บาทแข็งต่อเนื่องคาดสิ้นปี36.20หม่อมอุ๋ยเผยเงินเก็งกำไร-ลงทุนทะลัก


ผู้จัดการรายวัน(14 พฤศจิกายน 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

นักค้าเงินคาดการณ์ค่าบาทปลายปีแตะระดับ 36.20-36.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เล็งเศรษฐกิจสหรัฐ ค่าเงินหยวน การเมืองไทย เป็นแรงผลักดันสำคัญ จับตานักลงทุนโยกย้ายแหล่งลงทุนเข้าสู่ยุโรป เอเชีย มากขึ้น ด้าน รมว.คลัง รับมีเงินไหลเข้าไม่หยุดทั้งระยะสั้นและเพื่อลงทุน เหตุต่างชาติเริ่มมั่นใจเข้าลงทุนมากขึ้น

นักค้าเงินธนาคารไทยธนาคาร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าในสิ้นปีนี้คาดการณ์ว่าแนวโน้มค่าเงินบาทจะปรับตัวมาอยู่ที่ระดับ 36.20-36.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยการปรับตัวดังกล่าวมีปัจจัยมาจากเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกาที่ชะลอตัวลง รวมถึงการเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกาที่ผ่านมา ประกอบกับปัจจัยจากธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) ที่หลายฝ่ายมองว่าไม่น่าจะมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อ หรือหากมีการปรับขึ้นก็อาจขึ้นต่ออีกเพียงครั้งเดียว ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลทำให้นักลงทุน เริ่มมีความไม่แน่ใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงต้องทำการโยกย้ายการลงทุน หรือขายพอร์ตการลงทุนที่มีอยู่ แล้วหาลู่ทางใหม่ในกระจายพอร์ตการลงทุนเพื่อหาผลตอบแทนที่ดีกว่า โดยเล็งการลงทุนมาในแทบประเทศยุโรป และเอเชียมากขึ้น

ทั้งนี้ในต้นปีหน้าคาดการณ์ว่าค่าเงินบาทน่าจะมีโอกาสปรับตัวมาอยู่ที่ระดับ 36.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยปัจจัยที่ต้องจับตาดูในปีหน้าคือเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ค่าเงินหยวนของจีนว่าจะมีทิศทางต่อไปอย่างไร ประกอบกับการเมืองของประเทศไทยว่าจะมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมานักลงทุนที่เข้ามาไม่ค่อยสนใจลงทุนในระยะยาวมากนัก ขณะเดียวกันนักลงทุนต่างไม่ค่อยสนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยมากนัก

สำหรับค่าเงินบาทวานนี้ (13 พ.ย.) เปิดตลาดที่ 36.50-36.53 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และปิดคลาดที่ 36.50-36.54 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

จับตาจีนเทขายเงินดอลลาร์

นักค้าเงินจากธนาคารกรุงเทพกล่าวว่า เงินบาทวานนี้(13 พ.ย.)เคลื่อนไหวแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ก่อน โดยเงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 36.56/60 บาทต่อดอลลาร์และปรับตัวแข็งค่าต่ำสุดของวันที่ระดับ 36.50/53 บาทต่อดอลลาร์ และเคลื่อนไหวอยู่ในระดับดังกล่าวตลอดวัน โดยแนวรับระดับ 36.50 บาทต่อดอลลาร์ถือเป็นแนวรับสำคัญที่ค่าบาทยังไม่ทะลุลงไป

ทั้งนี้ การที่เมื่อปลายสัปดาห์ก่อนที่ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนออกมาให้สัมภาษณ์ว่าจะมีการปรับการถือครองเงินตราสกุลต่างประเทศในเงินทุนสำรองของประเทศจีน ทำให้มีการเทขายเงินดอลลาร์สหรัฐฯออกมาอย่างต่อเนื่อง เพราะนักลงทุนต่างคาดการณ์ว่าเงินสกุลที่จะถูกปรับหรือถูกลดการถือครองเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งในส่วนนี้คงจะต้องรอความชัดเจนจากทางการจีนอีกครั้ง

สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาทในช่วงเดือนนี้ คาดว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในระดับ 36.50-36.75 บาทต่อดอลลาร์ โดยเงินบาทอาจจะมีการอ่อนค่าลงเล็กน้อยในช่วงสั้นๆเป็นการรีบาวน์หลังจากที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

อุ๋ยเผยทุนนอกทะลัก

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวถึงการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ขณะนี้ว่า ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย.จนถึงปัจจุบัน มีเงินไหลเข้าอย่างไม่หยุด เป็นข้อเท็จจริงที่แสดงถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน ขณะที่การลงทุนโดยตรง (เอฟดีไอ) ก็มีการจับตาอย่างใกล้ชิด ซึ่งพบว่าปีนี้จะสูงกว่าปีที่แล้ว ส่วนเรื่องการลงทุนได้พบกับนักลงทุนต่างประเทศ หลังจากเราประกาศจะทำขนส่งมวลชนจาก 3 สาย เป็น 5 สาย และกำหนดเวลาการประมูลไว้ เดือน มี.ค. บรรยากาศทุกอย่างดีขึ้นมาก

"เงินลงทุนจากต่างชาติจะเข้ามาเยอะในโครงการรถไฟฟ้า เชื่อว่าระบบขนส่งมวลชนเป็นตัวที่ช่วยให้ต่างชาติเชื่อว่ารัฐบาลนี้ทำเป็น ทำได้เร็วและทำอย่างมีเป้าหมายที่แน่ชัด" ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าว


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.