|

“วรวุฒิ”โบกมือลาทศภาค จับมืออาร์เอส ลุยสปอร์ตเทนเมนท์ ต่อยอดธุรกิจ
ผู้จัดการรายวัน(10 พฤศจิกายน 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
อาร์เอส เดินหน้าลุยธุรกิจกลุ่มสปอร์ต จับมือ “วรวุฒิ โรจนพานิชย์” กูรูด้านสปอร์ต เมนเนจเมนท์ ทุ่มเม็ดเงินกว่า 50 ล้านบาท ผุดบริษัท อาร์เอส อินเตอร์เนชั่นแนล บรอดคาสติ้ง แอนด์ สปอร์ต แมเนจเมนต์ จัด ประเดิมไลเซ่นเวิล์ด คัพ 8 ปี เริ่มฤดูกาลหน้า ยิ้มรับรายได้ไตรมาสสุดท้าย มั่นใจรายได้เป็นไปตามเป้ากว่า 3,200 ล้านบาท หลังผลประกอบการไตรมาสสาม โกยรายได้ไปกว่า 714.31 ล้านบาท กำไรสุทธิ 69.36 ล้านบาท
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯได้มีการปรับโมเดลธุรกิจใหม่ เพื่อเป้าหมายในการเป็น เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ แอนด์ สปอร์ต คอนเทนท์ โพรไวเซอร์ และ มัลติมีเดีย เซอร์วิส ที่เน้นบริหารสินทรัพย์ทำรายได้ 360 องศานั้น ล่าสุดบริษัทฯได้มีการร่วมทุนกับบริษัท บรอดคาสติ้ง แอนด์ สปอร์ต แมแนจเมนต์ จำกัด นำโดยนายวรวุฒิ โรจนพานิช ซึ่งเคยทำงานให้กับบริษัท ทศภาค ที่ได้รับสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกในประเทศไทย โดยการออกมาครั้งนี้เพื่อร่วมกั บบริษัท อาร์เอส ทำธุรกิจเกี่ยวกับสปอร์ต แมเนจเม้นท์ ภายใต้ชื่อ บริษัท อาร์เอส อินเตอร์เนชั่นแนล บรอดคาสติ้ง แอนด์ สปอร์ต แมแนจเมนต์ จำกัด หรือ อาร์เอส บีเอส
“การเข้ามาทำธุรกิจเกี่ยวกับสปอร์ต แมนเนจเม้นท์ในครั้งนี้ ได้มีการก่อตั้งบริษัทขึ้นใหม่ ด้วยทุนจดทะเบียนกว่า 50 ล้านบาท ขณะที่บริษัทฯถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 50 % ขณะที่ทางนายวรวุฒิ และทีมงานก็มีการถือหุ้น เช่นเดียวกัน สำหรับการดำเนินธุรกิจนั้น จะเป็นการบริหารการจัดการเกี่ยวกับสปอร์ตทุกรูปแบบ โดยจะมองเป็นคอนเทนท์ชนิดหนึ่ง ที่จะสามารถต่อยอดให้กับคอนเทนท์อื่นๆที่บริษัทฯบริหารอยู่
ล่าสุดทาง อาร์เอส บีเอส ได้สิทธ์ไลเซ่นของเวิล์ด คัพ ในปี 2010 และปี 2014 รวม 8 ปี ทั้งนี้มองว่าจะมีการบริหารไลเซ่นให้เกิดประโยชน์มากที่สุด โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงฤดูกาล อาทิ เช่น อาจจะมีการจับมือกับสินค้าชนิดหนึ่ง แล้วร่วมกันทำแคมเปญร่วมกัน ในการเฟ้นหาตัวเยาวชน ไปเยี่ยมชมสนามแข่งขัน เป็นต้น ซึ่งในขณะนี้มีสินค้าหลายประเภทที่ติดต่อเข้ามาบ้างแล้ว ส่วนสินค้าประเภทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่กำลังมีปัญหาอยู่ในขณะนี้ มองว่า เป็นโอกาสดีของบริษัทฯ ในการทำธุรกิจสปอร์ต แมเนจเม้นท์ต่อไป อย่างไรก็ตาม จะมีการเปิดตัวบริษัทใหม่อย่างเป็นทางการในอาทิตย์หน้า
** ยิ้มรับQ3 กำไรกว่า 69.36 ลบ. **
ส่วนในเรื่องของผลประกอบการในไตรมาส3 นั้น ถือได้ว่าประสบความสำเร็จค่อนข้างสูง โดยเฉพาะกำไรสุทธิ ที่มีกว่า 69.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 356% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ส่วนรายได้รวมมีมูลค่า 714.31 ล้านบาท ลดลง 6.5% ซึ่งเกิดจากการบริหารจัดการใหม่ของบริษัทฯนั้นเอง อาทิ เช่น มีการ คืนคลื่นวิทยุไป 1 คลื่น
ขณะที่ในไตรมาส 4 นั้น มองว่า จะมีรายได้ดีขึ้นมากกว่าทั้ง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา จากการที่มีรายได้จากการจำหน่ายแผ่นซีดี คอนเสริ์ต ของ วงโปงลางสะออน ที่คาดว่าจะจำหน่ายได้กว่า 10 ล้านแผ่น รวมถึงรายได้จากภาพยนตร์ที่จะเข้าฉาย 2 เรื่อง คือ ผีคนเป็น และ แสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้า นอกจากนี้ยังมีการจัดคอนเสริ์ตในช่วงเค้าน์ดาวน์ อีก 2 คอนเสริ์ต คือ ที่เซ็นทรัลเวิล์ด โดยการจับมือร่วมกันกับทาง เซ็นทรัลเวิล์ด และ ช่อง3 และที่สะพานพระรามแปด อีก 1 คอนเสริ์ต รวมไปถึงการจัดงานเกี่ยวกับพลุ นานาชาติ ผ่าน บริษัท ไอ ดรีม จำกัด อีกด้วย
นายสุรชัย กล่าวต่อว่า มีความเชื่อมั่นว่า จากการที่บริษัทฯได้มีการปรับโมเดลธุรกิจใหม่ครั้งนี้ มองว่าสิ้นปีจะมีรายได้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้กว่า 3.2-3.3 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตขึ้น 25 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ขณะที่กำไรสุทธินั้น คาดว่าปีนี้จะอยู่ที่ 200 ล้านบาท โดยรายได้ที่เกิดขึ้นนั้น มาจากการบริหารคอนเทนต์เพลง 45 % ธุรกิจสื่อ ได้แก่ ทีวี วิทยุ สิ่งพิมพ์ 45 % และธุรกิจอื่นๆ ได้แก่ ภาพยนตร์และรับจ้างผลิต รับจ้างจัดงานอีก 10 %
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|