิ้นปีนี้ ได้อย่างแน่นอน เพราะว่าเรามีสภาพคล่องของกระแสเงินสดดี ซึ่งกระแสเงินสดของบริษัทในปัจจุบันก็เพียงพอที่จะจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นได้" นายจุมพล กล่าว


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.