|
จุฑานาวีเมินบาทแข็งฉุดรายได้ปีหน้าตั้งเป้าขยายตัวเพิ่มอีก28%
ผู้จัดการรายวัน(8 ธันวาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
จุฑานาวี ยอมรับค่าเงินบาทแข็งค่ากระทบรายได้บริษัท แต่ยังมั่นใจรายได้ปีนี้ 780 ล้านบาท คาดปีหน้ารายได้โต 27-28% หากเจรจาซื้อเรือใหญ่ 2 ลำสำเร็จ เปิดแผนเตรียมซื้อเพิ่มอีก 10 ลำภายใน 3 ปี ผู้บริหารแย้มข่าวดีผู้ถือหุ้นเล็งประชุมบอร์ดต้นปีหน้าพิจารณาจ่ายปันผลหลังล้างขาดทุนสะสมหมด
นายชเนศร์ เพ็ญชาติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทจุฑานาวี จำกัด (มหาชน) หรือ JUTHA เปิดเผยว่า การแข็งค่าอย่างต่อเนื่องของค่าเงินบาทส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทประมาณ 2.5-3% เนื่องจากบริษัทมีรายได้เป็นเงินดอลลาร์ แต่ทั้งนี้บริษัทยังคาดการณ์รายได้ทั้งปีอยู่ที่ 780 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มีรายได้อยู่ที่ 700 ล้านบาท
ในส่วนของรายได้ในปีหน้าบริษัทคาดว่าหากการเจรจาในเรื่องการซื้อเรือเพิ่มจำนวน 2 ลำสำเร็จโดยคาดว่าจะทำให้รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นประมาณ 27-28% จากปีนี้ ขณะที่อัตรากำไรของบริษัทในปีนี้อยู่ที่ประมาณ 37% ซึ่งสูงกว่าปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 26% นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะซื้อเรือเพิ่มรวม10 ลำในระยะเวลาภายใน 3 ปีโดยราคาเรือโดยเฉลี่ยอยู่ที่ลำละ 10 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อลำ
"อัตราแลกเปลี่ยนมีผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทอยู่บ้างแต่เรามีเงินที่กู้มาในรูปของเงินดอลลาร์ทำให้การผ่อนชำระลดลงซึ่งก็ถือว่าเป็นผลดีต่อบริษัท โดยแม้ว่าจะถือว่ามีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนแต่บริษัทก็ยังเน้นการทำธุรกิจจากการเดินเรือ"นายชเนศร์กล่าว
สำหรับการประมาณการค่าระวางเรือในปีหน้าคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 6,800 เหรียญต่อวันต่อลำ ซึ่งอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปีนี้ ขณะที่การเติบโตของอุตสาหกรรมเดินเรือคาดว่าหากการเติบโตของเศรษฐกิจโลกอยู่ที่ประมาณ 3-4% ธุรกิจขนส่งทางเรือจะเติบโตสูงกว่าประมาณ 1 เท่า โดยปัจจุบันบริษัทมีเรือยู่รวม 7 ลำ ซึ่งที่ผ่านมาไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันเพราะส่วนใหญ่เป็นเรือเช่าภาระค่าใช้จ่ายในเรื่องราคาน้ำมันผู้เช่าจึงเป็นผู้ที่รับภาระไป แต่ในปีหน้าบริษัทอาจจะขายเรือออกไป 1 ลำในราคาประมาณ 3 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ซื้อโดยหากสามารถขายได้จะเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส4/49 บริษัทคาดว่ายังมีแนวโน้มที่โดดเด่นกว่าช่วงไตรมาส3/49 ที่ผ่านมาเนื่องจากเป็นช่วงที่มีความต้องการในการขนส่งสินค้าทางเรือค่อนข้างสูง ซึ่งจะทำให้รายได้ของบริษัทสูงขึ้นตามไปด้วย
นายชเนศร์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของแผนในการลดอัตราหนี้สินต่อทุน หรือ D/E บริษัทตั้งเป้าจะลดอัตราส่ง D/E ให้เหลือไม่เกิน 1.5 เท่า โดยที่ผ่านมาบริษัทได้ลด D/E จากระดับ 30 เท่าในช่วงเวลา 2 ปีเหลือเพียงประมาณ 3 เท่าเท่านั้น
นอกจากนี้ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าบริษัทเตรียมที่จะนำเรื่องการพิจารณาจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นงวดสิ้นปี 2549 เข้าที่ประชุมคณะกรรมการซึ่งคาดว่าจะมีการอนุมัติจ่ายเงินปันผลไม้ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิตามนโยบายของบริษัท
"เราเชื่อว่าบริษัทจะสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้เป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี ภายหลังจากที่ล้างขาดทุนสะสมหมด จากที่ก่อนหน้านี้บริษัทไม่ได้จ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นมาโดยตลอด"นายชเนศร์ กล่าว
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|