|
อสมทยังเงื้อง่า ไร่ส้มลอยนวล ซื้อเวลาอีกเดือน
ผู้จัดการรายวัน(15 พฤศจิกายน 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
บอร์ด อสมท มีมติการประชุมบอร์ดครั้งที่ 3 กรณีไร่ส้ม เป็นเรื่องของความผิดทางวินัยของไร่ส้ม บอร์ดโยนลูกส่ง“พงษ์ศักดิ์”รักษาการ ผอ.ใหญ่ อสมท ดำเนินการแทน ส่วนผังรายการใหม่"คุยคุ้ยข่าว"และ "ถึงลูกถึงคน" ยังเหนียว พร้อมเน้นผลิตเองมากขึ้นเป็น 50% จากเดิม 43% ส่งรายการใหม่เนื้อหาสาระหวังเรียกเรตติ้ง ลงมติผังใหม่เริ่ม 1 ม.ค.-30 มิ.ย.50 ขณะที่แต่ละรายการที่อยู่ในผังใหม่มีสิทธ์ถูกเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาโดย เช็คจากเรตติ้ง รายได้ และจากไกด์บุ๊ก ด้านกลุ่มพลังอสมท ออกแถลงการณ์อีก ส่วนปัญหาไอทีวีคาดสัปดาห์นี้ส่งถึงอัยการสูงสุด
คณะกรรมการ บมจ.อสมท ได้ประชุมบอร์ดครั้งที่ 3 เมื่อวานนี้(14 พ.ย.) ตั้งแต่เวลา 13.30 น.-18.00 น.โดยมีวาระการประชุมในเรื่องของ กรณีการร้องเรียน การทุจริตของบริษัทไร่ส้ม จำกัด และเรื่องของผังรายการใหม่ เป็นสำคัญ
นายบุญปลูก ชายเกตุ ประธานบอร์ด บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า การประชุมบอร์ด อสมท ครั้งที่ 3 นี้ ได้มีมติออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในเรื่องของการร้องเรียนกรณีการทุจริตของ บริษัท ไร่ส้ม จำกัด ว่า ขณะนี้เรื่องดังกล่าวได้มอบให้ทางนายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท เป็นผู้รับหน้าที่ในการพิจารณาสอบสวนต่อไป โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน จึงจะสรุปผลออกมาได้ และจะมีการประกาศให้ประชาชนรับทราบ
“ทางบอร์ดไม่ได้มีหน้าที่ในการพิจารณา ยกเว้นแต่เมื่อทางไร่ส้มจะมีการอุทรณ์เกิดขึ้น ทางบอร์ดจึงจะเข้าไปทำหน้าที่ดูแลตรงนั้น ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้ระบุชัดว่าไร่ส้มผิด ”
ขณะที่ในเรื่องของผังรายการใหม่ ภายใต้คอนเซปต์ การพัฒนาการแห่งข่าวสารนั้น จะเน้นเนื้อหาสาระมากขึ้น เพิ่มความหลากหลายของคอนเท้นท์ โดยบริษัทฯจะเน้นผลิตเอง 50% เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ที่ผลิตเองเพียง 43% และยังคงสัดส่วนผังรายการเป็นประเภทรายการเกี่ยวกับข่าว 40% สาระความรู้ 40% และบันเทิงอีก 30% ขณะที่ช่วงไพรม์ไทม์ ที่ถือเป็นจุดแข็งนั้น ก็ยังคงจุดแข็งไว้เช่นเดิม ส่วนช่วงนอน ไพรม์ไทม์ จะเพิ่มแวลู ทั้งในเรื่องของเนื้อหาและโฆษณามากยิ่งขึ้น
“บริษัทฯจะเน้นผลิตรายการเองมากขึ้น คิดเป็นสัดส่วนถึง 50% เพราะพนักงานของบริษัทฯเองมีศักยภาพสูงที่จะสามารถผลิตรายการเองได้ โดยมีผู้ดำเนินรายการที่เป็นพนักงานของบริษัทฯด้วยเช่นเดียวกัน ขณะที่รายการใหม่ที่จะเกิดขึ้นนั้นยังต้องคำนึงถึงความถนัดและเนื้อหาที่จะนำเสนอด้วย ซึ่งหากเป็นรายการที่ไม่ถนัด ก็อาจจะให้ทางผู้จัดรายอื่นเข้ามาทำ หรืออาจะเป็นการผลิตร่วมกัน”
สำหรับกรณี รายการคุยคุ้ยข่าว และ ถึงลูกถึงคนนั้น ที่มีกระแสข่าวว่าจะไม่อยู่ในผังใหม่นั้น ทางบอร์ดมีมติออกมาว่า ทั้งสองรายการยังอยู่ในผังรายการใหม่ ขณะที่รายการถึงลูกถึงคนนั้น รายการดังกล่าวเป็นรายการที่ทางบริษัทฯเป็นผู้ผลิตเอง ดังนั้นจึงยังคงอยู่ในผัง แต่อาจมีการเพิ่มความหลากหลายในเรื่องของสาระและแขกรับเชิญมากยิ่งขึ้น
ส่วนรายการใหม่ที่จะมีเข้ามาในผังนั้น ได้แก่ ช่วงเวลา 10.30 น. –11.30น. ทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ จะมีรายการ ภัยรายวัน ออกอากาศ โดยทางบริษัทฯเป็นผู้ผลิตเอง รายการ ปราชญ์เดินดิน ทาง พาโนรามา เป็นผู้ผลิต จะออกอากาศในวันเสาร์และอาทิตย์ รายการ โลกมหัศจรรย์ ออกอากาศในวันเสาร์เวลา 11.00น.-11.30น. รายการดีมากๆ(What’s good for you) ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.30น.-18.00น. ส่วนรายการหลุมดำนั้น จากเดิมที่เป็นรายการนำเสนอปัญหาเชิงลบ และออกอากาศในคืนวันเสาร์นั้น จะมีการปรับรูปแบบรายการและเปลี่ยนชื่อรายการใหม่เป็น “จุดเปลี่ยน” โดยจะนำเสนอรายการในลักษณะเชิงบวกแทน แต่ยังคงเวลาเดิม และผู้ผลิตโดยบริษัท ทีวีบูรพา จำกัดเช่นเดิม
ขณะที่รายการข่าวภาคค่ำนั้น จากเดิมแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ 17.30น.-18.30 น. และเวลา 19.30น.-20.30น. โดยมีรายการ เกมทศกัณฑ์ คั่นไว้นั้น จะเปลี่ยนเป็น รายการข่าวช่วงเดียว เริ่มตั้งแต่เวลา 19.00 น.-20.30 น.โดยก่อนจะเข้าสู่รายการข่าวภาคค่ำนั้น จะมีรายการ เกมทศกัณฑ์แปลงร่างออกอากาศก่อนในเวลาประมาณ 18.30 น.
นายบุญปลูกกล่าวว่า แต่ละรายการในผังรายการใหม่ครั้งนี้ จะมีการประเมินผลอยู่ตลอดเวลา ทั้งในแง่ของ เรตติ้งจะมีการประเมินผลทุกสัปดาห์ ด้านรายได้ และการตอบรับจากผู้บริโภค ที่เป็นข้อมูลเชิงคุณภาพ จะมีการประเมินทุกๆ 2 เดือน ผ่านไกด์บุ๊กที่ทางบริษัทฯได้จัดทำขึ้นสำหรับใช้ในการประเมินผลครั้งนี้ โดยอาจจะขอความร่วมมือจากสถาบันที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับการประเมินผลเข้ามาช่วยตรวจสอบให้ด้วย แต่ทั้งนี้ทุกๆรายการนั้น สามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงได้อยู่ตลอดเวลา
หวั่นคนอสมท. ตกเป็นเครื่องมือ
นายศิริชัย ไม้งาม เลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) กล่าวถึงปัญหาภายในของบริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ว่า ได้ฝากเตือนไปยังสหภาพแรงงาน อสมท.แล้วว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวจะต้องเช็คกระแสภายนอกองค์กรด้วยว่า เขาคิดกันอย่างไรในเรื่องของความขัดแย้ง สังคมข้างนอกเขามองคนใน อสมท.อย่างไร
“ประเด็นนี้ผมเห็นว่า เป็นเรื่องของนโยบายรัฐบาลที่จะสามารถดำเนินการอะไรก็ได้ อย่ามัวแต่เงื้อง่าราคาแพงเพราะรัฐบาลชุดนี้ทำได้ทุกเรื่องอยู่แล้ว ทั้งเรื่องให้ อสมท.ออกจากตลาดหลักทรัพย์หรือกลับมาเป็นองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทยตามเดิม อย่างไรก็ตามประเด็นที่ผมเป็นห่วงคือ กลัวว่าพนักงาน อสมท.จะกลายเป็นเครื่องมือของคนบางกลุ่มที่เข้ามาสร้างความขัดแย้งในองค์กร เพื่อให้หุ้นราคาต่ำและเข้ามาช้อนซื้อหุ้นเพื่อเทขายในภายหลัง”นายศิริชัยกล่าว
กลุ่มพลังอสมทออกแถลงการณ์ฉบับที่ 8-9
ด้านกลุ่มพลัง อสมท ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 8 “ประสานใจคลายวิกฤติ อสมท” หลังจากพนักงานทุกฝ่ายประชุมร่วมกันอีกครั้งเมื่อเย็นวันที่ 13 พ.ย. เพื่อทำความเข้าใจร่วมกันถึงความคืบหน้าการเคลื่อนไหวเพื่อปกป้ององค์กรที่มีเจตนาบริสุทธิ์และสังคมรับรู้ว่า ไม่ได้เคลื่อนไหวเพราะผลประโยชน์และหุ้น รวมทั้งย้ำว่า การเคลื่อนไหวของพนักงาน อสมท ไม่เกี่ยวข้องหรือโยงกลุ่มการเมืองใดๆ และจากวันนี้ไป ชาว อสมท ยังมีจุดยืนสวมเสื้อดำ สำหรับวิกฤติ อสมท ที่ยังคงอยู่ พนักงานเห็นตรงกันว่า จะรีบคลี่คลายปัญหาให้เร็วที่สุด เพราะต้องการใช้เวลาเพื่อทำประโยชน์ให้ประชาชนมากกว่า โดยการหาทางออกไม่ใช่การตัดสินใจของใครหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่มาจากฉันทามติของเพื่อนพนักงานที่ร่วมระดมความเห็นจากตัวแทนทั้ง 44 ฝ่าย แต่ขึ้นอยู่กับผู้บริหารว่ามีความประสงค์จะรับทราบปัญหาและร่วมหาข้อยุติให้กับวิกฤติที่ยังคงอยู่ใน อสมท หรือไม่ ส่วนข้อเรียกร้องกรณีนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ยื่นต่อนายกรัฐมนตรี ขอให้สังคมและรัฐบาลตัดสิน เพราะเป็นเรื่องเชิงนโยบาย
นอกจากนี้ยังออกแถลงการณ์ฉบับที่ 9 “ให้สังคมพิพากษา” โดยคาดหวังว่า “พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์” นายกรัฐมนตรี จะเข้ามาดูแลปัญหา อสมท ในเวลาอันสมควร ตามที่ได้กรุณาระบุไว้ในเวที “นายกฯ พบสื่อมวลชน” ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันจันทร์ที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา นอกจากนี้ แถลงการณ์ยังนำคำพูดของ นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีความชัดเจนถึงความคิดในการปรับผังรายการของ อสมท เป็นอย่างไร เพราะออกมายอมรับสารภาพต่อสาธารณชน ว่า ได้มีการดำเนินการพูดคุยกับผู้จัดรายการจริงตามที่ กลุ่มพลัง อสมท เคยร้องเรียนไป และเตรียมคืนความชอบธรรมให้ผู้จัดรายการที่ถูกถอดออกจากผังช่วงรัฐบาลที่ผ่านมา ทั้งที่ก่อนหน้านี้อ้างว่าไม่ทราบว่ากลุ่มดังกล่าวเป็นผู้จัดรายการ คิดว่าเป็นเพียงกลุ่มนักธุรกิจด้านสื่อสาร ซึ่งสิ่งที่นายธีรภัทร์ ดำเนินการนั้น ทำให้เห็นแล้วว่า ไม่ได้คำนึงถึงความโปร่งใสและเป็นธรรม ความจริงทั้งหมดขอให้ประชาชนและสังคมเป็นผู้ตัดสิน เพราะกลุ่มพลัง อสมท ทำอย่างดีที่สุดแล้ว
ส่งไอทีวีให้อัยการสูงสุดสัปดาห์นี้
ส่วนความคืบหน้าเรื่องปัญหาบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) นั้น นายจุลยุทธ หิรัณยะวสิต ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คาดว่าในสัปดาห์หน้าจะสามารถส่งเรื่องไอทีวีให้อัยการสูงสุดพิจารณาได้ หลังจากที่ได้ส่งเรื่องไปให้คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นหน้าที่ของอัยการสูงสุดว่าจะฟ้องศาลแพ่งหรือศาลปกครอง ซึ่งขณะนี้เหลือเวลาอีก 6 เดือนต้องทำให้เสร็จ ล่าสุดค่าปรับไอทีวีอยู่ที่ประมาณ 94,000 ล้านบาทแล้ว
สำหรับผังรายการของไอทีวีนั้น ได้มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อเข้าไปทำหน้าที่ดูแลแล้ว แต่ต้องรอการอนุมัติจากทางนายกรัฐมนตรีก่อน ซึ่งผังรายการปี 2550 จะต้องเป็นไปตามสัญญาที่ทำกันไว้ คือ ข่าวและสารคดี 70% บันเทิง 30%
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|