เฟรชมาร์ทปั้นเฟรชไลน์บุกขายตรง


ผู้จัดการรายวัน(12 ธันวาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

เฟรชมาร์ทแตกไลน์ธุรกิจใหม่ ปั้น "เฟรชไลน์" บุกเข้าสู่ธุรกิจขายตรง ออกรบต้นปีหน้า ชูกลยุทธ์ผนึกธุรกิจในเครือสร้างความแกร่ง ใช้ร้านสะดวกซื้อเป็นช่องทางกระจายสินค้า ส่วนธุรกิจไฟแนนซ์ยังอยู่ระหว่างเจรจา ด้านธุรกิจค้าปลีกเฟรชมาร์ทยังเดินหน้าต่อเนื่องแม้ปีนี้เปิดต่ำกว่าเป้าหมาย เหตุเศรษฐกิจไม่ดี

นางสาวนรินทร์ จิยารมณ์ ประธานกรรมการ บริษัท เฟรชมาร์ท อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการธุรกิจร้านสะดวกซื้อเฟรชมาร์ทและธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทฯมีแผนที่จะขยายุธุรกิจใหม่ๆเพิ่มขึ้น ทั้งธุรกิจการขายตรง ธุรกิจเกี่ยวกับไฟแนนซ์ ส่วนธุรกิจเดิม คือ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และร้านค้าปลีกยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นนี้จะขยายตัวเข้าสู่ธุรกิจขายตรงก่อน เนื่องจากมีความพร้อมมากกว่า ส่วนธุรกิจเกี่ยวกับไฟแนนซ์นั้นยังอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรที่จะร่วมมือกัน ซึ่งยังไม่สามารถสรุปได้คงต้องรอเวลาอีกระยะหนึ่ง

ทั้งนี้คาดว่าบริษัทฯจะสามารถเริ่มดำเนินธุรกิจขายตรงได้ในช่วงเดือนมกราคม 2550 โดยใช้ชื่อว่า "เฟรชไลน์" ซึ่งต้องถือว่าเป็นการแตกไลน์ธุรกิจใหม่ที่ไม่เกี่ยวกับธุรกิจเดิมเลย แต่บริษัทฯจะพยายามนำเอาธุรกิจขายตรงและธุรกิจเดิมที่ทำอยู่ทั้ง ร้านค้าสะดวกซื้อ อสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งธุรกิจใหม่ที่จะทำในอนาคต ให้เข้ามาเชื่อมโยงกันให้ได้ เพื่อสร้างศักยภาพของธุรกิจให้มีความเข้มแข็งและเป็นเครือข่ายกันมากขึ้น ทั้งในด้านการทำตลาด การเป็นช่องทางกระจายสินค้า การทำโปรโมชั่น เป็นต้น เช่น นำใบเสร็จของร้านเฟรชมาร์ทมาเป็นส่วนลดในการซื้อสินค้าขายตรง เป็นต้น

สำหรับสาเหตที่หันมาทำธุรกิจขายตรงนั้น เนื่องมาจากว่า ธุรกิจขายตรงมีแนวโน้มในการเติบโตที่ดีในอนาคตทั้งตลาดในประเทศไทยและต่างประเทศ ทั้งในยุโรป อเมริกา เป็นต้น ซึ่งในเอเชียเองก็เติบโตดี อีกทั้งมูลค่าตลาดรวมขายตรงในไทยนั้นถึงแม้จะมีมากแต่เมื่อเทียบกับต่างประเทศแล้วยังถือว่าน้อยมาก ทำให้ยังมีช่องว่างและโอกาสเข้าทำตลาดอีกมากมาย

โดยแผนการดำเนินธุรกิจนั้นบริษัทฯจะใช้ร้านสะดวกซื้อ เฟรชมาร์ท ที่มีเปิดบริการแล้วในขณะนี้มากกว่า 400 สาขา เป็นจุดกระจายสินค้าแต่ละช่องทางการจำหน่าย เพราะมีทั่วประเทศ สร้างความสะดวกและความง่ายให้กับสมาชิกและผู้บริโภคด้วย โดยสินค้าที่บริษัทฯจะทำตลาดขายตรงก็จะเป็นสินค้าที่ตลาดขายตรงส่วนใหญ่ทำกันอยู่เช่น เครื่องสำอาง อาหารเสริมและผลิตภัณฑ์อื่นๆอีกมาก

นางสาวนรินทร์ กล่าวต่อว่า ในด้านของแผนการตลาดนั้นได้ตั้งงบประมาณไว้สูงถึง 50 ล้านบาท เพื่อใช้ในการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบทั้ง อะโบฟเดอะไลน์ สัดส่วน เป็น 40% และบีโลว์เดอะไลน์ สัดส่วน 60% อย่างเต็มรูปแบบ“การเข้ามาจับธุรกิจตลาดขายตรงครั้งนี้ ด้วยวิธีการที่แตกต่างจากรายเก่า ด้วยการนำเอาธุรกิจในเครือเข้ามาช่วยกันผลักดันธุรกิจตัวใหม่ ที่สามารถเพิ่มจุดแข็งและเป็นการเสริมศักยภาพในการทำธุรกิจ

ทั้งนี้บริษัทฯเชื่อว่าการขยายไลน์ธุรกิจใหม่ๆจากนี้ไป จะช่วยทำให้ธุรกิจเดิมเช่น ค้าปลีกมีความแข็งแกร่งมากกว่าเดิมด้วย”โดยในปีแรกนั้นบริษัทฯคาดหวังว่า ธุรกิจขายตรง เฟรชไลน์ จะสามารถมีส่วนแบ่งจากตลาดขายตรงโดยรวมได้ประมาณ 10% ซึ่งตั้งเป้าว่า ธุรกิจขายตรงนั้นจะมาช่วยให้ธุรกิจโดยรวมของเครือมีอัตราการเติบโตมากขึ้นกว่า 50%

ส่วนธุรกิจค้าปลีกร้านเฟรชมาร์ทนั้น บริษัทฯยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แม้ในปีนี้จะเปิดสาขาได้เพียง 50 กว่าสาขาเท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะต้องเปิดให้ได้เฉลี่ย 100 สาขาต่อปี เนื่องจากว่า ปีนี้มีปัจจัยลบมากมายที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุน ซึ่งในภาพรวมก็เป็นเช่นเดียวกันหมด ไม่ใช่เป็นเฉพาะของบริษัทฯเท่านั้น คาดว่าภายในปีหน้าสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมจะดีขึ้นกว่าปีนี้แน่นอน ทั้งอัตราภาษีดอกเบี้ยที่ลดลง ราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลงบ้าง และการเมืองไม่มีปัญหาเหมือนที่ผ่านมา โดยผลประกอบการของร้านเฟรชมาร์ทก็ยังไปได้ดี


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.