ไมเนอร์อินเตอร์โกย 2.9พันล.ไตรมาส3


ผู้จัดการรายวัน(16 พฤศจิกายน 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

ไมเนอร์อินเตอร์ฯ ทำรายได้ไตรมาสสามปีนี้ 2.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% ชี้รัฐประหารมีผลกระทบระยะสั้น ส่วนไมเนอร์ฟู้ดส์โกยรายได้ 1,477 ลานบาท เติบโต 25%

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT รายงานว่า ในไตรมาส 3 ปี 2549 มีรายได้รวม 2,868 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เช่นเดียวกับผลงานในอดีตของMINT ที่มีการเติบโตในธุรกิจอาหารและธุรกิจโรงแรมมาโดยตลอด ในขณะที่บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 240 ล้านบาท ไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในไตรมาส 3 ปี 2548 บริษัทฯมีรายได้พิเศษ โดยมีรายได้ค่าประกันภัยจากโรงแรมที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติสึนามิจำนวน 40 ล้านบาท หากพิจารณาโดยไม่รวมรายการดังกล่าวแล้ว พบว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2549 บริษัทฯกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น ถึง 20 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

สำหรับผลประกอบการดำเนินงานงวด 9 เดือน บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 881 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30 % เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น 0.31 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 16 %

แม้ว่าในไตรมาส 3 ปี 2549 จะเป็นช่วงที่ความไม่แน่นอนทางการเมืองและการก่อรัฐประหารประกอบด้วย MINT มีการปิดปรับปรุงห้องพักบางส่วนของโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพ เกือบ 60% ของจำนวนห้องพักทั้งหมด แต่รายได้จากธุรกิจโรงแรมของ MINT ยังคงมีเสถียรภาพ โดยบริษัทฯมีรายได้จากธุรกิจโรงแรม 994 ล้านบาท โดยที่รายได้เฉลี่ยต่อห้องเพิ่มขึ้น 3% เทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว เป็น 2,702 บาท ในสัปดาห์หลังจากการก่อรัฐประหารซึ่งเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนกันยายน ธุรกิจโรงแรมประสบผลกระทบระยะสั้นจากการยกเลิกการจองห้องพักของแขก แต่พบว่าแขกกลุ่มดังกล่าวกลับมาจองห้องพักอีกในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2550 ดังนั้นเชื่อว่าธุรกิจโรงแรมจะฟื้นตัวในไตรมาส 4 ปี 2549 และไตรมาส 1 ปี 2550 ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ปรับปรุงเสร็จเรียบร้อยแล้ว และการเปิดโรงแรมที่มัลดีฟส์ได้แก่ โรงแรมอนันตรา จำนวน 110 ห้อง โรงแรมนาลาดู จำนวน 20 ห้องพัก และโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ที่เกาะสมุย จำนวน 60 ห้อง

ขณะที่ บริษัท ไมเนอร์ฟู้ดส์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MFG รายงานว่า ในไตรมาส 3 ปี 2549 มีรายได้รวม 1,477 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในไตรมาส 3 ปี 2549 MFG มีการรับรู้ผลการดำเนินงานทั้งหมด 100% ของธุรกิจในประเทศจีนที่ MFG เข้าไปลงทุนในช่วงสิ้นปี 2548 และการเติบโตของยอดขายต่อร้านสาขาเดิมซึ่งเพิ่มขึ้น 9 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีการขยายสาขาเพิ่ม 68 สาขา เมื่อเทียบกับจำนวนสาขาในไตรมาส 3 ปี 2548 ในเดือนตุลาคม MINT ได้ประกาศเจตจำนงค์ในการเข้าลงทุนในบริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิ เคท จำกัด (มหาชน) (S&P) เป็นสัดส่วนการถือหุ้น 17% ซึ่งเอส แอนด์ พี เป็นหนึ่งในบริษัทขนาดใหญ่ที่ทำธุรกิจอาหารและร้านอาหาร ซึ่งมีร้านอาหารและร้านเบเกอร์รี่ภายใต้ตราสินค้า S&P และอื่นๆ มากกว่า 230 ร้าน ทั้งนี้MINT จะร่วมมือกับ เอส แอนด์ พี ในการแสวงหาผลประโยชน์ร่วมกันในการขยายธุรกิจอาหาร อาทิ เช่น การดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ในต่างประเทศ และการบริการจัดส่งอาหารถึงบ้าน ซึ่งคาดว่าการลงทุนใน เอส แอนด์ พี จะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับ MINT ในอนาคต


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.