ทีซีแอลเท200ล.ลุยตลาดปีหน้า โกยยอด4,000ล.โชว์รัฐบาลจีน


ผู้จัดการรายวัน(6 ธันวาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

ทีซีแอล ทุ่มงบตลาด 200 ล้านบาท ชู สปอร์ต มาเก็ตติ้ง และเอนเตอร์เทนเม้นต์ มาร์เก็ตติ้ง สร้างแบรนด์ โบกธงรบบุกตลาดภาพและเสียง ส่ง แอลซีดี ทีวี ลงสนามอีก 4 รุ่น พร้อมลุยตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนเต็มกำลัง อัดเม็ดเงินเพิ่มอีก 40 ล้านบาททำตลาดเฉพาะ เตรียมส่งเครื่องซักผ้า ตู้เย็น ลุยสนามอีกระลอก มั่นใจรายได้ปี 50 เติบโตขึ้นอีก 20 % หรือกว่า 4,000ล้านบาท

นายเมธา โรจนชัยชนินทร์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ทีซีแอล อีเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2550 ว่า ปีหน้าบริษัทฯ ยังดำเนินธุรกิจตามแผนเดิมที่วางไว้ด้วยการเน้นสร้างแบรนด์ต่อเนื่อง เริ่มจากต่างจังหวัดสู่เมือง โดยจะยังคงใช้กลยุทธ์เดิม คือ สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง กับการเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันกีฬาต่างๆ พร้อมกับเพิ่มเอนเตอร์เทนเม้นต์ มาร์เก็ตติ้ง เข้ามาใช้ในการสนับสนุนการเป็นสปอนเซอร์คอนเสิร์ตต่างๆ อีกด้วย

ขณะที่ในปีหน้าบริษัทฯ เตรียมงบประมาณสำหรับการทำตลาดอย่างน้อย 200ล้านบาท เท่ากับปีนี้ แบ่งเป็น บิโลว์ เดอะ ไลน์ 50 % และอะโบพ เดอะ ไลน์ 50 % โดยงบการตลาดกว่า 50 % หรือกว่า 100 ล้านบาท จะใช้ทำตลาดในส่วนของเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทเอวีหรือหมวดภาพและเสียง โดยเฉพาะกลุ่มทีวี ซึ่งในปีหน้าบริษัทฯ จะยังคงเน้นทำตลาดซีอาร์ทีวี ที่เป็นจอแบนเท่าๆกับแอลซีดีทีวี เนื่องจากมองว่าฐานใหญ่ของตลาดทีวี ยังเป็นกลุ่มซีอาร์ทีทีวีอยู่ ดังนั้นในปีหน้าจะมีซีอาร์ทีทีวีอีกประมาณ 4 รุ่น จากเดิมในปีนี้ที่วางจำหน่ายอยู่กว่า 12 รุ่น

ส่วนแอลซีดีทีวีนั้น ปีหน้าจะเพิ่มซีรี่ส์ใหม่ 1 ซีรี่ส์ จำนวน 4 รุ่น ได้แก่ ขนาด 20 นิ้ว, 26 นิ้ว, 32 นิ้ว และ 40 นิ้ว ส่วนพลาสม่าทีวี ในปีนี้ที่มีวางจำหน่ายอยู่ 1 รุ่น ขนาด 42 นิ้วนั้น ในปีหน้าบริษัทฯจะไม่นำเข้ามาทำตลาดอีกต่อไป โดยมองว่าพลาสม่าทีวี เทคโนโลยีมาถึงจุดสูงสุดแล้ว อีกทั้งกระแสความนิยมไม่ดีเท่ากับแอลซีดี ทีวีนั้นเอง

อีกทั้งในปีหน้าบริษัทฯ จะให้ความสำคัญกับหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนอีกด้วย โดยได้จัดงบการตลาดอีก 30-40 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบที่ไม่เกี่ยวข้องกับงบการตลาดสำหรับใช้ตลอดปี2550 ทั้งนี้ในหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน บริษัทได้เริ่มทดลองทำตลาดเครื่องซักผ้ามาตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นมา โดยวางจำหน่ายอยู่ประมาณ 4รุ่น ทั้งแบบถังเดี่ยวและถังคู่ ในปีหน้าจะวางจำหน่ายเพิ่มอีก 2 รุ่น

ส่วนผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศที่เริ่มทำตลาดมาตั้งแต่ต้นปี วางจำหน่ายอยู่ 3 รุ่น คือ 12,000 บีทียู, 13,000 บีทียู และ18,000 บีทียู จะเพิ่มรุ่นใหม่อีก 1 รุ่น คือ 9,000 บีทียู นอกจากนี้บริษัทฯ จะเพิ่มไลน์สินค้าในหมวดตู้เย็น เข้ามาทดลองทำตลาดเพิ่มอีกในปีหน้า ทั้งขนาด 2 ประตู และ 1 ประตู อีกด้วย โดยราคาจำหน่ายของสินค้าในหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนนั้น เมื่อเทียบราคากับทอปแบรนด์ในรุ่นที่ใกล้เคียงกัน เฉลี่ยจะมีราคาต่ำกว่า10-20 %

“หมวดสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน ถือเป็นสินค้าอีกหมวดหนึ่งที่ทางบริษัทฯ จะให้ความสำคัญในการทำตลาดมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่วางจำหน่ายเพียงไม่กี่ไลน์ เช่น แอร์ เครื่องซักผ้า และตู้เย็น ต่อไปจะเริ่มวางจำหน่ายไลน์สินค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เช่น ไมโครเวฟ หม้อหุงข้าว โดยเชื่อว่าภายในระยะ 3-5 ปีนับจากนี้ จะมีสินค้าในหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนมาวางจำหน่ายครบทุกไลน์”

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีสินค้าในหมวดไอที อีก 1 หมวด ที่ให้ความสำคัญเท่าๆ กับหมวดภาพและเสียง โดยงบการตลาดกว่า 50 % หรือประมาณ 100 ล้านบาท จะใช้สำหรับทำตลาดให้กับหมวดดังกล่าว โดยในปีหน้าสินค้าในหมวดไอทีจะมีวางจำหน่ายเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น โน๊ตบุ๊ก, กล้องดิจิตอลแบบเอ็มพี4, คอมพิวเตอร์สำหรับผู้หญิง, เครื่องเล่นเอ็มพี3 และ โทรศัพท์มือถือ โดยสินค้าที่วางจำหน่ายนั้น จะมีจุดกเด่นอยู่ที่เทคโนโลยี และราคา เฉลี่ยจะถูกกว่า 10-20 % เช่นเดียวกัน

“สินค้าของบริษัทฯ จะมีความได้เปรียบในเรื่องของราคา เนื่องจากจำนวนการผลิตจะสูง ทำให้ต้นทุนเมื่อเทียบออกมาแล้ว ทำให้สินค้ามีต้นทุนต่ำลง จึงสามารถจำหน่ายได้ในราคาที่ถูกกว่ารายอื่นๆ นั้นเอง” นายเมธา กล่าว

อย่างไรก็ตามในปีหน้า บริษัทฯ จะเพิ่มช่องทางจำหน่ายในกลุ่มโมเดิร์นเทรดมากยิ่งขึ้น เช่น พาวเวอร์บาย พาวเวอร์มอลล์ และที่เทสโก้ โลตัส ที่กำลังอยู่ระหว่างการเจรจา จากเดิมที่มีสินค้าวางจำหน่ายแล้วในบิ๊กซี คาร์ฟูร์ และแม็คโคร ส่วนจำนวนดีลเลอร์ที่มีกว่า 300 ร้านทั่วประเทศนั้น คิดว่าเพียงพอแล้ว

นอกจากนี้บริษัทฯจะเพิ่มจำนวนโชว์รูมอีกอย่างน้อย 3 แห่งในต่างจังหวัด จากเดิมที่เปิดให้บริการไปแล้ว 3 แห่ง คือ เชียงใหม่ ขอนแก่น และหาดใหญ่ ในลักษณะตึกพาณิชย์ จำนวน 3-4 คูหา งบประมาณในการลงทุนประมาณ 10 ล้านบาท ต่อ 1 แห่ง ขณะเดียวกันยังมีแผนที่จะเปิดโชว์รูมในกรุงเทพฯ ด้วยเช่นเดียวกัน แต่ไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ในขณะนี้ เนื่องจากกำลังอยู่ในส่วนของการพิจารณาอยู่

ทั้งนี้จากแผนธุรกิจในปีหน้าที่วางไว้ มั่นใจว่าบริษัทฯ จะมีรายได้เติบโตขึ้นกว่า 20 % เทียบจากปีนี้ หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 4,000ล้านบาท แบ่งเป็น หมวดภาพและเสียง 40 % ไอที 30% และเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนอีก 30%


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.