|
ริชี่เพลสฯขอต่อกรยักษ์คอนโดฯชูทำเลเด่นพ่วงราคาขายต่ำคู่แข่ง
ผู้จัดการรายวัน(14 พฤศจิกายน 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
กลุ่มผู้ผลิตอะไหล่รถยนต์ส่งออก รุกธุรกิจอสังหาฯ ตั้งแบรนด์ "ริชี่เพลซ"ลุยพัฒนาบ้านจัดสรรแนวราบ-สูง ล่าสุดเตรียมเปิดตัวโครงการ "Le-rich" สาทร-สาธุฯ มูลค่า1,500ล้านบาท แจงนโยบายดำเนินงาน การตลาดนำ-โปรดักส์ตาม เน้นทำเล-ดีมานด์ในพื้นที่เป็นหลัก ระบุไม่ต้องการเป็นเบอร์1ในเซกเมนต์ใด แต่ต้องปรับเปลี่ยนตามดีมานด์และตลาดเป็นหลัก
นางอาภา อรรถบูรณ์วงศ์ ประธานกรรมการบริษัท ริชี่เพลซ 2002 จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ซื้อที่ดิน2ไร่ ติดถนนสาทร ใกล้เซ็นทรั่ลพระราม 3 และทางด่วนขั้นที1-2 วงแหวนอุตสาหกรรม ในราคาตารางวาละ1 แสนกว่าบาท เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในปลายเดือนธ.ค. 49นี้ โดยโครงการดังกล่าวจะใช้ชื่อว่าโครงการ "Le-rich สาทร-สาธุประดิษฐ์" ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียม ไฮไลท์ สูง 22 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 423 ยูนิต มูลค่าขายโครงการรวม 1,500 ล้านบาท ราคาขายต่อตารางเมตรเริ่มต้นที่ 50,000-62,000 บาท มีขนาดพื้นที่ใช้สอยต่อยูนิตเริ่มต้นที่ 30-60 ตารางเมตร(ตร.ม.) เน้นกลุ่มลูกค้าระดับกลาง ที่มีรายได้ตั้งแต่ 30,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป อายุเฉลี่ย 25-40 ปี ซึ่งจากการสำรวจตลาดในพื้นที่ พบว่า จำนวนโครงการคอนโดฯที่เปิดตัวค่อนข้างน้อย และส่วนใหญ่เปิดขายภายในซอย ราคาขายตั้งแต่ 50,000 - 60,000บาทต่อตร.ม.นอกจากนี้ยังเป็นโครงการคอนโดฯไม่เกิน 7 ชั้น (โลไลท์) เกือบทั้งหมด ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับสินค้าที่บริษัทจะพัฒนาออกมาแล้ว จะมีจุดดีมากกว่าไม่ว่าจะเป็นทำเลที่อยู่ติดถนนใหญ่ไม่ต้องเข้าซอย ราคาขายระดับเดียวกันกับโครงการในพื้นที่ ในขณะที่โครงการของบริษัทมีรูปแบบก่อสร้างเป็นโครงการแนวสูง (ไฮไลท์) ทำให้ได้เปรียบโครงการคู้แข่งในพื้นที่
" การที่บริษัทสามารถขายในราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่งในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาด ที่จะมาเปิดโครงการใหม่ในย่านนี้ ประมาณ 2-3 รายที่เป็นรายใหญ่ เนื่องจากข้อได้เปรียบทางด้านที่ดิน ที่มีต้นทุนต่ำ ซื้อมาในราคาประมาณ 100 ล้านบาท จากราคาประเมิน 150ล้านบาท โดยซื้อจากธนาคารทหารไทย และใช้ทุนในของบริษัทในการพัฒนาอีกเกือบ 200 ล้านบาท ทำให้สามารถขายได้ต่ำกว่ารายอื่นๆ ในพื้นที่ " นางอาภากล่าว
สำหรับบริษัท ริชี่เพลซฯ ก่อตั้งในปี 2547 ซึ่งเดิมที่ผู้ก่อตั้งคือ บริษัท อรรถบูรณ์ จำกัด ทำธุรกิจผลิตชิ้นส่วนรถยนต์โตโยต้า และอะไหล่รถยนต์ส่งออกต่างประเทศ ผลงานที่ผ่านมา คือ โครงการบ้านเดี่ย ริชี่ วิลล์ บางบัวทอง และโครงการคอนโดฯ ริชชี่ ทาวน์เวอร์ ติดถนนเพชรเกษม มูลค่า 400 ล้านบาท คาดว่าจะปิดการขายภายในปี 2549
นางอาภา กล่าวถึงนโยบายในการดำเนินงานของบริษัทว่า ไม่ได้มีการวางเป้าหมายว่าจะเน้นพัฒนาสินค้าในเซกเมนต์ใดแน่นอน แต่จะปรับเปลี่ยนการพัฒนาไปตามความต้องการของตลาดในแต่ละทำเล และเน้นทำเลที่ดีที่สุดในโซนที่จะเข้าไปพัฒนาโครงการ ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถบริหารสต็อก และต้นทุนการก่อสร้างรวมถึงยอดขายได้ง่ายกว่าการกำหนดว่าจะเป็นเบอร์หนึ่งในตลาดใดตลาดหนึ่ง ทำให้ต้องแข่งขันกับกลุ่มผู้ประกอบการที่มีอยู่ในทำเลนั้นๆ อยู่แล้วลำบาก ขณะเดียวกันการพัฒนาโครงการ จะเน้นขนาดและจำนวนไม่มาก เพื่อให้สามารถปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว เป็นการลดภาระทางด้านต้นทุน
" บริษัทจะไม่สะสมที่ดินไว้ในมือ เพราะจะก่อให้เกิดภาระต้นทุน แต่จะซื้อเข้ามาเมือต้องการพัฒนาโครงการในแต่ละทำเล นอกจากนี้ กลุ่มผู้ถือหุ้นทุกคน ยังมีที่ดินสะสมของตนเองอยู่ ซึ่งหากต้องการที่จะพัมนาโครงการในที่ดินของใครก็จะโอนเข้ามา และดำเนินการพัฒนาโครงการในทันที่ ซึ่งด้วยวิธีการนี้เองทำให้บริษัทมีงบการเงินที่ดี และให้ผลตอบแทนที่สูงมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม บริษัทตั้งเป้าว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในระยะ 4 - 5 ปีข้างหน้า เนื่องจากการบริหารบริษัทต้องมีการเติบโต อีกทั้ง การขยายบริษัท และโครงการที่จะพัฒนาจำเป็นต้องใช้ทุนเพิ่ม ซึ่งทำให้จำเป็นต้องเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ"
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|