64 ปี ของคริสเตียนีและนิสเส็น เป็นช่วงเวลาที่ยาวไกล การเทคโอเวอร์บริษัทแม่เมื่อ
2 ปี ก่อน ทำให้บริษัทก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดขยับขึ้นเป็นยักษ์ใหญ่ที่มีอาณาจักรครอบคลุมไปในหลาย
ๆ ประเทศ รวมทั้งการแตกแขนงธุรกิจไปในกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศ
แต่ความใหญ่กับความแข็งแกร่งไม่ใช่เรื่องเดียวกันเสมอไป
" คริสเตียนี และนิลเส็น (ไทย)" หรือ ในชื่อ อดีตว่า "
คริสเตียนี และนิสเส็น (สยาม)" เป็นบริษัทก่อสร้างเก่าแก่อีกรายหนึ่งที่เข้ามาวางรากฐานในไทยตั้งแต่ปี
พ.ศ. 2473 ซึ่งถ้าหากสืบประวัติไปที่บริษัทแม่แล่วจะพบว่า คริสเตียนี และนิสเส็น
ได้เริ่มก่อตั้งเป็นครั้งแรกโดยความคิดของ ดร. รูดอล์ฟ คริสเตียนี และกัปตันอากี้
นีสเส็น เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2447 โดยในระยะแรก ๆ นั้น คริสเตียนีฯ
จะเน้นรับงานในยุโรปเสียเป็นส่วนใหญ่ ด้วยความเป็นบุกเบิกในวงการก่อสร้างใหม่
ๆ อาทิ เช่น การพัฒนาเซลล์คอนกรีต ( Cell concrete) ซึ่งเป็นงานซิเมนต์เบา
ซึ่งมีการนำเอาเทคนิคนี้ไปใช้กันทั่วโลก แล้วในปัจจุบัน หรือการค้นพบวิธีผลิตแผ่นผ่อนน้ำหนักซึ่งทำด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก
เพื่อใช้ทั้งการวางผังตอกเสาเข็มในแนวตั้ง ระบบนี้ได้นำมาใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก
ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อ " CN WHARF" งานในยุคแรกที่สร้างชื่อเสียงให้กับคริสเตียนีฯ
บริษัทแม่เป็นอย่างมาก เช่นงานออกแบบและก่อสร้างสะพานสโตร์สตรอม ในประเทศเดนมาร์ก
หรืองานออกแบบและก่อสร้างอุโมงค์ ในเมืองรอทเทอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นอุโมงค์คอนกรีตเสริมเหล็ก
หลายช่องทางใต้ทะเล ซึ่งถือเป็นงานอุโมงค์ค์ที่ใช้วิธีการของคริสเตียนีเข้ามาก่อสร้างเป็นงานแรก
การก่อสร้างทางรถไฟสายแอลพาลมาโซลา ในเวเนซูเวล่า ความยาว 60 กิโลเมตร ซึ่งแม้ว่าจะเป็นงานค่อนข้าง
" หิน" ที่ต้องทำผ่านภูมิประเทศที่ยากลำบาก และต้องก่อสร้างในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
คริสเตียนีก็ผ่านมาแล้ว งานที่คริสเตียนีแห่งหนึ่งคือ การสร้างอัฒจรรย์ฟุตบอลมาราคานา
ในบราซิล ซึ่งมีเนื้อที่ถึง 45,000 ตารางเมตร สามารถรองรับผู้ชมได้มากถึง
200,000 คน นับเป็นสนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดในโลก
จะพบว่า คริสเตียนนี ได้พยายามสยายปีกรับงานออกไปในภูมิภาค ต่าง ๆ เช่นอเมริกา
ใต้ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มากขึ้นเป็นอันดับ รวมทั้งการขยายตัวเข้ามาในย่านเอเชีย
แปซิฟิค ด้วย
ประเทศไทย ถูกเลือกให้เป็นฐานบัญชาการของคริสเตียนีฯ ในเอเชีย ตั้งแต่แรก
ในวาระแรกที่คริสเตียนีฯ เข้ามารับงานก่อสร้างในไทยนั้น ก้จำเป็นต้องฝ่าฟันและเรียนรู้ถึงธรรมเนียมและประเพณีในงานก่อสร้างของไทยอยู่พอสมควร
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับหน่วยงานหรือองค์กรต่าง ๆ
ที่จะมีงานใหญ่ให้ทำ จนกระทั่งในช่วงต่อมาหลายต่อหลายองค์กรเหล่านั้น ได้เข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากต่อการเติบโตของคริสเตียนีฯ
ในช่วงต่อไป
งานก่อสร้างที่เป็นหน้าเป็นตาให้กับคริสเตียนีฯ ในการเข้ามาเมืองไทยวาระแรก
ก็คือการเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างท่าเทียบเรือคลองเตย ยาว 2,000 ซึ่งถือเป็นงาน
" หิน" ชิ้นแรกที่คริสเตียนีทำในเมืองไทย เนื่องจากต้องประสบกับปัญหาสภาพดินที่กรุงเทพฯ
ซึ่งอ่อนกว่าที่อื่นมในโลก ทำให้คิสเตียนี ต้องตอกเสาเข็มมากถึง 22,000 ต้น
เพื่อเสริมความมั่นคงของโครงสร้าง
งานอีกชิ้นหนึ่งที่ดูจะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้กับคริสเตียนีได้จนเป็นที่รู้จักกันทั่วไปคือ
การก่อสร้างอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย รวมถึงอาคารโดยรอบถนนราชดำเนิน และการก่อสร้างสนามมวยราชดำเนิน
เมื่อคริสเตียนี เริ่มกล้า ขาเริ่มแข็ง พร้อมกับการได้พี่เลี้ยงที่มีชื่อเสียงในวงการ
อย่างเช่น สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ ( และบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ในเครือ
คือ ธนสยาม และ ธนชาติ ในเวลาต่อมา) กลุ่มแลนด์แอนด์เฮาส์ กลุ่มสมประสงค์
( ปัจจุบันได้ถอนตัวออกไปแล้ว) เข้ามาคอยคัดหางเสือให้คริสเตียนีเดินไปในแนวทางที่ถูกต้อง
ก็ทำให้บริษัทรับเหมาจากต่างชาติรายนี้รับความเป็นไทยเข้ามาในสายเลือดมากขึ้น
และด้วยสถานการณ์ในการรับงาน บวกกับความเชี่ยวชาญในหมู่ผู้ถือหุ้นซึ่งอิงกับภาคอกชนมาตลอด
ทำให้คริสเตียนีต้องเปลี่ยนบุคลิกตัวเองให้หันมาจับงานภาคเอกชนตามกระแสของผู้ถือหุ้นด้วย
การจับมือตั้งบริษัทใหม่ระหว่างคริสเตียนี และนีลเส็น กับฟิลปป์ ฮิสส์แมนน์
จากเยอรมัน ในช่วงปี 2530 เป็น "คริสเตียนี-ออสส์แมนน์ จำกัด"
เพื่อรับงานภาคเอกชน โดยเฉพาะงานอาคารสูงขนาดใหญ่ ขนาดกลาง เป็นความพยายามครั้งสำคัญของคริสเตียนีฯ
ที่จะเข้าไปสร้างชื่อในงานอีกประเภทที่มีอัตราเติบโตสูงเป็นอย่างมากในช่วงนั้น
แต่แล้วการเดินทางบนถนนเส้นทางใหม่ของคริสเตียนี ก็ต้องประสบกับขวากหนามสำคัญเมื่อการร่วมมือกับฟิลิป
ฮอสส์แมนน์ จำเป็นต้องหยุดลง หลังจากผูกสัมพันธ์กันมาได้เพียง 3 ปีเท่านั้น
สาเหตุหลักใหญ่ ที่ค่ายใหญ่ทั้ง 2 จำเป็นต้องแตกคอกันในครั้งนั้น ผู้สันทัดกรณีในวงการก่อสร้าง
กล่าวว่า เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่าย หวังจะเป็นใหญ่ในวงการก่อสร้างของไทยทั้งคู่
การเข้ามาอยู่ใต้ร่มธงเดียวกันนั้นก็เป็นไป เพือ่ถ่ายทอดความรู้ของอีกฝ่าย
และซุ่มลับฝีมือเพื่องานใหญ่ในอนาคต
" ซึ่งในที่สุด ก็ถือเป็นโชคดีของทั้ง 2 ฝ่าย เมื่อต้องแยกทางกันเดินแล้ว
ปรากฏได้ว่าดีทั้งคู่ เพราะในขณะที่คริสเตียนีฯ ได้ขยายออกไปอย่างกว้างขวางนั้น
ฟิลิปปินส์ ฮอสส์แมนน์ ก็กวาดงานก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ไว้ในมือมากมาย จนมาอยู่ในแถวหน้าของวงการได้อย่างรวดเร็ว
และยังเข้าไปเป็นหัวหอกในการผลักดันโครงการรถไฟฟ้าใต้ดินอีกด้วย"
ในส่วนของคริสเตียนี ที่ว่าขยายงานไปอย่างกว้างขวางนั้น หลังจากแยกตัวจากฟิลิปป์
คริสเตียนีฯ ก็ได้ สร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการก่อสร้างไทย โดยได้เข้าเทคโอเวอร์กับบริษัทแม่
คริสเตียนี แอนด์ นีลเส็น เอ/เอส จำกัด ที่เดนมาร์ก ในวันที่ 26 ธันวาคม
2535 โดยเข้าไปซื้อหุ้นทั้งหมดจำนวน 98% มาจากบริษัทแม่
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ฐานบัญชาการของคริสเตียนีฯ ทั่วโลกจึงอยู่ที่เมืองไทย
สาเหคุประการสำคัญที่คริสเตียนีฯ บริษัทแม่ต้องมาประสบกับวันนั้น เนื่องจากภาวะก่อสร้างของยุโรป
ได้ตกต่ำลงเป็นอย่างมากในช่วงนั้น ตรงกันข้าม กับภาวการณ์รับงานในแถบเอเชียมีแต่สูงขึ้น
ประจวบเหมาะกับคริสเตียนีฯ ที่เป็นบริษัทแม่ต้องประสบกับปัญหาภาระหนี้สินเรื้อรังติดต่อมาเป็นเวลานาน
การเข้าไปของคริสเตียนีฯ ไทยนี้ได้เข้าไปกอบกุ้สภถานการณ์ให้กับคริสเตียนีที่เป็นบริษัทแม่ได้พอสมควร
ในขณะเดียวกัน คริสเตียนีฯ ไทยเองก็หวังเป็นอย่างมากว่า ช่องทางการลงทุนซึ่งบริษัทแม่ได้ไปแผ้วถางทางไว้ให้แล้วตามภูมิภาคต่าง
ๆ ทั้งในยุโรป ลาตินอเมริกา ตะวันออกกลาง ยุโรปตะวันตก หรือแม้แต่อดีตสหภาพโซเวียตรัสเซียนั้น
จะทำให้แผนการขยายอาณาจักรของคริสเตียนีฯ อกไปให้ครอบคลุม และครบถ้วนทุกข่ายงานของวงการก่อสร้าง
จึงน่าประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย
นั้น จึงเป็นที่มาของการขยายงานออกไปอย่างกว้างไกล
ความครบถ้วนในทุกเครือข่ายของวงการก่อสร้างที่คริสเตียนีฯ หวังไว้คือ การขยายงานอาณาจักรเข้าไปในงานก่อสร้าง
งานวิศวกรรมสนับสนุนงานก่อสร้าง และงานพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่ ณ ที่นี่
จะขอร่ายยาวให้เห็นถึงการขยายอาณาจักรของคริสเตียนี ทั้งในไทยและในภูมิภาคอื่น
ๆ ทั่งวโลกตามลำดับ
สำหรับการลงทุนของคริสเตียนีฯ ในไทยนั้น ในส่วนของงานก่อสร้างนั้น คริสเตียนีฯ
จะรับหน้าที่เองทั้งหมด แต่ในส่วนกลางของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นงานแขนงใหม่ของคริสเตียนีฯ
นั้น การจัดตั้งบริษัทสยามจตุจักร จำกัด เพื่อดูแลงานพัฒนาโครงการ "
ออกซฟอร์ด พลาซ่า" ย่านลาดพร้าว ถือเป็นความพยายาม ในขั้นต้น ๆ ของคริสเตียนี
ที่หวังจะเข้ามาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นี้ แม้ว่าจะติดขัดในปัญหาต่าง ๆ
มาก ซึ่งจะได้กล่าวถือต่อไป
ส่วนโครงการอื่นที่ประกาศตัวในเวลาใกล้เคียงกันคือ ซีเอ็น เพลส ดำเนินการโดยบริษัท
ซีเอ็นเพลส ซึ่งจะพัฒนาพื้นที่บนถนนสีลม ในอาณาบริเวณ 3 ไร่ ถัดจากนั้น ก็จะมาถึงบริษัท
สยามไชยศรี ซึ่งคริสเตียนีฯ เข้าไปถือหุ้น 99.99% ซึ่งอยู่ในระหว่างการดำเนินการว่าจะพัฒนาพื้นที่ใด
นอกจากนั้น แล้วล่าสุด คริสเเตียนีฯ ก็ได้เข้าถือหุ้นในบริษัท ไทยซีเอ็น
เทรดดิ้ง คอร์ปอเรชั่น จัดเพื่อเป็น โฮลดิ้ง คัมปะนี ในการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ของไทยซีเอ็นฯ
นี้คือการเข้าไปลงทุนในโครงการไทยพาณิชย์พาร์คพลาซ่า ของบริษัททเอสซีบี โฮลดิ้ง
ในเครือไทยพาณิชย์
ในส่วนของงานวิศวกรรม ซึ่งเป็นงานอีกประเภทหนึ่งที่คริสเตียนีฯ หวังจะใช้เป็นทัพหลังที่คอยสนับสนุนงานก่อสร้างในไทยนั้น
นับตั้งแต่ปี 2536 เป็นต้นมา คริสเตียนีฯ ได้เข้าร่วมทุนกับบริษัทชั้นนำทางด้านนี้หลายรายด้วยกัน
นับแต่การร่วมทุนกับกลุ่ม เมเมค (พาวเวอร์) จากประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นบริษัทชั้นำที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งในวงการวิศวกรรมโลก
โดยการร่วมลงทุนครั้งนี้จะมุ่งเน้นไปที่งานก่อสร้างโรงงานผลิตสถานีไฟฟ้าแรงสูง
และระบบส่งกำลังไฟฟ้าเป็นสำคัญ ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นงานใหม่ที่คริสเตียนีจะเข้ามาจับเพื่อให้ฐานทางธุรกิจครบวงจร
แต่คริสเตียนีฯ ก็ให้ความสำคัญกับบริษัทคริสเตียนี เมเมค เอเชีย แห่งนี้เป็นอย่างมาก
โดยได้ตั้งเป้าในปีแรกของการดำเนินการไว้ประมาณ 30-40 ล้านบาท และคาดหวังว่า
ภายในอนาคตอันใกล้ เป้าน่าจะไปถึงระดับ พันล้านบาทได้โดยไม่ยาก
นอกจากนั้น การเข้าถือหุ้นในบริษัทยูนิมิต แฮร์ และการเปลี่ยนชื่อเป็นซีเอ็น
ยูนิมิต แฮร์ ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการขยายบทบาทตัวเองเข้าไปในอุตสาหกรรมโครงสร้างเหล็ก
ซึ่งถือได้ว่าโรงงานแห่งใหม่ที่เข้าไปร่วมทุนนี้มีระบบการผลิตที่ทันสมัยทีสุดในประเทศไทย
โดยในขณะนี้มีกำลังผลิตประมาณ 15,000 ตันต่อปี คริสเตียนีฯ หวังเป็นอย่างมาก
การเข้าไปสู่ธุรกิจนี้ จะช่วยทำให้ตัวเองมีข้อได้เปรียบในการเข่งขันเพื่อรับงานอาคารสุงที่ใช้โครงสร้างเหล็กซึ่งกำลังใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
การเข้าไปขยายข่ายงานวิศวกรรมของคริสเตียนีฯ ในไทย ยังไม่จบเพียงเท่านี้
เพราะยังมีบริษัทอีกหลายแห่งบที่คริสเตียนีฯ เตรียมที่จะเข้าไปลงทุน โดยล่าสุด
หลังจากได้มีการดึงบริษัทอินเตอร์เทค ซึ่กอ่กำเนิดจากบริษัทแม่ ที่รับงานด้านวิศวกรรมและระบบเป็นสำคัญในหลายภูมิภาคของโลก
เช่นแถบสแกนดิเนเวีย และอัฟริกา ให้เข้ามาเปิดสาขาในไทย รวมถึงการเปิดบริษัทลิงค์
เวลล์อินเตอร์ เนชั่นแนล และบริษัทแคนลิฟท์ เพื่อรองรับงานอุปกรณ์อำนวยการความสะดวกในงานก่อสร้าง
นับแต่ทาวเวอร์เครน ลิฟท์ขนส่ง ปั้นจั่น ก็ได้มีการจัดตั้งบริษัท c-con ขึ้น
ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของคริสเตียนีฯ กับกลุ่มแลนด์แอนด์เฮาส์ และบริษัทพีซีเอ็ม
จำกัด เพื่อก่อตั้งโรงงานอิฐบล็อกมวลเบา ที่บางปะอิน อยุธยา
อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก อัตราการเติบโตของงานวิศวกรรมยังอยู่ในอัตราที่ไม่สูงมากนัก
ประมาณ 5 % ของรายได้รวม แต่ในระยะยาวแล้ว อัตราการเติบโตน่าจะกระเถิบขึ้นไปในช่วง
10-15% ดังนั้นในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า จะได้มีการการลงทุนในกิจการด้านนี้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ
10-15% เช่นเดียวกัน
ที่กล่าวมาเป็นการลงทุนของคริสเตียนเฉพาะในไทยทั้ง 3 ด้าน สำหรับการลงทุนในประเทศภูมิภาค
เอเชีย แฟซิฟิค ได้มีการก่อตั้งบริษัทคริสเตียนีฯ ทั้งในจีน ฮ่องกง และมาเลเซีย
ก่อนหน้านี้ ได้เป็นการตอกย้ำท่าทีของคริสเตียนีฯ ในเรื่องนี้ โดยในประเทศจีน
นั้น คริสเตียนนีฯ ได้พุ่งเป้าพุงเป้าไปเจาะลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ใน 3
เมือง สำคัญคือ เสิ่นหยาง กวางสี และกวางเจา
ข้อน่าสังเกตของการเข้าไปลงทุนในจีนของคริสเตียนีคือ ความสามารถที่จะเข้ากับค่ายใหญ่อย่างกลบุ่มซีพี
ที่ไปสร้างฐานไว้เป็นเวลานานในประเทศ จีน กับ กลุ่มสยามพาณิชย์พัฒนาอุตสาหกรรม
( บริษัทร่วมทุนระหว่างสำนักงานทรัพย์สิน,คริสเตียนีฯ และแลนด์แอนด์เฮาส์
ก่อสร้างศูนย์พาณิชย์กลางเมืองขนาดพื้นที่ 500,000 ตารางเมตร ที่เมืองเสิ่นหยาง
โดยใช้ชื่อว่า เสิ่นหยางซิตี้เซ็นเตอร์ ที่เมืองกวางสี คริสเตียนีฯ เข้ารับงานบริษัทที่ปรึกษาก็เตรียมจะผลักดันให้เกิดโครงการใหญ่ในอนาคต
ที่เวียดนาม ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่คริสเตียนีฯ กำลังจับตามองเป็นสำคัญ การจัดตั้งตัวแทนที่กรุงโฮจิมินห์ซิตี้
และได้เข้าร่วมทุนแพ็คเวสต์ บริษัทอินโดไช่า พาร์ทเนอร์ จำกัด จากนิวยอร์ค
เพื่อตั้งบริษัทฮาร์โมนี่ พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป จำกัด เพื่อดำเนินการด้านอสังหาริมทรัพย์ในเวียดนาม
โครงการแรกที่จะทำร่วมกันคือ "ไซ่ง่อนไดมอนด์ ทาวเวอร์" ซึ่งร่วมมือกับบริษัทท้องถิ่นของเวียดนาม
ที่ชื่อ " ไซง่อน จิวเวลรี่" จำกัด คริสเตียนนีตั้งเป้ามหมายว่าจะเข้าไปลงทุนด้านอสังหาริมทพรัย์ในเวียดนามช่วงแรกไม่ต่ำกว่า
20โครงการ
กัมพูชา ลาว เป็นอีก 2 ประเทศ ี่คริสเตียนี กำลังส่ง " แมวมอง"
เข้าไปสำรวจทำเลว่าจะมีโอกาสพัฒนาทางด้านอสังหารมิทรัพย์ ได้มากน้อยเพียงใด
แต่เนื่องด้วยข้อตอดขัดทางกฎหมายและยังขาดความมันอกมั่นใจ ด้านการลงทุน และสถานการณ์ทั่วไปโดยเฉพาะในกัมพูชา
จึงทำให้คริสเตียนีฯ จะต้องชะลอการลงทุนใน 2 ประเทศนี้ไว้ก่อน
ทีนี้ ก็มาถึงการเข้าไปลงทุนในบริษัทแม่ " คริสเตียนี แอนด์ นีสเส็น
เอ/เอส" ที่เดนมาร์ก ด้วยเงินลงทุนที่เข้าไปเทคโอเวอร์ บริษัทแม่ ถึงเกือบ
100% ทำให้คริสเตียนีฯ ไทยค่อนข้างจะมีบทบาทสูงสุดในการชี้เป็นชี้ตาย องค์กรธุรกิจจก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่มาในอดีต
ด้วยเครือข่ายของบริษัทแม่ที่สร้างในอดีต อย่างเช่น คริสเตียนีแอนด์นีลเส็น
จีเอ็มบีเอช ที่เยอรมันนี อังกฤษ คริสเตียนีเมอรอสัน ที่สก็อตแลนด์ม และในอียิปต์
งานของคริสเตียนีฯ ที่เดนมาร์ก ที่เพิ่งรับล่าสุดและแสดงให้เห็นถึงนโยบายในการเข้าไปรับงานมในเครือข่ายได้อย่างดีก็อย่างเช่น
การ่วมทุนระหว่างคริสเตียนี ที่อังกฤา กับบริษัท technical company of general
ในการออกแบบและกอ่สร้างอุโมงค์ค์ใต้น้ำพร้อมถนน 2 เลนยาว 1 กม. ลอดช่องแคบซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉพียงเหนือของกรีก
ซึ่งคาดว่จะใช่งบประมาณในการก่อสร้างประมาณ 1,230 ล้านบาท
และอีกงานที่ถือว่าเป็นงานใหญ่พอสมควรและเครือข่ายคริสเตียนีฯ ทางแถบยุโรป
นั่นคือการให้คริสเตียนีฯ เยอรมันี ได้เข้าไปถือหุ้นในโนเบิลเคลีย จีเอ็มบีเอช
ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และเป็นบริษัทที่ดำเนินโครงการ konics
wuster hausen อันเป็นโครงการพัฒนานอกเมืองแบบรวมเข้าด้วยกันที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเบอร์ลิน
บนเนื้อที่ 870 ไร่ และจะต้องใช้งบประมาณก่อสร้างทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 16,000
ล้านบาท เป็นอย่างน้อย เพื่อผลักดันโครงการนี้
ที่กล่าวมาเป็นการวาดภาพให้เห็นถึงรายละเอียดล่าสุดของการสยายปีกเข้าไปแต่ละภูมภาคทั่วโลก
ซึ่งด้วยจำนวนของบริษัทที่มีอยู่มากมายเช่นนี้ แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ขององค์กรอสังหาริมทรัพย์ได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
เพราะการที่จะบริหารให้แต่ละบริษัทในเครือข่ายไปถึงเป้าหมายที่วางเอาไว้
น่าจะเป็นความยิ่งใหญ่ยิ่งกว่า
" เราจะมุ่งขยายเครอข่ายในแต่ละสาขาคือการก่อสร้าง วิศวกรรม และพัฒนาที่ดินไปโดยการเปิดบริษัทใหม่เพิ่มไม่ต่ำกว่า
2-3 บริษัทต่อปี และในปีนี้ เราได้ตั้งเป้ายอดการดำเนินการทั้งปี ของคริสเตียนีทั้งในประเทศและเครือข่ายทั่วโลกไว้ไม่ต่ำกว่า
1 หมื่นล้านบาทเป็นอย่างน้อย โดยเราตั้งเป้าไว้ว่า สำหรับคริสเตียนในไทยนั้น
จะต้องทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาทเป็นอย่างน้อย แต่เพียงช่วงครึ่งปีแรก
ก็สามารถสร้างรายได้มากถึง 2 พันกว่าล้านแล้ว"
จากคำกล่าวขั้นต้นของจอห์น ริชาร์ด มิลลาร์ด ประธานกรรมการบริหารและคณะกรรมการผู้จัดการของกลุ่มคริสเตียนีฯ
คงจะแสดงให้เห็นถึงจุดยืนและความเชื่อมั่นขององค์กรนี้ได้มากพอสมควร ซึ่งในคำพูดดังกล่าวนั้นมี
" นัยสำคัญ" ที่พอจะวิเคราะห์ออกมาได้ว่า คริสเตียนีฯ จะสามารถไปถึงฟากฝั่งฝันดังที่ตั้งไว้ได้หรือไม่
ปัจจัยที่น่าจับตามองซึ่งจะทำให้เป้าประสงค์ของคริสเตียนี บรรลุหรือไม่นั้น
น่าจะเริ่มจากการกำหนดทิศทาง ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี ในการบริหารบริษัทในเครือข่ายทั้งหมดจะพบว่า
ข้อได้เปรียบของคริสเตียนีฯ ที่บังเอิญได้ส้มหล่นโดยสามารถเข้าไปซื้อกิจการบริษัทแม่ในราคาค่อนข้างถูก
โดยเป็นเงินกู้จากธนาคารในเดนมาร์ก 1,500 และเป็นเงินสดอีก 500 ล้านบาท รวมแล้วเป็น
2,000 ล้านบาทเท่านั้น จากจุดนี้เอง ช่วยสร้างความเชื่อมั่นเป็นอย่างมากต่อกลุ่มคริสเตียนีฯ
ในเมืองไทย
ทังนี้นอกจากคริสเตียนีฯ จะได้รับการถ่ายทอดเทคดนดลยีฯ และความเชี่ยวชาญหลาย
ๆ ส่วนรวมถึงสินทรัพย์ต่าง ๆ ในยุโรปมาให้ที่ไทยแล่ว เครดิตในการรับงานของคริสเตียนีฯ
ในไทย ก็พลอยดีตามไปด้วย โดยสังเกตได้จากงานในปัจจุบัน ที่คิรสเตียนีฯ (
ไทย) รับอยู่ในปัจจุบันมีอยู่ถึง 32 โครงการ ซึ่งถึงว่าจะเป็นงานขนาดเล็ก
หรือกลางเป็นส่วนใหญ่ จะมีงานใหญ่ก้อย่างเช่น โครงการไทยพาณิชย์พาร์คพลาซ่า
แฟชั่นไอร์แลนดื แต่การที่คริสเตียนีฯ จะมีความสุขอยูกับเครดิตที่สั่งสมไว้ก่อนหน้า
โดยไม่มองไปทิศทางของงานก่อสร้างอนาคตไว้ให้ดี แล้ว ย่อมจะประสบปัญหาในการรับงานอย่างแน่นอน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในปัจจุบัน ที่งานก่อสร้างอาคารสูง ขนาดใหญ่หรือคอมเพล็กซ์
แม้ว่าจะมีเกิดขึ้นบ้าง แต่ ด้วยอุณหภูมิการแข่งขันเพื่อรับงานในช่องทางนี้นับวันจะสูงขึ้น
ทั้งในกลุ่มของผู้รับเหมาก่อสร้างไทย หรือต่างชาติ รายอื่น เช่นญี่ปุ่น แม้แต่ผู้รับเหมาที่มาแรงเช่น
ฟิลิปปินส์ ฮอสส์แมนน์ ซึ่งเคยเป็น " ฺ BUDDY" กันมาก่อน กับคริสเตียนีฯ
ก็ขึ้นขั้นมาเป็นผู้รับเหมาที่มีงานมากที่สุดรายหนึ่งในขณะนี้ และด้วยกระแสแข่งขันมนช่องทางนี้
นับวันจะรุนแรง ฟิลิปปินส์ ฮอสส์แมนน์ ก้ได้เริ่มหาแนวทางที่จะปรับทิศทางของตน
เข้าไปรับงานสาธารณูปโภคขนาดใหญ่เช่นรถไฟฟ้าใต้ดินแล้ว
จึงเป็นคำถามว่า คริสเตียนีฯ มีแนวความคิดที่จะปรับทิศทางของตนเข้าไปรับงานสาธารณูปโภคขนาดใหญ่เช่นรถไฟฟ้า
ใต้ดินแล้ว
จึงเป็นคำถามว่า คริสเตียนีฯ มีแนวความคิดที่จะปรับทิศทางเข้าไปหาส่วนแบ่งตลาดในช่องทางอื่นกับเขาด้วยหรือไม่
" อันที่จริง แล้วทางเรามีความสนใจจะเข้าไปประมูลงานภาครัฐในอนาคตเหมือนกัน
แต่ในระยะที่ผ่านมา เรามีงานภาคเอกชนค่อนข้างมาก ต้องอย่าลืมว่าว่า คริสตียนีฯ
เกิดขึ้นมาจากการรับงานโครงสร้างพื้นฐาน เช่นท่าเรือคลองเตย ถนนสายสำคัญหลายสาย
อย่างไรก็ตาม ในช่วงต่อไปเราจะเริ่มหันมาจับงานสาธารณูปโภคมากขึ้น โดยเริ่มจากงานเล็ก
ๆ ที่มีมูลค่างานไม่สูงมากนัก" จอห์น ประธานบริหารของคริสเตีนนีฯ ยังกล่าวยอมรับด้วยว่า
ต่อไปงานภาครัฐด้านสาธารณูปโภคจะเป็นตลาดใหญ่ ในการับงานของผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ทุกค่ายเพราะจะมีงานรออยุ่ข้างหน้า
ด้วยมูลค่าที่ไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท
แต่จนถึงขณะนี้ มีปฏิกิริยาอะไรจากคริสเตียนีฯ ที่ส่อแสดงให้เห็นว่ามีความตระหนักดีต่อช่องทางงานใหม่ที่จะข้องขวนขวายรับเข้ามา
จะพบว่าแม่คริสเตียนีฯ จะมีการขยายอาณาจักรของตนเองอออกไปในข่ายงานเช่น
วิศวกรรมก็ตามที แต่ก็เป็นการขยายข่ายงานออกไปผลิตเครื่องมือหรืออุปกรณ์ก่อสร้างสาธารณปโภคขนาดใหญ่
หรือทางคริสเตียนีฯ ก้ยังไม่มีท่าทีแต่ประการใด ขนถึงขณะนี้ว่า จะร่วมปรึกษากับค่ายก่อสร้างรายใหญ่ทีมีความสมารถด้านสาธารณูปโภคที่จะชักจูงให้เข้ามาร่วมทำงานในไทยแต่อย่างใด
แหล่งข่าวนักวิเคราะห์ด้านหลักทรัพย์ให้ความคิดเพิ่มเติมว่า ทางคริสเตียนีฯ
ก็คงยอมรับโดยดุษฏีมาตั้งแต่ต้นแล้วว่า ตัวเองนั้น เป็นผู้รับเหมา งานก่อสร้างภาคเอกชนขนานแท้
เพราะที่ผ่านมา งานภาครัฐที่คริสเตียนรับอยู่นั้นมีอยุ่เพียง 2 % เท่านั้น
ซึ่งหากเปรียบเทียบกับค่ายรับเหมาก่อสร้างรายอื่น เช่นอิตาเลียนไทย ชิโนไทย
สยามซินเท็ค ซึ่งอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ด้วยกัน ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แต่ละค่ายก็ได้จับมือกับค่ายรับเหมาจากต่างชาติในรูปของ
consortium เพื่อร่วมกันประมูลงานโครงการเช่นอิตาเลี่ยนไทยในโครงการรถไฟฟ้าธนายง,
โรงบำบัดน้ำเสีย ชิโนไทยในโครงการบำบัดน้ำเช่นเดียวกัน ซึ่งทั้ง 2 รายก็ยังมีการผูกกับคู่ขาด้านงานก่อสร้างรายอื่นที่พร้อมจะดึงเข้ามารับงานสาธารณูปโภคอื่น
ๆ ในช่วงต่อไป
" อันที่จริง ถ้าคริสเตียนีฯ มีความตั้งใจจริงที่จะเข้ามาธุรกิจสาธารณูปโภคแล้ว
เขาจะต้องเริ่มออกชักชวนสมัครพรรคพวกที่รู้จักทางด้านงานสาธารณูปโภคได้แล้ว
ไม่ใช่ปล่อยให้ระยะเวลาเนิ่นนานออกมาเช่นนี้เพระาหากเขามาเริ่มต้นตอนนี้
ก็เท่ากับว่า เขาช้ากว่าคู่แข่งไปแล้วอย่างน้อย 5 ปี"
อย่างไรก็ตาม จอห์น มิลลาร์ด ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า การที่หันมาเน้นรับงานโครงสร้างพื้นฐานนั้น
จะต้องมีทีมงานบางส่วนขึ้นมา พร้อมทั้งแบ่งงานตามชำนาญ ความถนัดในขณะนี้คริสเตียนีมีบุคลากรระดับคุมงานประมาณ
800 คน โดยเป็นระดับพนักงานทั่งไปอีก 10,000 คน ซึ่งหากงานประเภทใดที่ใช้เทคโนโลยีสูง
และเมืองไทยขาดผุ้เชี่ยวชาญ ก็จำเป็นต้องขอผู้เชี่ยวชาญจากยุโรปเข้ามาช่วยด้วย
" ในแง่ของการปรับองค์กรเพือ่ประสิทธิภาพในการดำเนินการ ได้มีการทำมาในระยะ
2 ปีที่ผ่านมา และจะดำเนินต่อไปอีกระยะเวลาหนึ่ง เพือ่ประสิทธิภาพในการทำงานที่สูงยิ่งขึ้น"
สิ่งที่ยังน่าเป็นห่วงในเรื่องของทิศทางของคริสเตียนีในช่วงต่อไป ก็คือในขณะที่งานก่อสร้างในเครือข่ายที่เดนมาร์ก
และส่วนอื่นที่คริสเตียนีได้เข้าไปถือหุ้นอยู่ ยงเติบโตไม่ได้มากนัก ตามภาวะงานก่อสร้างในภูมภาคแถบนั้นที่ยังไม่กระเตื้องแต่ประการใด
การที่คริสเตียนียังคงมุ่งหวังที่จะหวังรายได้เป็นกอบเป็นกำจากคริสเตียนีที่ไทย
และคิรสเตียนีแห่งอื่นในภูมิภาคนี้เช่นจีน ฮ่องกง มาเลเซีย เพราะอุณหภูมิด้านพัฒนาอสังหาริมรัพย์ยังคงร้อนแรงอยู่นั้น
ไม่ผิดแต่ประการใด
แต่บ่าที่ต้องแบกเอาภาระของบริษัทเครือข่ายในยุโรปที่ยังทำรายได้ได้ไม่มากนัก
จะส่งผลประการสำคัญที่ทำให้คริสเตียนีฯ บริษัทแม่ที่เมืองไทย อาจจำเป็นต้องปันเงินส่วนหนึ่งเพื่อไปจุนเจือบริษัทททาง
ด้านนั้น ซึ่งจะส่งผลถึงความมั่นคงทางการเงินของคริสเตียนีฯ ในอนาคตได้
แหล่งข่าวนักวิเคราะห์รายเดิมให้ทัศนะว่าสิ่งที่คริสเตียนีฯ นอย่างยิ่งก็คือ
การอัดฉีดความช่วยเหลือด้านบุคลากรด้านการตลาดเข้าไปเสริมเพื่อให้ บริษัทเครือข่ายในยุโรปมีศักยภาพที่จะเจาะเข้างานได้เข้มแข็งกว่านี้
และหากจำเป็นก็คงต้องมีการเปลี่ยนรูปแบบการรับงานให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดมากขึ้นด้วย
การกำหนดบทบาท ยุทธศาสตร์ และยุทธวิธีทางด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของคริสเตียนีฯ
ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่จะต้องมีการพิจารณาไตร่ตรองกันใหม่ เพราะที่ผ่านมาโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของคริสเตียนีฯ
ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่จะต้องมีการพิจารณาไตร่ตรองกันใหม่ เพราะที่ผ่านมาโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของคริสเตียนีฯ
ทั้ง 3 โครงการ ซึ่งเริ่มต้นเกือบจะพร้อมกัน คือโครงการออกซฟอร์ดพลาซ่า ดำเนินการโดยบริษัท
สยามจตุจักร จำกัด โครงการซีเอ็นเพลส ดำเนินการโดยบริษัทซีเอ็นเพลส จำกัด
รวมถึงโครงการบ้านและทาวเฮ้าส์ในซอยลาซาล จนมาถึงในขณะนี้ แม้กาลเวลาจะผ่านมาเกือบ
2 ปี แล้วก็ตาม โครงการดังกล่าวก็ยังติดปัญหาจนยังไม่สามารถขึ้นโครงการได้จนถึงขณะนี้
ความไม่แน่ใจเกี่ยวกับแนวเส้นของทางด่วนและรถไฟฟ้า ดูจะเป็นเหตุผลสำคัญของโครงการทั้ง
2 โดยในส่วนของออกซ์ฟอร์ดพลาซ่านั้น เนื่องจากเส้นทางจะเป็นเช่นไร และเมื่อแนวเส้นทางได้มีความชัดเจนขึ้นมา
โครงการนี้ก็ได้เริ่มงานก่อสร้างแล้ว โดยมีการเปลี่ยนแนวความคิดของโครงการไปบ้าง
จากการมุ่งเน้นที่จะเป็นศูนย์รวมของสถาบันการศึกษาต่างประเทศก็จะออกมาในรูปของศูนย์การค้า
และที่จอดรถแทน
" ส่วนโครงการหมู่บ้านที่ซอยลาซาลนั้น เราไม่ได้ทำ เพราะไม่สามารถซื้อที่ดินในราคาที่เหมาะสมได้
โครงการใหม่ของเราที่ดูอยู่ตอนนี้จะเป็นซอยหลังสวน เรามีที่ไว้แล้ว 2 แหลง
แปลงละ 1 ไร่ ตามแนวความคิดขณะนี้เราทำเป็นคอนโดมีเนียมสูง 28 ชั้น จะก่อสร้างให้เสร็จภายใน
3 ปี" มิลลาร์ด กล่าว
นอกจากความไม่แน่นอนของคอนเซ็ปในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กิจการด้านนี้ของคริสเตียนีฯ
ยังมีปัญหาอื่นเข้ามาข้องแวะ นับแต่เริ่มต้นแผนกนี้ขึ้นมาใหม่ ปัญหาของบุคลากรที่จะหาผู้เชี่ยวชาญมาควบคุมได้อย่างต่อเนื่องเป็นระยะยาวนั้น
ดูจะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้สม่ำเสมอของแผนกนี้ นับแต่การลาออกของสเวน อี
เอ็นเอดร์เซ่นส์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาอสังหารมิทรัพย์ เมื่อประมาณ
เดือนกันยายน 2535 ด้วยความเป็นผู้บุกเบิกงานนี้มาตั้งแต่ต้น และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ที่จะหาคนอื่นในคริสเตียนีฯ
เทียบเคียงได้ยาก ทำให้การดำเนินงานด้านอสังหาริมทรัพย์ในช่วงนั้น ติดขัดเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้นได้มีการแต่งตั้งสยุมพร อนันตเศรษฐ์ ลูกหม้อคริสเตียนีฯ อีกรายหนึ่งทีผู้บริหารระดับสูงมีความไววางใจในเรื่องการพัฒนาที่ดินเป็นอย่างมาก
ให้เข้มาดูแลในส่วนนี้ แต่สยุมพร ทนอยู่ในตำนห่งนี้ได้ไม่นาน ก็ต้องชิงลาออกในที่สุด
หลังจากนั้น คริสเตียนีฯ ก็ได้มือดีอีกคนหนึ่งจากบริษัทโมแบล็กซ์ จำกัด คือวรวุฒิ
วรรณชัยวงศ์ ให้เข้ามากุมบังเหียนในตำแหน่งสิบต่อไป เมื่อต้นที่ผ่านมา นี้เอง
แต่ด้วยอาถรรพ์ หรือระบบที่ยังไม่มีการปรับปรุงให้ดีขึ้นแต่อย่างใด ก็ทำให้วรวุฒิต้องระเห็จกลับไปนั่งเป็นผู้อำนวยการทั่วไปของโมเบล็กซ์เหมือนเดิม
หลังจากอยู่คริสเตียนีฯ ได้เพียง 10 เดือนเท่านัน
" ไม่ใช่เรื่องอาถรรพ์แต่อย่างใด เป็นเพราะระบบภายในของคริสเตียนีฯ
นั่นเอง ที่สร้างความอึดอัดให้เกิดขึ้นกับผุ้บริหารระดับกลาง นับตั้งแต่
คุณเสเวน ดร.สยุมพร หรือแม้แต่คุณวรวุฒิ คนล่าสุด พราะการตัดสินใจดำเนินการแต่ละขั้นตอนนั้น
ต้องผ่านหลายด่านที่จะคอยกลั่นกรอง โดยเฉพาะผู้บริหารระดับสูงที่ไม่ค่อยมีอำนาจตัดสินใจกับผู้บริหารระดับกลางมากนัก"
แหล่งข่าวผู้ใกล้ชิดกับคริสเตียนีฯ รายหนึ่งให้ความเห็น
ด้วยระบบที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการทำงานมากนักของคริสเตียนีฯ นี้เอง ทำให้ที่ผ่านมาปัญหาบุคลากรไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะแผนกพัฒนาอสังหารริมทรัพย์เท่านั้น
พนักงานของคริสเตียนีฯ ในส่วนอื่นเช่นวิศวกร ฝ่ายบัญชี เลขานุการ ก็ได้มีการยกพวกออกมาแล้วครั้งหนึ่งในราวปี
2536 ที่ผ่านมา แม้ว่าในช่วงหลังกระแสการลาออกของคนในคริสเตียนีฯ ดูจะเบาบางลงไป
แต่ก็ยังไม่หมดไปเสียทีเดียว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการกำหนดทิศทางของคริสเตียนีในช่วงต่อไป
พร้อมทั้งผลประกอบการที่น่าพอใจมากกว่านี้ด้วย
ดังที่กล่าวมาแล้วว่า ด้วยยอดดำเนินการในปีนี้ ที่คาดกันว่า ประมาณ 1หมื่น-1.5
หมื่นล้านบาทของคริสเตียนี และเครือข่ายทั้งหมด ตัวเลขดังกล่าวแม้จะดูค่อนข้างมาก
แต่กากเปรียบเทียบกับเครือข่ายที่อยู่ทัง 2 ทวีป จะพบว่า ยอดดำเนินการน่าจะสูงได้มากกว่านี้ในช่วงต่อไป
หากคริสสเตียนีฯ สามารถกระตุ้นให้เครือข่ายยุโรป และทีอื่นใดซึ่งจะมีการจัดตั้งขึ้นในอนาคต
สร้างผลดำเนินงานให้สูงกว่าปัจจุบันแล้ว
คริสเตียนีฯ คงจะทราบเป็นอย่างดี แล้วว่าการเติบโตอย่างรวดเร็วของธุรกิจเป็นเพียงการวางรากฐานในระยะเริ่มแรกที่ต้องอาศัยระยะเวลาในการพัฒนา
ในช่วงที่มีการขยายกิจการเป็นอย่างมากนั้น ราคาหุ้นของคริสเตียนีฯ ก็ได้มีการปรับตัวขึ้นไปรับกับข่าวพอสมควร
ทำให้อัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น ( ค่าP/E Ratio) ปรับตัวขึ้นไปถึง 3 เท่า
นับว่าสูงเมื่อเปรียบเทียบกับค่า P/E ของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และของตลาดทั้งหมด
ในขณะที่ความสามารถทำกำไรของบริษัท ในปี 2536 อยู่ที่ 18.42 เท่า ต่ำกว่าปี
2535 ที่มีความสามารถในการทำกำไรสูงถึง 32.27 เท่า ส่วนในปีนี้แหล่งข่าวนักวิเคราะห์หลักทรัพย์เปิดเผยว่า
กำไรต่อหุ้นของคริสเตียนีฯ น่าจะตกอยู่ประมาณ 7.15 บาท ต่อหุ้น ในปีหน้า
จะโตขึ้นประมาณ 24% ขึ้นไป เป็น 8 บาทต่อหุ้น
อีกหนึ่งปัญหาที่คริสเตียนีฯ จะต้องประสบในแง่ผลดำเนินการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ
ต้นทุนทางด้านการก่อสร้าง งานวิศวกรรมที่คริสเตียนฯ หันมาเปิดกิจการเหล่านี้มากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
จึงทำให้คริสเตียนีฯ จำเป็นต้องแบกต้นทุนที่จะต้องผลักดันให้ธุรกิจเหล่านี้ไปตลอดรอดฝั่ง
ซึ่งโดยธรรมชาติของบริษัทที่รับงานเกี่ยวกับระบบวิศวกรรมนั้น จะมีระยะเวลาไปถึงจุดคุ้มทุน
( Break event point) มากกว่ากิจการประเภทอื่นที่อยู่ในหมวดอสังหาริมทรัพย์ด้วยกัน
นอกจากนั้นด้วยสภาวะปัจจุบันที่การแข่งขันเพื่อรับงานก่อสร้างมีสูงขึ้น จะเป็นปัจจัยปฏิภาคโดยตรงกับความก้าวหน้าของธุรกิจด้านนี้ของคริสเตียนีฯ
นั่นหมายถึงว่า ธุรกิจด้านนี้มีความเสี่ยงพอสมควรในตัวของมันเอง หากคริสเตียนีฯ
พยายามไปเน้นให้น้ำหนักกับงานด้านก่อสร้างหรืออสังหาริมทรัพย์ มากเกินไปแล้ว
ก็จะมีผลทำให้ธุรกิจประเภทนี้มีความเสนี่ยงมากขึ้นอีก
สถานะทางการเงินที่จะมีจุดเอื้อทำให้คริสเตียนีสามารถระดมเงินจากแหล่งเงินทุนหลากหลายแห่ง
เพ่อให้เกิดสภาพคล่องในการทำโครงการอสังหาริมทรัพย์นั้น ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่น่าจับตามอง
ว่า ด้วยอสังหาริมทรัพย์ หลากลหลายโครงการทั้งในจีน มาเลเซีย ฮ่องกง ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ซึ่งล้วนแต่เป็นโครงการค่อนข้างใหญ่ จำนวนเงินทุนที่ลงไปพลอยมหาศาลตามไปด้วย
ที่คริสเตียนีฯ กล่าวไว้ว่า นอกจากากรระดมทุนทางด้านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
แล้วจะมีวิธีการอื่นที่เตรียมไว้แล้วในการระดมทุนจากแหล่งเงินทุนแห่งอื่นอีกหรือไม่
นักวิเคราะหืหลักทรัพย์รายเดิมให้ความเห็นว่าคริสเตียนี แอนด์ นีลเส็น
ที่เดนมาร์ก จะเป็นสะพานสำคัญที่สร้างช่องทางสำคัญในการระดมทุนจากทางยุโรป
เข้ามาช่วยเหลือโครงการต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตได้ เป็นอย่างมาก .ซึ่งอาจจะอยู่ในรูปของการออกหุ้นกู้
หรือวิธีการอื่น
" นอกจากนั้นด้วยสายสัมพันธ์กับกลุ่มธุรกิจอื่น อย่างเช่น เครือเจิรญโภคภัณฑ์
รวมถึงผู้ถือหุ้นรายสำคัญอย่างเช่นแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จะเป็นหลักประกันสำคัญของการระดมทุนเจข้ามาใช้ในในโครงการได้เป็นอย่างดี"
ด้วยข้อได้เปรียบที่มีผู้ถือหุ้นเป็นองค์กรธุรกิจใหญ่ของไทย
ด้วยข้อเด่นที่มีนดยบายสยายปักองค์กรอกไปให้กว้างไกล
และด้วยข้อด้อยด้านระบบภายใน ด้านบุคลากร การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ การจำกัดตัวเองไว้แต่ในงานเอกชน
เหล่านี้ จะผสมผสานกันออกมาเป็นสูตรสำเร็จที่จะบอกได้ว่า คริสเตียนี และนีลเส็น
( ไทย )
จะก้าวขึ้นแป้นบริษัทแนวหน้าในวงการ สมกับที่ใช้เวลาเข้ามาบุกเบิกงานในไทยถึง
64 ปี ได้หรือไม่