"จรัมพร โชติกเสถียร แจ้งเกิด "เอสซีบี ซีเคียวริตีส์"


นิตยสารผู้จัดการ( สิงหาคม 2537)



กลับสู่หน้าหลัก

หลังจากที่ บงล. เอกธำรงจับมือกับมอร์แกน เกรนเฟลกับธนาคารไทยพาณิชย์ทุ่มเงิน 930 ล้านบาทเพื่อเทคโอเวอร์บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ เอจีซีเดิมของกลุ่มเวสแพคแล้ว ได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น "บงล. ไทยธำรง" เมื่อต้นมีนาคมปีนี้ โดยเป็นกรรมการผู้จัดการแฝดคนละฝา คือ ยุทธ วรฉัตรธาร อดีตกรรมการผู้จัดการเอสซีเอฟและสหธนกิจไทยที่ถูกเพื่อนอย่างภควัต โกวิทวัฒนพงศ์แห่งเอกธำรงดึงมาช่วยเป็นมืออาชีพบริหารธุรกิจด้านบริษัทเงินทุนไทยธำรงขณะที่จรัมพร โชติกเสถียรนักบริหารรุ่นใหม่ที่ทำงานให้กับไทยพาณิชย์มา 12 ปี ก็เริ่มต้นบุกเบิกบริษัทหลักทรัพย์ใหม่

"ผมจะเป็นคนเริ่มธุรกิจหลักทรัพย์ในไทยธำรง ซึ่งเดิมไม่เคยประกอบธุรกิจด้านนี้มาก่อน ทั้ง ๆ ที่มีใบอนุญาตครบทั้งสี่ประเภท แต่ไม่ได้หาประโยชน์ตรงนี้ เพราะติดเงื่อนไขผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่เป็นชาวต่างประเทศ เราจึงเริ่มจากศูนย์และช้ากว่าคนอื่น ๆ เป็นสิบปี งานมันจึงท้าทายดี" จรัมพรเล่าให้ฟัง

แผนการทำธุรกิจหลักทรัพย์ของธนาคารไทยพาณิชย์ที่จะแยกธุรกิจบริษัทเงินทุน (บง.) ออกจากบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ตามนโยบายของทางแบงก์ชาติ ทำให้ในเดือนตุลาคมนี้จะเกิดการแตกตัวไทยธำรงออกมาเป็นอีกบริษัทหนึ่งชื่อ "เอสซีบีซีเคียวริตีส์" เพื่อทำธุรกิจด้านหลักทรัพย์โดยเฉพาะ ที่จะมีความคล่องตัวและเพิ่มรายได้ด้านค่าธรรมเนียมมากขึ้น

รูปแบบโครงสร้างการจัดการของบริษัทใหม่นี้จะมีกรรมการผู้จัดการหลายคนเหมือนของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ทิสโก้ นำโดยจรัมพร โชติกเสถียร ดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการบริหาร รองลงมาเป็นกรรมการผู้จัดการอีกสามคน ได้แก่ผู้บริหารจากบริษัทที่ปรึกษาการเงิน "สยามวาณิชธนกิจ" สองคนคือ ม.ล. ชโยทิต กฤดากร กับนรินทร์ โอภามุรธาวงศ์ และสุพัฒนพงศ์ พันธ์มีเชาว์ที่มาจากแบงก์กรุงเทพ

โดยสายสัมพันธ์ บริษัทสยามวาณิชธนกิจกับไทยธำรงก็ร่วมมือกันทางธุรกิจอยู่แล้ว โดยสยามวาณิชธนกิจจะส่งลูกค้ามาให้ ขณะดียวกันก็ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับบริษัทที่จะออกหุ้นต่าง ๆ โดยไทยธำรงเป็นผู้รับประกันการจัดจำหน่าย

"กรรมการทั้งสามคนที่เราวางไว้ แต่ละคนจะมีความชำนาญในด้านธุรกิจหลักทรัพย์เฉพาะด้านที่แตกต่างกันไป ซึ่งเมื่อมารวมกันอยู่ในบริษัทเดียวกัน ก็จะทำให้เป็นบริษัทหลักทรัพย์ที่แข็งแกร่งได้โดยเฉพาะเอสซีบี ซีเคียวริตีส์จะเป็นบริษัทหลักทรัพย์แห่งแรก ที่รุกมาทำธุรกิจทั้ง INVESTMENT BANKING และ MERCHANT BANKING อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะแต่ละคนเป็นวาณิชธนกรที่เก่งทั้งนั้น" ชฎา วัฒนศิริธรรม รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าว

ฝีไม้ลายมือของจรัมพรลูกหม้อไทยพาณิชย์หนุ่มเอ็มบีเอฮาร์วาร์ดรูปหล่อวัย 37 ที่ฝากไว้ก่อนย้ายมาใหญ่ที่บริษัทใหม่นี้ จรัมพรเคยมีประสบการณ์จัดตั้งธุรกิจใหม่ ๆ ในฐานะกรรมการผู้จัดการคนแรกของ บลจ. กองทุนรวมไทยพาณิชย์ที่มีทีมงานบริหารกองทุนแบบรุกก้าวเร็วชนิด BEAT SET INDEX บริหาร 13 กองทุน มูลค้าสินทรัพย์สุทธิ 3.5 หมื่นล้านบาทยังไม่ทันจะได้นั่งพักสบาย ๆ จรัมพรก็ต้องมานั่งเหนื่อยอีกกับภารกิจบุกเบิกงานที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม โดยที่เดิมมีคนใหม่ชื่อสมชัย มิตรไพบูลย์ ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจตลาดทุนที่เป็นต้นคิดออกกองทุนใหม่ ๆ บริหารแทน

"ถ้าเปรียบเทียบขนาดธุรกิจระหว่างกองทุนรวมกับธุรกิจหลักทรัพย์ไทยธำรง จะเห็นว่ากองทุนรวมมีแค่ใบอนุญาตเดียว แต่ไทยธำรงทำได้เยอะกว่า มีทั้งวาณิชธนกิจ นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งสถาบันต่างประเทศและในประเทศ ประเภท RETAIL HI-NETWORK มีจำนวนลูกค้ามากที่ทำให้เราต้องมีระบบบริการที่ดี แต่ประสบการณ์จากกองทุนรวม ทำให้เราเข้าใจความต้องการของนักลงทุนสถาบัน" จรัมพรเล่าให้ฟังถึงงานที่ท้าทายกว่าที่นี่

กว่าที่จรัมพรจะวางระบบงานบริหารภายในและเตรียมกำลังพลนับร้อยลงตัว ก็ประจวบเหมาะกับสำนักงานแห่งใหม่ของ "เอสซีบี ซีเคียวริตีส์" ที่อาคารสินธรเสร็จปลายปีนี้พอดี

"นโยบายของเราเน้นที่ความมั่นคงมากกว่า เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นธุรกิจหลักทรัพย์ที่ดีที่สุดอันหนึ่ง เราต้องมีรีเสิร์ชที่ดีกับวาณิชธนกรที่เก่งให้บริการลูกค้า ดังนั้นมันเร็วไม่ได้ แค่รีเสิร์ชดี ๆ ก็ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าหกเดือน ขณะนี้เราไม่เน้นด้านมาร์เก็ตติ้ง ไม่มีเป้าตายตัว แต่เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ เน้นบริการลูกค้าให้ดีและถูกต้องรวดเร็ว เมื่อเฟืองภายในเดินคล่องแล้ว จะใส่เกียร์หนึ่งไปเกียร์ห้าก็ย่อมได้" จรัมพรเน้นถึงการเตรียมพร้อมระบบบริหารภายในให้ลงตัวก่อนรุกก้าวไปบุกตลาด

แม้ว่าธนาคารไทยพาณิชย์จะมีแขนขาธุรกิจบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ถึง 4 แห่ง ได้แก่ ธนชาติ บุคคลัภย์ และสินอุตสาหกรรมที่มั่นคง และมีบทบาทโดดเด่นแล้วก็ตาม แต่การรุกก้าวเข้าไปพัฒนาธุรกิจหลักทรัพย์ครบวงจร ทั้งธุรกิจการประกันการจำหน่ายตราสารทางการเงินต่าง ๆ SECURITIZATION ธุรกิจพี่เลี้ยงหรือสปอนเซอริ่ง และธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงินของโครงการขนาดใหญ่ต่าง ๆ โดยใช้ บล. เอสซีบี ซีเคียวริตีส์เป็นแกนนำ ถือว่าเป็นการปรับตัวครั้งสำคัญ เพื่อช่วงชิงโอกาสได้เปรียบในสถานการณ์แข่งขันในระบบการเงินที่เปิดเสรีในปัจจุบัน!!



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.