|
AITแตกไลน์ธุรกิจเสริมรายได้หลักชี้การเมืองไม่กระทบคาดปี50โต15%
ผู้จัดการรายวัน(7 ธันวาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
AIT ตั้งเป้ารายได้ปีหน้าโต 10-15% ขณะที่รายได้ปีนี้คาดแตะ 2.3 พันล้านบาท รอลุ้นงานประมูลของกฟผ. มูลค่าโครงการ 2.1 พันล้านบาทสิ้นปีนี้ ขณะที่ปีหน้าเปิดแผนหาธุรกิจเพิ่มร่วมทุนหวังขยายช่องทางรายได้ ส่วนงานประมูลเตรียมร่วมประมูลมูลค่ารวมกว่า 2 หมื่นล้าน ผู้บริหารย้ำปัญหาการเมืองไม่กระทบธุรกิจบริษัท ชี้การแข่งขันรุนแรงขึ้นผู้ประกอบการต้องเร่งปรับตัว
นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT กล่าวว่า บริษัทคาดว่ารายได้ของบริษัทในปีนี้จะอยู่ที่ 2.3 พันล้านบาท ขณะที่ในปีหน้าบริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโตประมาณ 10.15% โดยคาดว่าจะมีรายได้ขั้นต่ำอยู่ที่ 2.4 พันล้านบาท ทั้งนี้ รายได้หลักของบริษัทส่วนใหญ่จะมาจากโครงการประมูลงานจากภาครัฐประมาณ 85% ซึ่งเป็นงานในลักษณะการติดตั้งประมาณ 2 พันล้านบาทที่เหลือเป็นรายได้ในส่วนของงานบำรุงรักษาและซ่อมแซม
สำหรับในช่วงปลายเดือนนี้บริษัทรอผลการร่วมประมูลงานของบริษัท กฟผ. จำกัด (มหาชน) มูลค่าโครงการประมาณ 2.1 พันล้านบาทโดยหากชนะการประมูลจะทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกค่อนข้างมาก
นอกจากนี้ในปีหน้าบริษัทมีแผนที่จะซื้อบริษัทที่ดำเนินธุรกิจ Call Center เพื่อเป็นการขยายธุรกิจ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาแผนในการซื้อบริษัท เพราะจะต้องพิจารณาถึงงบการเงินและฐานะการเงินของบริษัทประกอบซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปประมาณครึ่งปีแรกของปีหน้า โดยบริษัทดังกล่าวมีรายได้เฉลี่ยต่อปีประมาณ 70-100 ล้านบาทและมีทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท รวมถึงการเข้าไปร่วมทุนในบริษัทต่างๆที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัท
อย่างไรก็ตาม รูปแบบในการซื้อกิจการบริษัทจะใช้ลักษณะการร่วมทุนเพื่อให้กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมยังสามารถเป็นผู้บริหารของบริษัทได้ต่อไป ประกอบกับบริษัทต้องการใช้ความสัมพันธ์ที่ดีของกลุ่มผู้บริหารเดิมกับลูกค้าของบริษัท
นายศิริพงษ์ กล่าวอีกว่า บริษัทมีแผนจะจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่างบมจ.แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี กับบริษัทสเกล พล็อตติ้ง เซ็นเตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในการรับดำเนินงานต่อจากบริษัทเพื่องานพัฒนาระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์อย่างครบวงจร โดยบริษัทจะเข้าไปถือหุ้นในบริษัทร่วมทุนประมาณ 60% และโดยทุนจดทะเบียนของบริษัทร่วมทุนอยู่ที่ 10-20 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในปีหน้างานส่วนใหญ่ของบริษัทจะเป็นงานต่อเนื่องทั้งการติดตั้งและการให้บริการ เพื่อลดความเสี่ยงจากการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้บริษัทจะเน้นการเข้าร่วมประมูลงานขนาดใหญ่โดยในปีหน้าบริษัทคาดว่าจะเข้าร่วมประมูลงานมูลค่ารวมประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัทยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนเนื่องจากฐานะการเงินของบริษัทในขณะนี้ยังสามารถรองรับการประมูลงานได้อีกมาก
นายศิริพงษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับปัญหาทางการเมืองในปัจจุบันที่อาจจะไม่นิ่งไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัท เพราะงบประมาณจากภาครัฐในเรื่องการลงทุนในโครงการต่างๆ แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลแต่ยังสามารถเดินหน้าต่อไป โดยปัจจุบันธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเป็นธุรกิจที่ค่อนข้างแข็งขันกันรุนแรงทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวเพื่อรองรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นค่อนข้างมาก
ในส่วนของราคาหุ้นของบริษัทปัจจุบันเมื่อเทียบกับค่าพีอีเรโชของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 5 เท่า ขณะที่บริษัทในอุตสาหกรรมจะอยู่ที่ประมาณ 10 เท่าโดยบริษัทหลักทรัพย์หลายแห่งคาดว่าในปีหน้าราคาหุ้นของบริษัทจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับพีอีเรโชที่ 6-7 เท่าแต่ยังถือว่าเป็นระดับที่ต่ำกว่าบริษัทในอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ เรื่องการจ่ายเงินปันผลของบริษัทบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ โดยงวดครึ่งปีที่ผ่านมาบริษัทจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.75 บาท
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|