เจียไต๋พร้อมบุก 30 ประเทศทั่วโลก ! ทุ่ม100ล้านสร้างโรงงานรับขยายตัว


ผู้จัดการรายสัปดาห์(4 ธันวาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

‘ เจียไต๋ ’ทุ่งงบ 100 ล้านผุดโรงงานแห่งใหม่ตรวจคัดแยกสายพันธุ์ที่รวดเร็วและทันสมัยทั้งมีสถานีวิจัยทั้งในและนอกประเทศ ตั้งเป้าส่งออก 60%ใน 30ประเทศทั่วโลกโดยเฉพาะตลาด South Asia ถือว่าเป็นตลาดในอนาคตของบริษัท ขณะที่ตลาดในประเทศยอดขายประมาณ 1 พันล้านในปี 2549

บริษัทเจียไต๋ คือ ผู้บุกเบิกธุรกิจเมล็ดพันธุ์พืชของไทย จนได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านเมล็ดพันธุ์ของเอเชีย ปัจจุบันกำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 86 บ.เจียไต๋ตั้งเป้าหมายสู่การเป็นผู้นำตลาดเมล็ดพันธุ์พืชของโลกไว้อย่างไร มีกลยุทธ์ และวางแผนงานไว้อย่างไรบ้าง

มนัส เจียรวนนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เจียไต๋ จำกัด เผยว่า เราประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจต่อเนื่องยาวนานกว่า 85 ปี จนสามารถเป็นผู้นำในตลาดเมล็ดพันธ์ของไทย โดยมีจุดเด่นเรื่องเทคโนโลยีที่นำมาใช้อย่างต่อเนื่องเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีการปรับปรุงเมล็ดพันธ์ เทคโนโลยีชีวภาพ และเทคโนโลยีการเพาะปลูก ซึ่งเป็นการพัฒนาคุณภาพและปริมาณแก่เกษตรกร โดยล่าสุดได้ลงทุนกว่า 100ล้านสร้างโรงงานเมล็ดพันธ์แห่งใหม่บนเนื้อที่ 5.2ไร่ที่อ้อมน้อย เพื่อยกระดับธุรกิจเมล็ดพันธุ์ของเจียไต๋จากระดับภูมิภาคเอเชียสู่ระดับโลกอย่างเต็มตัวในตลาดเมล็ดพันธุ์

สำหรับโรงงงานดังกล่าวจะทำหน้าที่ ตรวจสอบคุณภาพเมล็ดพันธุ์ทั้งในด้านคุณภาพการงอก ความชื้น สิ่งเจือปน ความแข็งแรงของเมล็ดพันธุ์ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดของโรงงงานแห่งนี้คือ การตรวจสอบความบริสุทธิ์ของสายพันธ์ ( Purity Check ) โดยใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดคือ Protein Electrophoresisทำการตรวจสอบโปรตีนของเมล็ดพันธุ์ ซึ่งจะสามารถบอกได้อย่างแม่นยำ และ รวดเร็วว่า เมล็ดพันธ์นั้นเป็นสายพันธ์อะไร สายพันธ์พ่อแม่คืออะไร

มนัสกล่าวต่อไปว่า แผนการลงทุนของเจียไต๋ต่อไปคือการใช้ Bio Technology คือเทคโนโลยีชีภาพในการปรับปรุงพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นการต้านทานต่อโรค การเจริญเติบโต การควบคุมรักษาคุณภาพของสายพันธ์ การตรวจสอบ DNA พ่อแม่ของสายพันธ์ที่นำมาใช้เพื่อให้การผลิตมีประสิทธิภาพและคุณภาพที่สูงที่สุด ซึ่งเป็นการลงทุนที่ค่อนข้างจะสูงมาก อย่างไรก็ดีบริษัทเจียไต๋ยังมีสถานีวิจัยพันธ์พืชในหลายประเทศเช่นที่ประเทศจีน( เมืองคุณหมิง ) อินโดนีเชีย ( เมืองสุราบาย่า ) งบประมาณในส่วนการวิจัยนี้ประมาณ 13 % ของยอดการขายทั้งหมด

สำหรับสัดส่วนมาร์เกตแชร์ในตลาดรวมในประเทศไทยประมาณ 1,000 ล้านที่เราใหญ่เพราะไม่ได้มุ่งเน้นในประเทศ ที่ค้าขายในประเทศเพียง 35 - 40% ที่เหลือคือการส่งออกทั้งหมดประมาณ 60% ใน 30 ประเทศทั่วโลก อาทิ อินโดนีเชีย เวียดนาม พม่า ที่เป็นเพื่อนบ้านมียอดขายเยอะ

ขณะที่ประเทศกำลังมาแรงมีกำลังซื้อสูงคือประเทศที่อยู่ใน South Asia อย่างประเทศอินเดีย ปากีสถาน บังคลาเทศ ศรีลังกา เนปาล มีกำลังซื้อสูงมากและถือว่าเป็นตลาดในอนาคตของบริษัท แต่ยังมีคู่แข่งที่น่ากลัว เช่น บริษัทอีสเวสต์ซีพของประเทศฮอลแลนด์ซึ่งมีการฐานการผลิตทั้งในประเทศไทย พิลิปปินส์ อินโดนีเชีย และเวียดนาม และบริษัทนัมดาลี (namdali) ของชาวอินเดียขณะที่สถานีวิจัยในประเทศ ภายในประเทศได้แก่ เชียงใหม่ กาญจนบุรี และราชบุรี


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.