"ดร. ฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ ว่าที่ PRESIDENT คนใหม่?!"

โดย สุปราณี คงนิรันดรสุข
นิตยสารผู้จัดการ( เมษายน 2536)



กลับสู่หน้าหลัก

"เราจะหาคนอย่างดร. ฉลองภพ ไม่ได้อีกแล้ว ! เป็นคนที่รักงานวิจัยเป็นชีวิตจิตใจ" ไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่คนอย่าง ดร. อาณัติ อาภาภิรม จะกล่าวชื่นชมวิถีแห่งการทำงานของบุคคลหนึ่งเช่นนี้

ภายในห้องทำงานอันอัดแน่นไปด้วยหนังสือและเอกสารที่วางกองพะเนิน ชายร่างสันทัด ผิวขาว ผู้มีลักษณะเด่นที่ดวงตาอันรีเล็กบนใบหน้าขรึมแบบนักคิดนักวิจัย คือ ดร. ฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ เดี่ยวมือหนึ่งของทีดีอาร์ไอที่วงการนักวิจัยไทยและต่างประเทศต่างยอมรับ VISION และฝีมือในผลงานเด่นๆ ด้านทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาสังคม

ดร. ฉลองภพกำเนิดในชาติตระกูลที่ดี เป็นบุตรชายคนเล็กของ นพ. สมภพ สุสังกร์กาญจน์ ซึ่งเคยมีบทบาทโดดเดก่นในสภาหอการค้าฯ และเป็นอดีตกรรมการผู้จัดการบริษัท ชลประทานซีเมนต์ ยุคสมัยมืออาชีพก่อนที่คุณหญิงลลิลทิพย์ ธารวณิชกุลและพวกจะเข้ามาล้างบาง

"ชื่อของผมและพี่ชายเป็นการผสมผสานชื่อของคุณพ่อ-คุณแม่คือชื่อ 'ขอพร' มาถึงผมก็ไปทางพ่อ ทำให้มีชื่อว่า 'ฉลองภพ'" มีเสียงหัวเราะนิดๆ ที่กลั้วไปกับคำบอกเล่าถึงที่มาของชื่อตัวเอง

ชีวิตในวัยเด็ก ดร. ฉลองภพต้องจากเมืองไทยไปตั้งแต่อายุ 11 ปี หลังจากเรียนจบ ม. 3 จากโรงเรียนอำนวยศิลป์ ก็บินไปเรียนต่อที่เมืองผู้ดีประเทศอังกฤษ เริ่มต้นเรียนอยู่โรงเรียนเตรียม (PREPARATORY SCHOOL) สองปีก่อนที่สอบเข้า BRYNATON SCHOOL ซึ่งเป็น PUBLIC SCHOOL (หรือในอเมริกาเรียก 'ไฮสกูล') ที่มีชื่อเสียงมากของอังกฤษ โดยมีเพื่อนร่วมชั้นคือ ดร. ปิยะสวัสดิ์ อัมระนันทน์ บุตรชายของปรก อดีตรมต. พาณิชย์

จาก BRYANTON SCHOOL สำหรับนักเรียนที่ได้เกรด A สี่ตัวตลอดในวิชาคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เศรษฐศาสตร์ และ APPLIEDMATH อย่างดร. ฉลองภพ เขาสอบเข้าเรียนต่อได้ที่มหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ซึ่งนับว่าต้องผ่านด่านข้อสอบที่ยากที่สุดในชีวิตวัยเรียน

"การแข่งขันเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ในอังกฤษ เราต้องไปหา PUBLIC SCHOOL ที่ดี เพราะอย่างที่โรงเรียนผม ครูทุกคนเป็นศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดและแคมบริดจ์ทั้งนั้น ทำให้นักเรียนพอจะรู้แนวการสอบเข้าได้ คล้ายๆ โรงเรียนเตรียมอุดมของเราที่มีชื่อเสียงว่าเด็กสอบเข้าจุฬาฯ และธรรมศาสตร์ได้มาก" ดร. ฉลองภพเล่าให้ฟังถึงข้อได้เปรียบที่มีโรงเรียนดีและครูดี

ขณะที่ดร. ฉลองภพสอบเข้าแคมบริดจ์เรียนต่อปริญญาตรีสาขาเศรษฐศาสตร์ได้ ดร. ปิยะสวัสดิ์เพื่อนรักก็เข้าออกซ์ฟอร์ดได้เช่นกัน แม้จะห่างกันแต่ทั้งคู่ก็ประสบความสำเร็จสูงสุดทางการศึกษาระดับปริญญาเอกสาขาเศรษฐศาสตร์

"สำหรับคนไทยที่เรียนแคมบริดจ์รุ่นเดียวกับผมคือ อจ. รังสรรค์ ธนะพรพันธุ์ และบุรินทร์ บริบูรณ์ ซึ่งทำงานอยู่ในบริษัท H&Q ในเครือบริษัทซิโน-ไทย" ดร. ฉลองภพเอ่ยถึงเพื่อนร่วมรุ่นที่เรียนปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์ที่เดียวกัน

เส้นทางชีวิตที่เลือกแล้วว่าจะมุ่งสู่ความเป็นนักวิชาการ โดยไม่สนใจเส้นทางนักธุรกิจเฉกเช่นพ่อซึ่งยังคงดำเนินกิจการ "บริษัทรวมแพทย์" ขายอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์และพี่ชายซึ่งปัจจุบันเป็นผู้จัดการฝ่ายโรงงานของบริษัทไทยพลาสติคและเคมีภัณฑ์

"คนเราก็ทำตามที่เลือก และผมก็ไม่ค่อยเก่งด้านธุรกิจ ขณะที่ลูกผมที่มีอายุเพิ่งสี่ขวบเองมีแววเก่ง คือธุรกิจมันต้องมี SENSE เซ็งลี้ ผมก็มี แต่ยิ่งเรียนเศรษฐศาสตร์มาก ความเก่งกาจในการเซ็งลี้ก็ยิ่งลดลง เพราะนักเศรษฐศาสตร์จะคิดมากเกินไป ไม่กล้าตัดสินใจเมื่อถึงเวลา" ดร. ฉลองภพให้เหตุผลถึงทางเลือกวิถีชีวิต

ดร. ฉลองภพได้เป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยเบอร์กเล่ย์สองปี และไปทำงานเป็นเศรษฐกรประจำที่ธนาคารโลกอีกหกปี ก่อนที่จะเข้ามาทำงานทีดีอาร์ไอ

"ตอนที่ผมอยู่ธนาคารโลก ผมกลับมาที่นี่ประมาณปี 1982 (2525) เพราะธนาคารโลกมีโครงการวิจัยร่วมกับสภาพัฒน์ฯ เพื่อจะพัฒนาเครื่องมือในการทำแผนระดับ MACRO ผมก็ร่วมช่วยเขาในโครงการนั้นและได้พบกับ อจ. ดร. เสนาะ ท่านก็พูดว่าพยายามจัดตั้งสถาบันวิจัยและหากเป็นไปได้อยากจะชวนให้กลับมาทำงาน" นี่คือจุดเริ่มต้นของการกลับสู่มาตุภูมิของดร. ฉลองภพในเวลาต่อมา

ในที่สุดหกเดือนให้หลังจากที่ตั้งทีดีอาร์ไอขึ้นมา ดร. ฉลองภพก็รับข้อเสนอที่ดร. ปิยะสวัสดิ์ เพื่อนรักซึ่งขณะนั้นทำงานอยู่สภาพัฒน์ชักชวนให้กลับมาทำงานเมืองไทย ด้วยเหตุผลที่เล่าให้ฟังว่า

"ตั้งแต่ผมกลับมาทำงานที่ทีดีอาร์ไอจนย่างเข้า 8 ปีแล้ว ผมคิดว่าดีมาก ถ้าอยู่ที่เวิร์ลแบงก์เราได้เพียงประสบการณ์เพราะเขาเป็นสถาบันพัฒนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกที่เราเรียนรู้ได้มาก แต่ว่างานส่วนใหญ่เป็นระดับอินเตอร์ เราอาจจะไปวิจัยที่อินเดีย มันคงมีประโยชน์ แต่ไม่ตรงต่อประเทศไทย

แต่เมื่อเรากลับมา เราได้ใช้ประสบการณ์ช่วยประเทศโดยตรง และทีดีอาร์ไอเป็นสถาบันที่เราไม่ต้องปรับตัวมากเกินไป หลายคนอยู่เมืองนอกมาทำงานราชการไทย ต้องปรับตัวมาก แม้แต่ในวงธุรกิจก็ลำบาก แต่ที่ทีดีอาร์ไอนี้เราทำคล้ายๆ กับที่เราเคยทำ"

ตำแหน่งแรกเริ่มในฐานะ RESEARCH FELLOW ของดร. ฉลองภพในฝ่ายการวิจัยนโยบายเศรษฐกิจส่วนรวม (MACROECONOMICS PROGRAM) ซึ่งมีที่ปรึกษานายกฯ เปรมอย่าง ดร. วีรพงษ์ รามางกูร เป็นผู้อำนวยการฝ่ายฯ นับว่า เป็นงานที่ท้าทายกลุ่มคนหนุ่มไฟแรงซึ่งคาดหวังอย่างสูงกับวิจัยเชิงนโยบาย

"ดร. ฉลองภพเข้ามาทำงานที่นี่ คุณหมอสมภพยังมาหาผมเลยว่า 'อาจารย์ทำอะไรอยู่? ลูกชายผมถึงจะมาทำงานด้วย' ผมก็ต้องอธิบายยาวและบอกว่าถ้าหากชอบงานวิจัยแล้วละก้อ อยู่ที่นี่มันดีมีอนาคต" ดร. อาณัติ อาภาภิรม เล่าให้ฟังถึงยุคต้นๆ ที่บทบาทของทีดีอาร์ไอยังไม่เป็นที่รู้จัก

หลังจาก ดร. วีรพงษ์ลาออก ดร. ฉลองภพ ก็ได้เป็นผู้อำนวยการฝ่าย MACROECONOMIC POLICY ควบคู่กับฝ่ายวิจัยทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาสังคมตั้งแต่เดือนมกราคม 2530 จวบจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ซึ่งบทบาทของ ดร. ฉลองภพ เด่นชัดมากขึ้นเนื่องจากมีผลงานวิจัยเชิงนโยบายที่สำคัญๆ ออกมาเป็นที่ยอมรับ

"ในส่วนฝ่ายของผมเอง ทำงานให้กับสภาพัฒน์มากในแผน 7 โดยมีโครงการวิจัยเชิงนโยบายใหญ่ๆ 3 โครงการ คือหนึ่ง-โครงการความสัมพันธ์ประชากรกับการพัฒนาประเทศ ที่เป็น INTEGRATED PLANNING ที่อยากให้เกิดมีการศึกษาเรียนต่อ ป. 6 มากขึ้นเพื่อเด็กจะเข้าสู่ตลาดแรงงานน้อยลงและมีคุณภาพแรงงานในอนาคตที่ดีขึ้น

สำหรับโครงการที่สองเกี่ยวกับการวางแผนกำลังคน เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมและการบริการ โดยเน้นงานจำพวกช่างหรือเทคนิเซียน และสาม-โครงการวิจัยเกี่ยวกับกรอบการพัฒนาเมือง" ดร. ฉลองภพเล่าให้ฟัง

แม้งานจะหนัก แต่ยามว่างของ ดร. ฉลองภพก็มีกีฬาที่โปรดปรานมากๆ คือ "ตีกอล์ฟ" และเป็นสมาชิกชมรมกอล์ฟอยู่หลายแห่ง อาทิเช่น ชมรม R.Y.B และชมรม GOLF DIGEST

"กอล์ฟเป็นกีฬาที่ทำให้เราลืมโลก ไม่คิดถึงเรื่องอื่นๆ ความสนใจจะอยู่กับลูกขาวๆ เล็กๆ แม้จะใช้เวลานานแต่ก็สัมผัสธรรมชาติที่เดินป่าและบรรยากาศดี ผมพยายามเล่นทั่วทุกสนาม โดยตั้งเป้าไว้ว่า ก่อนที่จะตีไม่ไหว ผมอยากจะเล่นทุกสนามในประเทศไทย อย่างน้อยหนึ่งครั้ง" ความสดชื่นจากเสียงหัวเราะออกจากปาก ดร. ฉลองภพบ่งบอกถึงการตีกอล์ฟเป็นความสุขส่วนตัว

นอกจากกอล์ฟแล้ว ดร. ฉลองภพยังรักการถ่ายรูป ล้างและอัดรูปขาวดำ ซึ่งให้อารมณ์มากกว่างานภาพสีซึ่งใช้เทคนิคที่ทางร้านทำได้ดีกว่า

บนเส้นทางชีวิตอันเรียบง่ายของคนที่รักงานวิจัยอย่างดร. ฉลองภพจึงเป็นที่น่าจับตาว่าจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง PRESIDENT คนใหม่ของทีดีอาร์ไอแทนที่ดร. อัมมาร์ สยามวาลา ผู้จะหมดวาระตำแหน่งในราวเดือนกันยายนปีหน้าหรือไม่?

"ตำแหน่งไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญคือว่า ดร. อัมมาร์และผมอยู่ที่นี่ ตั้งแต่ที่ยังไม่มีอะไรเลย ไม่มีใครรู้จัก เราพยายามสร้างความเข้าใจทั้งภาคราชการ เอกชนและสาธารณชนให้รู้จักเรา ในที่สุดผมคิดว่าเราได้ MAINTAIN MOMENTUM ไว้ได้ ผมคิดว่าอันนี้แหละเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของทีดีอาร์ไอ" ดร. ฉลองภพกล่าวทิ้งท้าย



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.